xs
xsm
sm
md
lg

อดีตทูตจวกอียูส่งซิก “สมชาย” ปราบพันธมิตรฯ-แฉปั่นตัวเลขเสียหายเกินจริง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุรพงษ์ ชัยนาม
อดีตทูต “สุรพงษ์ ชัยนาม” จวกคำแถลงทูตอียู ส่งสัญญาณ “สมชาย” ปราบพันธมิตรฯ หวังประโยชน์ประเทศตัวเองเป็นหลัก สวนกลับ ทีประท้วง-เผาสนามบิน ในยุโรป ทำไมไม่ประณาม ปิดหูปิดตามองไม่เห็นความผิดรัฐบาล “น้องเขยแม้ว” ด้าน “พล.อ.อ.เทิดศักดิ์” อดีตผู้ว่าการการท่าฯ จวกรัฐบาลจงใจปั่นตัวเลขความเสียหายเกินความจริง ให้ร้ายพันธมิตรฯ ปลุกเพื่อนทหารออกมาช่วย ปชช.ปกป้องสถาบัน

วันนี้ (30 พ.ย.) เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น.นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตเอกอัครราชทูตไทยหลายประเทศ ได้ขึ้นกล่าวปราศรัยบนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ภายในทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา และคณะทูตจากประเทศในสหภาพยุโรป ได้ออกแถลงการณ์ตำหนิพันธมิตรฯ ว่า สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติเป็นอย่างมาก กรณีปิดสนามสุวรรณภูมิ และสนามบินดอนเมือง ว่า เป็นการดำเนินการอย่างไม่มีเหตุผล โดยไม่ได้กล่าวถึงสาเหตุว่าเพราะอะไรพันธมิตรฯ จึงต้องไปทำการปิดสนามบิน จนกลายเป็นข่าวครึกโครมที่สื่อต่างๆ เอาไปนำเสนอ

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตนอยากจะถามกลับไปยังคณะทูตเหล่านั้น ว่า การกระทำครั้งนี้ไม่เหมาะสมอย่างไร เพราะถึงแม้การปิดสนามบิน อาจจะเป็นเรื่องใหม่ เป็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย แต่สำหรับในต่างประเทศ รวมถึงในประเทศยุโรปทั้ง 25 ประเทศนั้น เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาเป็น 10 ปีแล้ว จนเรียกได้ว่า ประเทศเหล่านี้เป็นต้นแบบของการชุมนุมปิดสนามบินด้วยซ้ำ ตนจึงไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดเมื่อเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในประเทศไทยบ้าง คณะทูตเหล่านี้จึงมองเป็นเรื่องแปลก ถึงขนาดที่จะต้องออกแถลงการณ์มาประณามกัน ทั้งที่การปิดสนามบินของพันธมิตรฯ ในครั้งนี้ อาจเรียกได้ว่า ดีกว่าที่เกิดขึ้นกับหลายประเทศด้วยซ้ำ เพราะเป็นการชุมนุมและเข้าไปปิดล้อมด้วยความสันติและอหิงสา ไม่ได้ใช้ความรุนแรงถึงขนาดเผา หรือทำลายสนามบินอย่างในต่างประเทศ ดังนั้น การที่คณะทูตจะออกมาประณามว่า การกระทำของพันธมิตรฯ ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ประเทศไทยนั้น ก็คงต้องถามกลับไปว่า แล้วเหตุการณ์ชุมนุมที่ใช้ความรุนแรงถึงขั้นเผาทำลายสนามบินอย่างในประเทศของท่านไม่ทำลายภาพลักษณ์ประเทศเหมือนกันหรือ

“ในประเทศตะวันตก เวลาที่มีการปิดล้อมยึดสนามบินนั้น ไม่ว่าจะเป็นด้วยเหตุผลของเจ้าหน้าที่หอบังคับการบินก็ดี พนักงานสหภาพก็ดี จะด้วยเหตุผลของรายได้ หรือจะด้วยเหตุผลในด้านต่างๆ ที่เขาเรียกร้องจากรัฐบาล ส่วนใหญ่แล้วมีการใช้วิธีการที่รุนแรง มีการเผาสถานที่ มีการทำลายสิ่งก่อสร้างเครื่องไม้เครื่องมือในสนามบิน เขาบอกว่า การที่พันธมิตรฯ ทำ ทำให้เสียภาพลักษณ์ ทำลายความน่าเชื่อถือของเวทีโลก ถามกลับไปว่าแล้วที่พวกคุณทำล่ะ คนของคุณทำล่ะ ทำมาเป็นสิบๆ ปีน่ะ ภาพลักษณ์ ภาพพจน์ของประเทศคุณมันอยู่ที่ไหน”

นอกจากนี้ เนื้อหาในแถลงการณ์ดังกล่าวที่เรียกร้องให้พันธมิตรฯ สลายการชุมนุมแล้วออกจากสนามบินสุวรรณภูมินั้น ตนก็อยากจะตั้งคำถามว่า เหตุใดคณะทูต จึงได้กล่าวหาว่าพันธมิตรฯ เป็นฝ่ายผิดแล้วก็มาเรียกร้องให้ฝ่ายพันธมิตรฯ ดำเนินการแก้ไขเหตุการณ์อยู่เพียงฝ่ายเดียว ทำไมจึงไม่ไปเรียกร้องกับรัฐบาลให้ดำเนินการแก้ไขบ้าง เพราะทั้งที่จริงแล้วปัญหาที่เกิดขึ้นมาตลอดทั้ง 7 เดือนนั้น จนถึงเวลานี้ ล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากการกระทำของฝ่ายรัฐบาลทั้งสิ้น ไม่ใช่เกิดขึ้นเพราะพันธมิตรฯ เลย

ทั้งนี้ ในเรื่องของการปิดสนามบินนั้น รัฐบาลทั่วโลกก็รู้ดีว่า แท้จริงแล้วเมื่อเกิดการปิดสนามบินขึ้น รัฐบาลจะต้องมีการเตรียมการ และแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้ได้ อย่างในประเทศไทยก็เช่นกัน เมื่อมีการปิดสนามบินสุวรรณภูมิแล้ว หากรัฐบาลจะดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยการสั่งการขนย้ายผู้โดยสารที่ตกค้าง และให้สายการบินต่างๆ ไปขึ้นและลงที่สนามบินอื่น เช่น สนามบินอู่ตะเภา ก็เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ ซึ่งหากทำเช่นนั้นประชาชนและภาคธุรกิจทั่วไป ก็แทบจะไม่ได้รับความเสียหายเลย หากแต่ในครั้งนี้รัฐบาลเลือกที่จะใช้วิธีไม่ประสานงาน และไม่ดำเนินการแก้ปัญหาใดๆ ปล่อยให้เกิดความเสียหายขึ้น เพื่อหวังนำประเด็นดังกล่าว มาโจมตีพันธมิตรฯ ว่า สร้างความเสียหายต่อประเทศ เรียกได้ว่า รัฐบาลได้นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง โดยให้พันธมิตรฯ เป็นแพะรับบาปทั้งหมดที่เกิดขึ้น

ส่วนในแถลงการณ์ข้อที่ระบุว่า ขอให้พันธมิตรฯ ร่วมมือกับรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีเพื่อยุติความรุนแรงนั้น ตนมองว่า เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ ว่าเหตุใด แถลงการณ์ดังกล่าวจึงไม่กล่าวถึงเลย ว่า แท้จริงแล้วความรุนแรงที่เกิดนั้น เกิดขึ้นเพราะอะไร เกิดขึ้นจากฝ่ายใด นี้จึงเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าคณะทูตเหล่านี้ จงใจที่จะปิดหูปิดตา ไม่รับรู้ความจริงของเรื่องนี้ แล้วจงใจจะกล่าวหาพันธมิตรฯ ต่างๆ นานา เห็นได้จากในต่างประเทศเมื่อมีการเรียกร้องโดยปิดสนามบินนั้น จะมีการชี้แจงจากรัฐบาลออกมา ว่า เป็นเรื่องธรรมดาของการใช้สิทธิเรียกร้องตามระบอบประชาธิปไตย แต่เมื่อเป็นในประเทศไทย คนเหล่านี้กลับบอกว่า นี่คือ สิ่งที่ผิดรัฐธรรมนูญ ผิดกฎหมาย หรือเข้าข่ายการก่อการร้าย

นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า การที่แถลงการณ์ดังกล่าว ระบุว่า ต้องการให้มีการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อให้การค้าการลงทุนไม่ชะงักนั้น ก็เป็นการบ่งบอกได้เลยว่า คนเหล่านี้นึกถึงแต่ผลประโยชน์ทางการค้าของประเทศตนเองเป็นหลัก โดยไม่ได้มองผลที่เกิดขึ้นกับคนในประเทศไทยเลยว่า หากมีการเปิดสนามบินแล้ว รัฐบาลกระทำการแก้รัฐธรรมนูญ ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม หรือแม้แต่ความขัดแย้งรุนแรงยังมีอยู่ต่อไป จะส่งผลเสียกับคนไทยและประเทศไทยมากเพียงใด

“ต้องเข้าใจว่า ประเทศตะวันตก เขาคิดถึงแต่ผลประโยชน์ของเขาแค่นั้น ถ้าเขาได้แล้ว รัฐบาลจะเป็นเผด็จการอย่างไร กดขี่ประชาชนยังไง ลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชนยังไง ละเมิดกฎหมายยังไง เหยียบย่ำระบบนิติรัฐ นิติธรรมยังไง เขาก็ไม่แคร์ เพราะเขาได้ประโยชน์ของเขาไปแล้ว”

ดังนั้น ตนจึงมองว่า เนื้อหาของแถลงการณ์ดังกล่าว และการกระทำของของคณะทูตในครั้งนี้ เป็นการเข้ามาแทรกแซงเรื่องภายในประเทศไทยเป็นอย่างมาก รวมถึงเป็นการส่งสัญญาณไปยังรัฐบาล และพรรคร่วมรัฐบาล ว่า ให้รีบดำเนินการสลายการชุมนุมโดยเร็ว จะใช้ความรุนแรงก็ได้ ขอเพียงให้เรื่องนี้จบลงโดยเร็ว เพื่อที่ประเทศของเขาจะได้ไม่สูญเสียผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจเท่านั้น ฉะนั้น หากยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ขั้วอำนาจในการบริหารประเทศยังไม่ได้ตกมาอยู่ในมือประชาชนอย่างแท้จริง ประชาชน และประเทศของเราคงต้องอยู่อย่างยากลำบาก

ส่วนการที่รัฐบาลได้พยายามหาข้อกฎหมาย มาเอาผิดพันธมิตรฯ ในฐานความผิดเรื่องการก่อการร้ายนั้น ตนมองว่า รัฐบาลกำลังปรักปรำพันธมิตรฯ เพราะสิ่งที่พันธมิตรฯ กระทำอยู่ ไม่ได้เข้าข่ายการก่อการร้ายเลย เพราะเราชุมนุมด้วยขันติ-อหิงสา ตามหลักเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้น รัฐบาลเองต่างหากที่กระทำการก่อการร้ายมาโดยตลอด ทั้งการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม จนมีผู้ชุมนุมเสียชีวิต และบาดเจ็บมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ตลอดการชุมนุม 7 เดือนที่ผ่านมา ดังนั้น ข้อกล่าวหาดังกล่าวจึงเป็นเพียงข้ออ้างที่รัฐบาล พยายามจะสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง เพื่อจะใช้กำลังสลายการชุมนุมเท่านั้น

ด้าน พล.อ.อ.เทอดศักดิ์ สัจจารักษ์ อดีตผู้ว่าการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย และอดีตเสนาธิการทหารอากาศ ได้กล่าวถึงกรณีดังกล่าว บนเวทีเดียวกันนี้ ว่า แท้จริงแล้วสิ่งที่รัฐบาล และทูตประเทศต่างๆ กล่าวหาและโจมตี ว่า การยึดสนามบินของพันธมิตรฯ สร้างความเสียหายต่อประเทศเป็นจำนวนมหาศาลนั้น ตนในฐานะที่คุ้นเคยกับการท่าอากาศยานมานาน ก็ยอมรับว่า การปิดสนามบินนั้นได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติจริง แต่ตัวเลขความเสียหายนั้น ไม่ได้มากมายอย่างที่รัฐบาล และการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย แถลงข่าวออกมาใส่ร้ายพันธมิตรฯ และความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น

ทั้งนี้ จากเหตุการณ์วันแรก ตั้งแต่พันธมิตรฯ เข้าไปปิดล้อมสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมินั้น เที่ยวบินต่างๆ ในคืนวันนั้นจนถึง 10.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ก็ยังสามารถขึ้นลงได้ตามปกติ และยังมีเวลาอีกหลายชั่วโมงที่จะแจ้งข่าวไปยังผู้โดยสาร และหน่วยงานต่างๆ แต่รัฐบาลและ การท่าอากาศยาน ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ แต่กลับเอาเที่ยวบินที่ไม่ได้รับความเสียหายนั้นมาบวกรวมเป็นค่าเสียหายเข้าไปด้วย ตลอดจนอ้างว่าผู้โดยสาร และหน่วยงานต่างๆ ต้องเสียเวลา เนื่องจากไม่ทราบมาก่อนว่าจะปิดการบิน ซึ่งแท้จริงแล้วหากรัฐบาล กรมขนส่งทางอากาศ และการท่าอากาศยาน ดำเนินการไปตามขั้นตอนตามปกติของการบิน นั่นคือ ในการดำเนินการของท่าอากาศยานของทุกประเทศทั่วโลก ในการบินแต่ละเที่ยวของทุกสายการจะต้องมีการเตรียมสนามบินสำรองเอาไว้เสมอ ซึ่งสนามบินสำรองของเมืองไทย ก็มีอยู่หลายแห่ง ที่ยังสามารถรองรับการบินได้อยู่ แต่ด้วยความที่รัฐบาล และ ผู้ว่าการการท่าอากาศยาน หมกเม็ด และขาดความรู้ความสามารถในการแก้ไขปัญหา จึงทำให้รัฐบาลไม่สามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาใดๆ ได้เลย จนเกิดความเสียหายมากกว่าที่ควรจะเป็นเช่นนี้

ดังนั้น เรื่องความเสียหายนี้ เป็นแผนการที่รัฐบาลวางแผนเอาไว้แล้ว ว่า ถ้าพันธมิตรฯ ยึดสนามบินสุวรรณภูมิ จะต้องสร้างข่าวว่าประเทศเสียหายมหาศาล โดยการไปสัมภาษณ์ผู้ประกอบการต่างชาติ ว่า เสียหายมหาศาล ทั้งที่จริงผู้ประกอบการเหล่านั้นก็รู้แล้วว่าจะมีการปิดสนามบิน ดังนั้น ความเสียหายจึงไม่ได้มากมาย อย่างที่รัฐบาลแถลงตัวเลขออกมา

พล.อ.อ.เทอดศักดิ์ กล่าวด้วยว่า อยากจะเรียกร้องไปยังเพื่อนทหาร ว่า ขณะนี้เหตุการณ์บ้านเมืองเริ่มเข้าสู่ขั้นวิกฤตแล้ว ทหารจึงควรออกมาดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดได้แล้ว เพื่อปกป้องรักษาสถาบันเบื้องสูง และไม่ให้บ้านเมืองเกิดความเสียหายมากไปกว่านี้

“ออกมาช่วยประชาชนสิ ไหนบอกว่าอยู่ข้างประชาชนไง ประชาชนพวกนี้เขาบอกว่าเขาอยู่กับในหลวง อยู่กับพระราชินี แล้วคุณจะไปยืนอยู่กับพวกไหนล่ะ” พล.อ.อ.เทอดศักดิ์ กล่าว
พล.อ.อ.เทอดศักดิ์ สัจจารักษ์
กำลังโหลดความคิดเห็น