“พิภพ” ชี้ กม.ระหว่างประเทศคุ้มครองเสบียง-สื่อสาร ขู่รัฐมารระวังเจอคดีศาลโลก

“พิภพ” เตือนสติรัฐบาล-ตำรวจ หากเข้ายึดเอเอสทีวี ถือเป็นความผิดกฎหมายระหว่างประเทศและคำสั่งศาลปกครองที่สั่งคุ้มครองให้เผยแพร่สัญญาณได้ รวมทั้งการตัดเส้นทางลำเลียงอาหาร-น้ำ-ยาของพันธมิตรฯ ที่ไทยได้ลงนามสนธิสัญญาไว้ระบุชัด ในภาวะไม่ปกติต้องใช้กฎหมายแห่งมนุษยธรรมห้ามกระทำการดังกล่าวเด็ดขาด และอาจเข้าข่ายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ต้องขึ้นศาลโลกด้วย

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย 

วันนี้ (29 พ.ย.) ที่เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 11.08น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวปราศรัยว่า วันนี้ชัดเจนว่าทักษิณสั่งการณ์ทุกอย่าง สั่งตรงไปที่ตำรวจเลย ขอเตือนในแง่กฎหมาย การที่ตำรวจจะพยายามไปปิดเอเอสทีวี ถือว่าเป็นการตัดระบบสื่อสาร ซึ่งผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ในเรื่อง กฎของการทำสงคราม หรือ Rule Of Wars และตามหลักกฎหมายเรื่องสิทธิมนุษยชน ที่ไทยได้ลงนามไว้ ในภาวะปกติให้ใช้กฎหมายสิทธิมนุษยชน ในภาวะที่ไม่ปกติให้ใช้กฎหมายมนุษยธรรม ในกฎหมายนั้น มีข้อห้าม 4 ประการ คือ ห้ามตัดเรื่องอาหาร ยารักษาโรค และการสื่อสาร รวมทั้งน้ำ ถือว่าเป็นการผิดกฎหมายระหว่างประเทศ ผู้สั่งการจะถูกจับและนำตัวขึ้นศาลได้ อย่างกรณีของตำรวจราชาเทวะที่กักรถขนอาหารพันธมิตรฯ แล้วนำไปไว้ที่สถานีตำรวจนั้น ก็ถือว่าผิดกฎหมาย

“ย้ำว่าปิดเอเอสทีวีไม่ได้ ถือว่าเป็นการปิดการสื่อสาร ปิดหรือไม่ปิดหรือเข้าไปทำร้าย ทำลายให้การสื่อสารถูกทำลายลงไป ถือว่าผิดกฎหมายแห่งมนุษยธรรมในภาวะไม่ปกติ นี่จะปิดล้อมสุวรรณภูมิ ตัดน้ำ ยารักษาโรค และอาหาร ไม่ให้ส่งเข้าไป นี่เป็นการฆ่าล้างผลาญมนุษยชาติให้อดอาหารอดน้ำตาย จะเข้าข่ายการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” นายพิภพ กล่าว และว่า ขอให้ระมัดระวังด้วยเพราะประเทศไทยได้ลงนามสนธิสัญญาระหว่างประเทศ และองค์การสหประชาชาติแล้ว ถ้าไม่รักษาสนธิสัญญาจะถูกนำตัวขึ้นศาลโลก ทักษิณถูกต้องสงสัยฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มุสลิมชาวใต้คาราคาซังอยู่แล้วนะ

นายพิภพ กล่าวว่า นอกจากนั้นยังผิดกฎหมายไทยด้วย เพราะศาลปกครองกลางสั่งคุ้มครองเอเอสทีวี การตัดการสื่อสารทำให้ประชาชนทั้งประเทศไทยและทั่วโลกไม่สามารถตรวจสอบการใช้อำนาจแบบเผด็จการของทักษิณ สมชาย และตำรวจได้ ถือว่าเตรียมการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ให้อดอาหาร ไม่มียา ไม่มีน้ำ ผิดกฎหมายมนุษยธรรม ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ

นอกจากนั้น นายพิภพ ยังระบุด้วยว่า ขณะนี้ มีพวกเสื้อแดงกับตำรวจแทรกแซงเข้าไปกับพันธมิตรฯ พยายามที่จะทำลายทรัพย์สินของสนามบิน ดังนั้น ขอประกาศว่า ถ้ามีผู้ใดทำลายข้าวของในสนามบิน ถือว่าไม่ใช่พันธมิตรฯ เพราะการต่อสู้ครั้งนี้เราไม่ได้ต้องการทำลายสุวรรณภูมิ เราตัองการรักษาสุวรรณภูมิและกดดันให้สมชายลาออก

ทั้งนี้นายพิภพ ได้กล่าวย้ำอีกครั้งว่า ทางเดียวที่จะยับยั้งความรุนแรงและความเสียหายของประเทศชาติ และยุติเรื่องเหล่านี้ได้ ก็คือต้องให้นายสมชายลาออกสถานเดียว ส่วนพวกที่ยังเป็นกลางไม่เลือกข้าง วันนี้ท่านต้องเลือกแล้วว่าจะอยู่เป็นกลางแล้วตกอยู่ใต้อำนาจของระบอบทักษิณไปตลอดชีวิตหรือไม่