ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ของสหรัฐฯ ได้รับการต้อนรับจากแทนซาเนียเยี่ยงวีรบุรุษ ในระหว่างตระเวนเยือน 5 ชาติในแอฟริกา และได้เดินทางต่อไปยังรวันดาแล้วในวันนี้เพื่อไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตในเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ครั้งใหญ่เมื่อปี 2537
ทั้งนี้ ผู้นำและประชาชนแทนซาเนียจัดพิธีต้อนรับประธานาธิบดีบุช อย่างรื่นเริงระหว่างเยือนเป็นเวลา 3 วัน เขาได้รับการสรรเสริญจากการดำเนินโครงการสู้เอดส์และมาลาเรีย รวมทั้งโครงการพึ่งตนเองแทนการพึ่งความช่วยเหลือด้อยคุณภาพในแทนซาเนีย นอกจากนี้ ยังได้ลงนามความช่วยเหลือมูลค่าสูงถึง 689 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 23,000 ล้านบาทให้แก่แทนซาเนีย ประเทศที่สหรัฐฯ ถือว่าเป็นต้นแบบของการพัฒนาในแอฟริกา
หลังจากนั้นผู้นำสหรัฐฯ ได้เดินทางไปยังรวันดา โดยแวะอนุสรณ์รำลึกเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปี 2537 ที่ชาวทุตซีและชาวฮูตูสายกลางถูกชาวฮูตูหัวรุนแรงฆ่าไปถึง 800,000 คน จากนั้นจะไปยังพิพิธภัณฑ์สถานที่ฝังศพเหยื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ 250,000 คน แต่ประธานกลุ่มผู้รอดชีวิตจากเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไม่คิดพบกับบุช เพราะไม่พอใจที่สหรัฐฯ ไม่เข้าแทรกแซงเพื่อยุติการสังหารโหดในครั้งนั้น
อย่างไรก็ดี บุช เป็นที่ชื่นชมของหลายประเทศในแอฟริกาแม้ไม่เป็นที่นิยมในหลายภูมิภาคอื่นของโลกเพราะเรื่องสงครามอิรัก และอัฟกานิสถาน เพราะเขาจัดสรรงบช่วยเหลือภูมิภาคนี้มากกว่ารัฐบาลสหรัฐฯ สมัยประธานาธิบดีบิล คลินตัน โดยได้รับปากจะเพิ่มความช่วยเหลืออีก 2 เท่าจากปี 2547 เป็น 8,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 287,100 ล้านบาท ภายในปี 2553
ทั้งนี้ ผู้นำและประชาชนแทนซาเนียจัดพิธีต้อนรับประธานาธิบดีบุช อย่างรื่นเริงระหว่างเยือนเป็นเวลา 3 วัน เขาได้รับการสรรเสริญจากการดำเนินโครงการสู้เอดส์และมาลาเรีย รวมทั้งโครงการพึ่งตนเองแทนการพึ่งความช่วยเหลือด้อยคุณภาพในแทนซาเนีย นอกจากนี้ ยังได้ลงนามความช่วยเหลือมูลค่าสูงถึง 689 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 23,000 ล้านบาทให้แก่แทนซาเนีย ประเทศที่สหรัฐฯ ถือว่าเป็นต้นแบบของการพัฒนาในแอฟริกา
หลังจากนั้นผู้นำสหรัฐฯ ได้เดินทางไปยังรวันดา โดยแวะอนุสรณ์รำลึกเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปี 2537 ที่ชาวทุตซีและชาวฮูตูสายกลางถูกชาวฮูตูหัวรุนแรงฆ่าไปถึง 800,000 คน จากนั้นจะไปยังพิพิธภัณฑ์สถานที่ฝังศพเหยื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ 250,000 คน แต่ประธานกลุ่มผู้รอดชีวิตจากเหตุฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ไม่คิดพบกับบุช เพราะไม่พอใจที่สหรัฐฯ ไม่เข้าแทรกแซงเพื่อยุติการสังหารโหดในครั้งนั้น
อย่างไรก็ดี บุช เป็นที่ชื่นชมของหลายประเทศในแอฟริกาแม้ไม่เป็นที่นิยมในหลายภูมิภาคอื่นของโลกเพราะเรื่องสงครามอิรัก และอัฟกานิสถาน เพราะเขาจัดสรรงบช่วยเหลือภูมิภาคนี้มากกว่ารัฐบาลสหรัฐฯ สมัยประธานาธิบดีบิล คลินตัน โดยได้รับปากจะเพิ่มความช่วยเหลืออีก 2 เท่าจากปี 2547 เป็น 8,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 287,100 ล้านบาท ภายในปี 2553