พันธมิตรฯ ปักหลักดอนเมือง ขวางทรราชประชุม ลั่นต้องไปทั้งคณะ

“พันธมิตรฯ” ย้ำแยกขบวนปักหลักค้างคืนทำเนียบฯ ดอนเมือง ขวางรัฐบาลทรราชประชุม ลั่นต้องออกไปทั้งคณะ ขณะที่ประชาชนทยอยสมทบไม่ขาดสาย สหภาพการบินไทยสนับสนุนเสบียงเต็มที่

วันนี้ (24 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 13.10 น. กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เคลื่อนขบวนจากกระทรวงการคลังมาถึงท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งเป็นสถานที่ทำการทำเนียบรัฐบาลชั่วคราว แกนนำพันธมิตรฯ นำโดยนายสมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรฯ พร้อมด้วยนายศิริชัย ไม้งาม ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (สร.กฟผ.) ในฐานะแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 และนางมาลีรัตน์ แก้วก่า อดีต ส.ว.สกลนคร โดยผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เดินทางมาด้วยรถบัสจำนวน 2 คัน รถสิบล้อ และรถหกล้อหลายสิบคัน ซึ่งเป็นยานพาหนะของมูลนิธิกองทัพธรรม และผู้ชุมนุมอีกจำนวนมากนำรถยนต์ส่วนตัวมาร่วมสมทบ

ทั้งนี้ กลุ่มพันธมิตรฯ ได้รวมตัวกันไปปิดล้อมบนบริเวณชั้น 2 อาคารสำนักงานท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งเป็นอาคารที่รัฐบาลใช้เป็นห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ขณะเดียวกัน ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ทยอยขนเสบียงอาหาร เครื่องดื่ม และยารักษาโรค พร้อมกับเต็นท์ผ้าใบค้างแรม พร้อมกับรีบตั้งเวทีปราศัยบนรถสิบล้อที่มีเครื่องขยายเสียง โดยป้ายผ้าข้างรถขยายเสียงของกลุ่มพันธมิตรฯ เขียนข้อความว่า “หยุดล้มล้างสถาบันองคมนตรี”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 10.30 น.ที่ทำการทำเนียบรัฐฐาลชั่วคราว ได้มีการประชุมฝ่ายความมั่นคงเพื่อประเมินสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ โดยมีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม โดยมี พล.อ.โกวิท วัฒนะ รมว.มหาดไทย, นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสธ.ทบ., ตัวแทนสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และตัวแทนสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ (สขช.) ทันทีที่ทราบข่าวว่ากลุ่มพันธมิตรฯ กำลังจะเดินทางมาปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลดอนเมือง ก็ได้รีบเดินทางออกจากห้องประชุมไปทันทีโดยไม่มีการแถลงข่าวใดๆ ทั้งสิ้น

ในขณะที่ข้าราชการประจำทำเนียบดอนเมืองต่างพากันรีบนำรถส่วนตัวออกจากบริเวณดังกล่าวโดยเร็วเพราะเกรงว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะปักหลักชุมนุมยืดเยื้อยาวนานจนไม่สามารถจะนำรถยนต์ส่วนตัวและทรัพย์สินออกไปได้

ด้านการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เสริมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบ จากกองร้อยควบคุมฝูงชน กองบัญชาการตำรวจนครบาล 2 จำนวน 2 กองร้อย คอยดูแลควบคุมสถานการณ์ โดยเบื้องต้นไม่มีการพกอาวุธปืน มีเพียงหมวกสายตรวจ และวิทยุสื่อสาร พร้อมกับเตรียมรถควบคุมผู้ต้องขังอีกจำนวนนับสิบคันไว้เท่านั้น

เวลา 13.30 น. นายสมศักดิ์ กล่าวว่าจะชุมนุมที่นี่เพื่อไม่ให้รัฐบาลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ และนายศิริชัย หนึ่งในแกนนำพันธมิตรฯ กล่าวด้วยว่า ได้นำกองทัพพันธมิตรฯ นับพันคนเดินทางมาปิดล้อมทางเข้าออกของอาคารท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งเป็นสถานที่ทำการทำเนียบชั่วคราว ตามแผนยุทธศาสตร์ดาวกระจาย โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะพักค้างแรมที่นี้ และรู้สึกพอใจในแผนการปฏิบัติการ เพราะทุกอย่างเป็นไปตามแผน ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงใดๆ และ ในการชุมนุมครั้งนี้ได้ขออนุญาตจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทย ซึ่งเป็นเจ้าของสถานที่ โดย น.ส.แจ่มศรี สุกโชติรัตน์ ในฐานะประธานสหภาพฯ ได้อนุญาตให้ใช้สถานที่ได้อย่างเต็มที่

“เราจะปักหลักชุมนุมอยู่ที่ดอนเมือง ซึ่งเป็นสถานที่การประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างน้อย 3 วัน 3 คืน เพื่อไม่ให้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันพุธที่ 26 พ.ย.ตามกำหนดการเดิม ที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางกลับจากการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) ที่สาธารณรัฐเปรู”

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สหภาพแรงงานบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้สนับสนุนอาหาร และน้ำดื่มจำนวน 10,000 ชุด ขณะที่รถปรับอากาศสายสีส้ม หรือยูโรทู สาย 515 ศาลายา-อนุสาวรีย์ชัยฯ ได้มารับ-ส่งกลุ่มผู้ชุมนุมที่ท่าอากาศยานดอนเมืองด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ยังคงเดินทางมาสบทบที่ท่าอากาศยานดอนเมืองอย่างต่อเนื่อง ทำให้การจราจรติดขัดในเส้นทางยูเทิร์นทางเข้าท่าอากาศยานดอนเมืองในส่วนของอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ รวมทั้งถนนวิภาวดีขาออกด้วย

สำหรับบรรยากาศการชุมนุมแกนนำพันธมิตรฯ ได้มีการผลัดเปลี่ยนกันปราศรัยโจมตีรัฐบาล พร้อมยืนยันว่า หากนายกรัฐมนตรียังไม่ตัดสินใจลาออกตามข้อเรียกร้องในเร็วๆ นี้ พนักงานรัฐวิสาหกิจทั่วประเทศจะพร้อมใจกันหยุดงานเพื่อกดดันรัฐบาลอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม แกนนำพันธมิตรฯ ยังเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลรักษาความปลอดภัย หลังจากมีกระแสข่าวว่า นปก.จะเดินทางมาชุมนุมที่ดอนเมือง และประกาศด้วยว่า หาก นปก.มาจริงจะใช้สิทธิ์ในการป้องกันตัวอย่างเต็มที่ และหากเกิดเหตุอะไรขึ้น รัฐบาลต้องรับผิดชอบ

ในเวลาเดียวกัน นายปลอดประสพ สุรัสวดี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ได้เดินทางออกมาสังเกตการณ์ พร้อมกับกล่าวว่า ที่นี่เป็นสนามบินหากเป็นข่าวอะไรออกไป จะทำอย่างไร ประเทศชาติจะเสียหาย ซึ่งการกระทำอย่างนี้เป็นการทำลายประเทศ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายใดๆ และหากจะมีการชุมนุมก็ควรจะคิดถึงขอบเขตด้วย จากนั้นนายปลอดประสพได้รีบเดินทางออกไปทันที

ทั้งนี้ นายสมชาย วงศ์สวสัดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะเดินทางกลับมาจากการร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก (APEC) ครั้งที่ 16 ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ในวันพุธที่ 26 พ.ย.นี้ พร้อมกับจะประชุม ครม.ในเวลา 14.00 น.ในวันเดียวกัน

ต่อมา พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีปราศรัยในทำเนียบรัฐบาลว่า ภายหลังภารกิจการปิดล้อมรัฐสภาเพื่อป้องกันการยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลประสบความสำเร็จ คืนนี้จะปิดเวทีปราศรัยเวลา 24.00 น. และขอให้ผู้ชุมนุมพักผ่อนเต็มที่ เพื่อเตรียมความพร้อมเคลื่อนขบวนในเวลา 04.00 น. ทั้งนี้ พล.ต.จำลอง ยังไม่ระบุสถานที่ว่า จะเคลื่อนไปยังที่ใดบ้าง

นอกจากนี้ พล.ต.จำลอง ระบุอีกว่า วันพรุ่งนี้จะเพิ่มความเข้มข้นในการเคลื่อนขบวนให้มากขึ้น พร้อมมั่นใจว่า รัฐบาลต้องลาออกเร็ววันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น.กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เริ่มเดินทางมาสมทบกันเพิ่มมากขึ้น พร้อมกับแกนนำบางส่วนเดินทางมาถึง อาทิ นายพิภพ ธงชัย นายสมเกียรติ พงศ์ไพบูลย์ พร้อมกันนี้รถสุขากทม.3 คัน จอดให้บริการบริเวณชั้นล่างอาคารวีไอพีระหว่างประเทศแล้ว

หลังจากนั้นในเวลา 17.15 น.เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อ พ.ต.อ.พัชระ บุญญประสิทธิ์ รองผู้บังคับการนครบาล 4 เดินมาจากบริเวณโรงอาหารโดยมีกลุ่มพันธมิตรฯ ไล่โห่ร้องอยู่ตลอดทาง พร้อมกับถ่มน้ำลาย ขว้างปาขวดน้ำ เข้าใส่จนกระทั่งมีการเบียดเสียดกันบริเวณประตูทางเข้าอาคารประชุม ครม. จนทำให้ พล.ต.อ.พัชระ ลื่นล้มหงายท้องหัวฟาดกับเหล็กที่กั้น ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณท้ายทอยด้านซ้าย

อย่างไรก็ตามในเวลา 17.30 น. พ.ต.ท.สุรศักดิ์ บุญศรีภิรักษ์ ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายข่าวของ พล.ต.ท ชัชจ์ กุลดิลก รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมืองได้ลงมาประสานกับ นายศิริชัย ไม้งาม โดยขอให้กลุ่มพันธมิตรฯ อย่าลุรุกล้ำเข้ามาในแผงเหล็กกั้น เพื่อความสงบเรียบร้อย ขณะเดียวกัน ได้ร้องขอให้เจ้าหน้าที่อย่ารุกล้ำเขตรั้วออกมาเช่นกัน