“สมเกียรติ” เหน็บ หากแพ้ต้องเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น “โจรานคร”

“สมเกียรติ” ย้ำหาก ปชช.แพ้ก็ยกประเทศให้ระบอบทักษิณไปเลย พร้อมเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น “โจรานคร” ระบุหาก “แม้ว” ชนะ จะเปลี่ยนโครงสร้างประเทศใหม่หมด เราประชาชนจะยอมค้อมหัวให้โจรได้อย่างไร จวก “สมชาย” ทรราชคนที่ 3 กรรมการ 4 ชุด มีข้อสรุปเป็นฆาตกร 7 ตุลา ยังเฉย แถมสั่งฆ่าประชาชนซ้ำ เผยต้องหลั่งน้ำตาให้เหยื่อระเบิดวัย 22 หน่วยชีวิตใกล้สิ้น ว้าเหว่ ครูอาจารย์ 7 แสนคนนิ่งเฉย

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย 


เมื่อเวลา 21.00 น.วันที่ 22 พ.ย. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยช่วงแรกได้แนะนำนายระพี กาญจนระพี อดีตนักกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย ซึ่งงปัจจุบันเป็นพลเมืองอาวุโสแห่งแคนาดา และเป็นผู้ก่อตั้งพันธมิตรฯ ที่นั่น ได้ขึ้นมาพบปะกับผู้ชุมนุมเพื่อแสดงความห่วงใยและให้กำลังใจพี่น้องพันธมิตรฯ ในการชุมนุมใหญ่ครั้งนี้

ต่อมา นายสมกียรติ ได้กล่าวถึงกรณีที่นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ กวีรัตนโกสินทร์ ได้มาพูดบนเวทีในช่วงก่อนหน้านั้น โดยเปรียบเทียบการชุมนุมของพันธมิตรฯ ว่าเป็นเหมือนสุนัขเฝ้าบ้านที่เห่าขโมยไม่ให้เข้ามาลักของในบ้าน แต่กลับมีสุนัขอีกฝูงหนึ่งมากัดสุนัขด้วยกัน เพราะสุนัขฝูงนั้นไม่รู้ว่าปลอกคอของหมาพันธุ์พันธมิตรฯ คือความรักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งการชุมนุมใหญ่ครั้งนี้หากประชาชนที่ออกมากันมากขนาดนี้ยังแพ้ ก็ควรยกประเทศให้ระบอบทักษิณไปเลย และเปลี่ยนชื่อประเทศไทยเป็น “โจรานคร”ไปเลย

นายสมเกียรติ ได้อัญเชิญพระปฐมบรมราชโองการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มากล่าวถึงว่า “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ซึ่งถ้าเราให้โจรครองเมืองแล้ว พระปฐมบรมราชโองการจะเป็นจริงได้อย่างไร

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมพันธมิตรฯ หน้ารัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมนั้น คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน วุฒิสภา สรุปออกมาว่า นายสมชายคือฆาตกรเข่นฆ่าประชาชน แต่นายสมชายยังนิ่งเฉย ยิ้มแสยะ ต่อมาคณะกรรมาธิการตรวจสอบการทุจริตและธรรมาภิบาล ก็มีข้อสรุปเป็นชุดที่ 2 ว่า นายสมชายคือจอมบงการเข่นฆ่าประชาชน นายสมชายก็ยิ้มเยาะเย้ยถากถาง หลังจากนั้น คณะกรรมาธิการสาธารณสุข วุฒิสภา ก็มีข้อสรุปเช่นเดียวกันเป็นชุดที่ 3 ว่า นายสมชายคือฆาตกรเข่นฆ่าประชาชน ทั้งน้องโบว์ และสารวัตรจ๊าบ เท่านั้นยังไม่พอ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก็มีผลการสอบสวนเช่นกันว่า นายสมชายละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นฆาตกรของชาติ ทรราชปกครองแผ่นดิน แต่นายสมชายก็ไม่ยอมรับ ไม่ได้ตอบอะไร ซ้ำยังสั่งให้จัดการประชาชนต่อ

นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า คนๆ นี้มันคือทรราชตัวที่ 3 ตัวที่หนึ่งหนีไปอยู่ต่างประเทศแล้ว และต้องบ้านแตกสาแรกขาด หย่ากับภรรยา ทรราชตัวที่ 2 คือคนที่ชอบบอกว่า ทำดีอัปรีย์กินหัว ทำชั่วมะเร็งกินตับ ซึ่งอยู่เมืองไทยไม่ได้ เพราหนักแผ่นดิน ส่วนทรราชคนที่ 3 เป็นฆาตกร ซึ่งคณะกรรมการ 4 ชุด บอกว่าฆ่าประชาชน ก็ยังบอกว่าไมได้ฆ่า ฆ่าแค่สตรีท้องอ้วนคนหนึ่ง

หลังจากนั้น นายสมเกียรติได้กล่าวถึงคอลัมน์ในหน้า 4 (กระสุนทอง) นสพ.ไทยรัฐที่ระบุว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณชินวัตร ชนะ จะถึงขั้นเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทั้งประเทศ ซึ่งไม่เคยคิดว่าไทยรัฐจะกล้าเขียนในลักษณะนี้ โดยผู้เขียนคอลัมน์ดังกล่าว บอกว่า ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณชนะ โครงสร้างประเทศไทยจะเปลี่ยนตามที่ พ.ต.ท.ทักษิณกำหนด ทั้งสถาบัน องค์กรหลักต่างๆ ของชาติ พ.ต.ท.ทักษิณจะจัดการใหม่หมด ซึ่งถ้าเป็นไปตามนั้น พวกเราที่อยู่ภาคกลาง ใต้ เหนือ อีสาน ตะวันออก จะไปค้อมหัวให้กับจอมโจรได้อย่างไร

“ใครยอมก็ยอมไป แต่นายสมเกียรติไม่ค้อมให้มันอย่างแน่นอน ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นเราต้องขัดการมัน”นายสมเกียรติ กล่าว

นายสมเกียรติ กล่าวถึงเหตุการณ์คนร้ายยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่การ์ดพันธมิตรฯ ที่แยกมิสกวัน เมื่อเช้ามืดวันที่ 22 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้นายยุทธพงษ์ เสมอภาค ได้รับบาดเจ็บสาหัสอาการโคม่าว่า ตนได้หลั่งน้ำตาให้กับน้องอายุ 22 ปีคนนี้ เพราะหน่วยชีวิตของเขาได้หยุดเต้นลงอย่างช้าๆ จนปิดฉากลงก่อนที่จะปั๊มหัวใจฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง แต่สมองของเขาไม่ฟื้นแล้ว รอเพียงมารดาที่จะมาจากต่างประเทศ เพื่อมากอดและจะได้ชื่อว่าเป็นวีรบุรุษกู้ชาติ

“ผมหลั่งน้ำตาอย่างไม่ปรากฏว่ามาก่อน ครั้งแล้วครั้งแล้ว แล้วจะไม่ให้ผมจัดการมันได้อย่างไร มึงมีมือ กูก็มีมือ มึงมีสมอง กูก็มีสมอง มึงมีเงิน กูก็มีเงินจากการบริจาค”

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ได้ฟังแถลงการณ์ของกลุ่มเยาวชนกู้ชาติ Young PAD แล้ว รู้สึกว้าเหว่ที่ครู 7 แสนคนไม่รู้ไปอยู่ไหน อาจารย์มหาวิทยาลัย 156 แห่ง จำนวน 4 หมื่นคน ไปอยู่ไหน น้องอายุ 22 ปี ที่เราเรียกเขาว่าวีรชนกู้ชาติ หน่วยชีวิตของเขาใกล้ปิดฉากแล้ว ครู-อาจารย์ไปอยู่ที่ไหน ประชาชนทัพหน้าออกมาแล้ว 182 วัน ทัพหลวงมัวไปอยู่ไหน หรือมัวดูโทรทัศน์อยู่

ก่อนจบปราศรัยนายสมเกียรติได้ยกบทกวีของจิตร ภูมิศักดิ์ มาเป็นปณิธานในการใช้ชีวิตหลังจากนี้ว่า “เพื่อลบรอยคราบน้ำตาประชาราช สักพันชาติจักสู้ด้วยม้วยหฤหรรษ์ แม้นชีพใหม่มีเหมือนหวังอีกครั้งครัน จักน้อมพลีชีพนั้นเพื่อมวลชน”