“สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ปากดี โทษเหตุระเบิดในพื้นที่ชุมนุมพันธมิตรฯ เป็นแค่คดีฆาตกรรม ไม่ใช่การก่อความวุ่นวายจนต้องประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ระบุเป็นหน้าที่ตำรวจติดตามคนร้ายมาลงโทษ ยังใสซื่อปัดไม่ปรารถนาให้เกิดความรุนแรง เชื่อใจสัจจะ “อนุพงษ์” ทหารไม่ขยับแน่
วันนี้ (22 พ.ย.) ที่ประเทศเปรู นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ระหว่างเข้าร่วมประชุมผู้นำเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 16 ณ กรุงลิมา สาธารณรัฐเปรู ถึงเหตุระเบิดที่ชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แยกมิสกวัน เมื่อ 02.00 น.ที่ผ่านมา ว่า ทราบเรื่องแล้ว ซึ่งตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเร่งติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุโดยเร็ว และเชื่อว่าการสอบสวนเหตุระเบิดครั้งนี้น่าจะสะดวกขึ้น เพราะเกิดบริเวณสี่แยก ตำรวจสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ ไม่เหมือนเหตุระเบิดครั้งที่ผ่านมาที่ระเบิดภายในทำเนียบรัฐบาล และไม่สามารถเข้าไปที่เกิดเหตุได้โดยเร็ว ทั้งนี้ต้องการให้ทุกฝ่ายรอผลการสอบสวนจากตำรวจก่อนที่จะสรุปว่าใครเป็นผู้กระทำ
นายสมชาย กล่าวย้ำว่า ไม่ปรารถนาที่จะให้มีเหตุรุนแรงเช่นนี้ และไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายในประเทศ นี่เป็นเรื่องของคนร้าย ตำรวจต้องติดตามจับกุม และอยากขอร้องว่าเรื่องที่จะทำให้เกิดความรุนแรง ใครที่กระทำควรยุติได้แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นหลายครั้งมีคนต้องการให้ทหารต้องออกมาใช้กำลังเพื่อควบคุมสถานการณ์หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทหารได้พูดไปแล้วว่าไม่เกี่ยวข้องอะไร อย่างไรก็ตาม ไม่คิดว่าเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นจะนำไปสู่ปัจจัยที่ทหารต้องมาควบคุมสถานการณ์บ้านเมือง
“มันคงไม่ใช่ แต่มันเป็นเรื่องการฆาตกรรมกันธรรมดา ผมก็อยากให้จับคนร้ายให้ได้ จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร ความจริงจะได้กระจ่าง มันคงไม่เป็นเหตุให้นำไปสู่เหตุการณ์อย่างอื่น” นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามว่า หากสถานการณ์ในประเทศเกิดเหตุรุนแรงจนไม่สามารถควบคุมได้จะประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ลักลอบขว้างระเบิดกัน ไม่ใช่ว่าจะเกิดความวุ่นวายจนต้องใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่สถานการณ์ขณะนี้คงไม่ถึงกับควบคุมไม่ได้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้ตอบคำถามที่ว่าเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นเพราะมีคนต้องการที่จะให้เกิดการเผชิญหน้ากันระหว่างการชุมนุมของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และพันธมิตรฯ หรือไม่ เนื่องจาก นปช.จะมีการจัดรายการความจริงวันนี้สัญจรในวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ว่า ไม่คิดว่าจะมีเหตุที่กลุ่มคน 2 กลุ่มจะเผชิญหน้ากัน เพราะการชุมนุมอยู่ห่างกัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดี