ผู้ที่ได้เข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ ในครั้งนี้ เชื่อว่าหากทุกคนได้เห็นหน้าเธอคนนี้คงจะคุ้นหน้าคุ้นตากันบ้าง หญิงสาววัย 40 ปลาย หน้าตาดูเป้นคนใจดี ที่คอยทำหน้าที่การ์ดอาสา ควบคุมการเข้า-ออก ของทุกคนที่จะเข้าไปยังด้านหลังเวทีปราศรัยของพันธมิตรฯ เพื่อรักษาความปลอดภัยแก่แกนนำ และดูแลความสงบเรียบร้อยในภาพรวมของการชุมนุม
“พี่อ้อย” ซึ่งเป็นพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)ได้พูดคุยกับเราถึงการเข้ามาทำหน้าที่การ์ดอาสาในครั้งนี้ว่า เดิมที เธอติดตามรายการ “เมืองไทยรายสัปดาห์” มาโดยตลอด เนื่องจากรู้สึกเห็นด้วยและชื่นชมกับการแสดงจุดยืนในการขับไล่รัฐบาลที่ทุจริตคอร์รัปชั่น และคัดค้านการแปรรูปองค์กรรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ จนนายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการ และรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ถูกปลดออกจากผังรายการของช่อง 9 อสมท. เมื่อเดือนกันยายน 2548 ทำให้ต้องเปลี่ยนรูปแบบเป็นการจัดรายการสัญจรไปยังที่ต่าง ๆ ซึ่งเธอและเพื่อนๆ ใน กฟผ. ก็ได้ติดตามไปรับชมอยู่ตลอด
กระทั่งเมื่อรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจรไปจัดที่สวนลุมพินี นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ประกาศรับสมัครผู้ที่อาสามาเป็นการ์ดรักษาความปลอดภัย และอำนวยความสะดวกในเรื่องต่าง ๆ ตนและเพื่อน ๆ จึงได้ร่วมกันสมัครเป็นการ์ดอาสา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แล้วก็ทำหน้าที่การ์ดต่อเนื่องมาจนถึงการต่อสู้ขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ท้องสนามหลวง และเมื่อมาถึงการชุมนุมกู้ชาติ ในครั้งนี้เธอจึงไม่รีรอที่จะมากลับมาทำหน้าที่เป็นการ์ดอาสาอีกครั้ง
พี่อ้อย กล่าวต่อว่า การมาเป็นการ์ดอาสาในการชุมนุมครั้งนี้ ตนเองมาทำหน้าที่ตั้งแต่วันแรกของการชุมนุมที่ยังไม่เคลื่อนขบวนมาจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้ว และตลอดการชุมนุมอันยาวนานกว่า 6 เดือนที่ผ่านมาเธอบอกว่า “พี่มาทำหน้าที่เป็นการ์ดทุกวัน ไม่เคยขาดแม้แต่วันเดียว”
เมื่อถามว่าการมาชุมนุมทุกวันอย่างนี้ มีผลกระทบกับงานและครอบครัว หรือไม่ พี่อ้อยตอบอย่างยิ้มแย้มว่า ในช่วงแรก ๆ ก็มีบ้าง เมื่อคุณแม่ของเธอทราบว่ามาชุมนุม ก็เป็นห่วง โทรศัพท์มาบอกว่าอย่าไปชุมนุมเลย เพราะกลัวจะเป็นอันตราย แต่เธอก็ได้อธิบายให้คุณแม่ได้เข้าใจถึงเหตุผลที่ต้องออกมาต่อสู้ พร้อมทั้งพาคุณแม่มาดูการชุมนุมของพันธมิตรฯ ว่าเต็มไปด้วยความอบอุ่น และไม่ได้น่ากลัวหรือรุนแรงอย่างที่สื่อหลายสื่อนำเสนอ เมื่อคุณแม่ได้มาเห็นการชุมนุมท่านก็เบาใจขึ้น แล้วก็ไม่ได้เป็นห่วงอะไรอีก
โดยภาพรวมแล้วการมาทำหน้าที่ในครั้งนี้ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อหน้าที่การงานหรือชีวิตครอบครัว ด้วยเพราะปัจจุบันเธออาศัยอยู่กับลูกสาวเพียง 2 คน ซึ่งน่ายินดีที่ลูกสาวของเธอ ก็คือน้องอาย เป็นเด็กสาวที่มีอุดมการณ์ที่ถอดแบบออกมาจากเธอไม่มีผิด ทุกวันที่เธอมาทำหน้าที่การ์ดอาสา จึงจะต้องมีน้องอาย ลูกสาวคนสวย คอยติดตามคุณแม่มาด้วยเหมือนเงาตามตัว
ทุกวันนี้ พี่อ้อยยังคงไปทำงานที่ กฟผ.ตามปกติ เมื่อถึงเวลาเลิกงานเธอก็จะขับรถไปรับน้องอายที่โรงเรียนเซนต์ฟรังซิสซาเวียร์คอนแวนต์ จากนั้นสองคนแม่ลูกก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวมาทำหน้าที่การ์ดอาสาในช่วงค่ำของทุกวัน จนเวลาประมาณเที่ยงคืนสองคนแม่ลูก จึงเดินทางกลับบ้านพัก
เมื่อถามว่าการทำหน้าที่การ์ดอาสาว่า ได้รับค่าจ้างหรือไม่ และรู้สึกอย่างไรที่ได้มาทำหน้าที่นี้ พี่อ้อย กล่าวอย่างหนักแน่นว่า “พี่ไม่เคยได้รับค่าจ้างแม้แต่บาทเดียว พี่และการ์ดอาสาทุกคนไม่มีใครได้ พวกเรามาด้วยจิตอาสาจริงๆ อันนี้คือเรื่องจริง”
ต่อคำถามว่ารู้สึกอย่างไรกับการที่สังคมบางส่วนมองภาพการ์ดอาสาไปในทางลบ พี่อ้อยกล่าวว่า ได้รับทราบมาเช่นกันจากข่าวที่สื่อต่าง ๆ นำเสนอ เช่นเรื่องการ์ดพันธมิตรฯ มีการพกอาวุธ พกระเบิด หรือไปกระทำผิดตามที่ต่าง ๆ แต่ในฐานะการ์ดอาสาคนหนึ่ง อยากจะบอกกับสังคมว่า การ์ดอาสาที่ไปกระทำความผิดดังกล่าวนั้น เขาไม่ใช่การ์ดอาสา หากลองอ่านข่าวให้ละเอียดและรอบด้านจริง จะทราบได้เลยว่า คนเหล่านั้นถูกปลดออกจากการเป็นการ์ดพันธมิตรฯ ไปแล้ว
“พี่แน่ใจว่าการ์ดอาสาพันธมิตรฯ พี่รู้จักเกือบทุกกลุ่ม แล้วก็แน่ใจว่า คนที่เป็นการ์ดอาสาจริงจะไม่มีการพกอาวุธ เพราะทางแกนนำเคยบอกไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าห้ามพกเด็ดขาด หากการ์ดคนใดพกพาอาวุธ จะถือเป็นการกระทำความผิด ซึ่งพันธมิตรฯ จะไม่รับผิดชอบเด็ดขาด ถือเป็นความรับผิดชอบส่วนบุคคล เพราะแกนนำพันธมิตรฯ ไม่เคยอนุญาตหรือมีนโยบายให้ใครพกพาอาวุธ เพราะการต่อสู้ของเราเป็นแบบสันติ และอหิงสา หากใครพกอาวุธคนนั้นไม่ใช่การ์ดพันธมิตรฯ”
นอกจากนี้แกนนำจะบอกเอาไว้เสมอว่า การพกอาวุธไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะหากตำรวจจะใช้กำลังกับเราจริง อย่างวันที่ 7 ต.ค. ยังไงเราก็สู้เขาไม่ได้ เพราะเขามีอาวุธหนักทุกอย่าง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพก ทำให้เวลาที่หัวหน้าการ์ดพบใครที่ท่าทางก้าวร้าวหรือพกอาวุธ ก็จะปลดออกทันที ซึ่งคนเหล่านั้นต่างหากที่ออกไปก่อคดี ทำภาพลักษณ์การ์ดอาสาให้เสียไป ทั้งที่จริงแล้ว คนที่สร้างภาพความผิดเหล่านั้นไม่ใช่การ์ดอาสาของพันธมิตรฯ
“พี่อยากบอกไปยังสังคมเกี่ยวกับภาพลักษณ์ของการ์ดอาสาพันธมิตรฯ ว่า ไม่ควรมองภาพรวมคำว่าการ์ดพันธมิตรฯ กว้างเกินไป เพราะความเป็นการ์ดพันธมิตรฯ ไม่ได้ติดตัวคนๆ ไปตลอด เหมือนพี่ที่เมื่อเดินพ้นจากการชุมนุม พี่ก็คือประชาชนคนนึง เมื่อพี่ทำผิดก็ไม่ใช่เรื่องที่พี่จะอ้างได้ว่าพี่คือการ์ดพันธมิตรฯ ดังนั้นอยากให้มองการ์ดด้วยความเป็นปัจจุบัน นั่นคือคนที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสถานที่ชุมนุมเท่านั้น คนที่ถูกให้ออกไปแล้ว อย่านำมาเกี่ยวโยงกัน”พี่อ้อยกล่าวทิ้งท้าย