“สนธิ” แจงพิธีกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดินเพื่อเป็นสิริมงคล ไม่ใช่พิธีไสยศาสตร์ แฉอาจารย์ “สวนกุหลาบ รังสิต” คุกคามลูกศิษย์พันธมิตรฯ กล่าวหาใส่ร้ายว่าพ่อแม่รับเงินชุมนุม พร้อมประจาน “บิ๊กป๊อก” ออกหนังสือผลงานประจำปี 2551 กองทัพบก ประกาศเจตนารมณ์เลิศหรูแต่ทำทุกอย่างตรงกันข้าม เผยเตรียมไปจีน 2-3 วัน คุยรัฐบาลมังกรอย่าให้ “แม้ว” ใช้พื้นที่ถล่มไทย
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
วันที่ 9 พ.ย.เมื่อเวลา 20.45 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปราศรัยบนเวทีที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงการทำพิธีกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดิน การบูชาเทพยดา พระพุทธคุณ และพระอริยสงฆ์ ทั้งหลวงปู่ทวด สมเด็จโต วัดระฆัง อาจทำให้พ่อแม่พี่น้องบางส่วนเข้าใจผิดว่า เป็นการทำพิธิทางไสยศาสตร์
นายสนธิ ยืนยันว่า การทำพิธีต่างๆ รวมถึงการพรมน้ำมนต์ เป็นการเชื่อในพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เป็นการเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์แต่อย่างใด แต่เมื่อบางครั้งพบว่าเขาทำมา ก็ต้องเอามาเล่าให้ฟังบ้าง ตั้งแต่เรื่องการทุบพระพรหมเอราวัณ เป็นคนบ้า แล้วโดนฆ่าตายทันที แล้วคนที่ฆ่าก็ไม่โดนจับ รวมถึงการฝังรูปฝังรอยที่พระบรมรูปทรงม้า แล้วมีคนเอาผ้าอนามัยไปลูบทำลายพิธี ไม่ใช่เพราะว่าเชื่อ แต่เพราะบางครั้งก็ต้องไปดูให้พบเพื่อพิสูจน์ด้วยตัวเอง อย่างที่วัดบางละมุง ก็ต้องเล่าให้ฟัง แล้วมันก็เป็นเรื่องจริง
“ผมยืนยันว่าจะไม่ยุติการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อย่างเมื่อเช้าที่มีการพรมน้ำมนต์ ก็เป็นเรื่องที่สังคมยอมรับ เพราะเป็นน้ำมนต์ที่มาจากขวดของหลวงตามหาบัว ผิดตรงไหน ถ้าต้องทำในเรื่องที่เป็นสิริมงคล แล้วมีคนถือศีล 5 มาเก็บขยะของสกปรกออกไปทิ้ง ถ้าเป็นเรื่องที่ดีก็ต้องทำกันต่อไป”
นายสนธิ กล่าวถึงจดหมายร้องเรียนจากพันธมิตรฯ ซึ่งเป็นนักเรียนสวนกุหลาบ วิทยาเขตรังสิต ซึ่งเคยมาชุมนุมในวันที่ 7 ต.ค.แล้วโดนอาจารย์วิชาวิทยาศาสตร์เข้ามาคุกคาม โดยพูดจาให้ได้รับความเสียหาย กล่าวหาว่ารับเงินไปชุมนุม ทั้งที่ตนเองยืนยันว่าไปร่วมชุมนุมด้วยใจ และยังให้สาบานให้ตายภายใน 7 วัน ทั้งยังมีการด่าทอว่าเป็นควายทำประเทศชาติล่มจม เอาสีเหลืองมาใช้หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ
นายสนธิ กล่าวว่า เมืองไทยเรามีคนชื่อทักษิณ ชินวัตร มีคนชื่อเฉลิม อยู่บำรุง แล้วยังมีคนชื่อ นางสุวรรณา ลาภเกิด ซึ่งเป็นอาจารย์ที่สวนกุหลาบ ยังมีความโง่ขนาดนี้ เพราะพูดเหมือนกับ 3 เกลอหัวขวด รายการความจริงวันนี้ ทางสถานีเอ็นบีที ไม่คิดว่าคนที่เป็นอาจารย์จะโง่ได้ขนาดนี้ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าความโง่ไม่น่าจะเกี่ยวกับอาชีพ
“พ่อแม่พี่น้อง เห็นความล่มจมของชาติบ้านเมืองหรือยัง พอเรายิ่งเห็นก็ยิ่งต้องภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผมเองจะขอปวารณาสู้กับความโง่ของคนไทยบางส่วน และจะขอสู้จนตาย”
นายสนธิ กล่าวถึงหนังสือผลงานประจำปี 2551 กองทัพบก โดยกล่าวถึงเจตนารมณ์ของผู้บัญชาการทหารบก (พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา) ที่บอกว่า ต้องการให้กองทัพบกเป็นกลไกหลักในการรักษาความมั่นคงของชาติ โดยเน้นการเปลี่ยนแปลงในประเทศเป็นเรื่องเร่งด่วน เน้นการทำตัวเป็นกลาง โดยถือโล่ห์และกระบอง กำลังพลทุกคนต้องตระหนักว่าเป็นทหารของพระเจ้าอยู่หัว พร้อมปฏิบัติหน้าที่ธำรงไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ
นายสนธิ กล่าวว่า พอได้อ่านเจตนารมณ์ของ พล.อ.อนุพงษ์ แล้วก็แทบไม่อยากเปิดดูข้างใน เพราะเจอหัวข้อ 6.8 ที่บอกว่า การปลูกฝังกำลังพลในยุคข้อมูลข่าวสาร เป็นเรื่องเปราะบาง สังคมไทยแตกความสามัคคี บิดเบือน โดยมุ่งหวังผลประโยชน์ของตัวเอง นำไปสู่กฎหมู่ที่อยู่เหนือกฎหมาย และความขัดแย้งที่รุนแรง ซึ่งทั้งหมดนี้ พล.อ.อนุพงษ์กำลังกล่าวขัดแย้งในตัวเองหรือเปล่า เพราะบางเรื่องที่เป็นข้อปฎิญาณคุณไม่เคยทำเลยสักอย่าง เจตนารมณ์ที่ประกาศน่าจะเป็นเจตนารมณ์ของเจ้าของไร่สตรอเบอร์รี่
นายสนธิ กล่าวว่า สัปดาห์นี้ตนคงจะต้องขอหายตัวไปสัก 2-3 วัน เพื่อเดินทางไปประเทศจีนเพื่อทำหน้าที่ โดยจะไปจับเข่าคุยกับผู้ใหญ่ที่เมืองจีนที่มีอำนาจบางคน จะคุยเป็นการส่วนตัวในฐานะพี่น้องคุยกัน จะบอกเขาว่าประชาชนคนไทยเสียใจมากที่รัฐบาลจีนให้ทักษิณใช้พื้นที่ในจีนและฮ่องกง มาจาบจ้วงข่มขู่ประชาชนคนไทย และมาข่มขู่พระมหากษัตริย์ไทย
ทั้งนี้ เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณคงไม่อยู่ที่ปักกิ่งไปตลอด คงจะมาอยู่ที่ฮ่องกง ซึ่งบรรยากาศเหมือนประเทศทางตะวันตกที่ พ.ต.ท.ทักษิณคงชอบมากกว่า แต่ก็ถือว่าฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งของจีนจะปล่อยให้ทักษิณมาทำแบบนี้ถือว่าใช้ไม่ได้ โดยจะเอาคำแปลโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณไปให้ผู้ใหญ่ของรัฐบาลจีนได้อ่านด้วย เพราะไม่เชื่อว่า สถานทูตจีนในไทยจะทำหน้าที่ของตัวเองอย่างถูกต้อง อยากให้ผู้ใหญ่ในเมืองจีนได้รับทราบว่ารัฐบาลจีนถ้าจะเลือกทักษิณ ต้องทิ้งคนไทยเชื้อสายจีนทั้งหมด ให้เขาเลือกว่าระหว่างคนจีนในไทยที่รักชาติและผูกพันกับประเทศจีนในฐานะที่เป็นแหล่งกำเนิดของบรรพบุรุษอย่างพวกเราที่มีเป็นสิบๆ ล้านคน กับ พ.ต.ท.ทักษิณเพียงคนเดียว เขาจะเลือกคบใคร
