ทีม กม.ปชป.ตอกหน้าอัยการให้ทำหน้าที่ในฐานะทรายแผ่นดิน เย้ยอย่าปกป้อง “แม้ว” นักโทษหนีคดีอาญา ชี้ อังกฤษถอนวีซ่าง่ายต่อการนำตัวกลับมาติดคุก จี้ ทางการไทยถอนพาสปอร์ตทั้งยวง
วันนี้ (9 พ.ย.) นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่อัยการออกมาระบุว่า การติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยจะยากขึ้น หลังจากที่อังกฤษถอนวีซ่า พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ความจริงจะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น เพราะปกติประเทศอังกฤษส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนยากมาก ดังนั้น เมื่อรัฐบาลอังกฤษไม่สมัครใจให้คนชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ และ ภริยา อยู่ในประเทศต่อไป ถือว่าเป็นโชคดีของประเทศไทยที่จะมีโอกาสเริ่มต้นการขอตัวผู้ร้ายข้ามแดนในประเทศอื่น เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นผู้ร้ายที่ต้องคำพิพากษาศาล โดยให้เริ่มต้นตรวจสอบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ พำนักอยู่ที่ประเทศใด มีสนธิสัญญาระหว่างกันหรือไม่ หาก พ.ต.ท.ทักษิณ หนีไปอยู่ประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญา ก็ให้ใช้การตกลงต่างตอบแทนกับประเทศนั้นๆ ว่า หากต้องการให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนก็พร้อมที่จะดำเนินการให้ แลกกับการส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มารับโทษในไทย ซึ่งจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาต่อไป
ส่วนการสืบหาที่อยู่ของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น นายถาวร กล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเป็นคนดังและรวย ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ หนีไปที่ไหนก็เป็นข่าว และฝากบอกไปถึงสำนักงานอัยการสูงสุด ว่า อย่าแก้ตัวล่วงหน้าว่า นำตัว พ.ต.ท.ทักษิณ มาดำเนินคดีลำบาก ควรใช้ความรู้ทางด้านกฎหมายในฐานะทนายแผ่นดิน ใช้อำนาจรัฐแทนประชาชนอย่างจริงจัง เพื่อดำเนินการเรื่องนี้ ที่สำคัญคือ มีหน่วยราชการหลายหน่วย โดยเฉพาะหน่วยงานด้านกฎหมาย ที่มีผู้บริหารเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับ พ.ต.ท.ทักษิณ และนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นน้องเขย จึงมักจะทำแบบลูบหน้าปะจมูก ดังนั้น ขอให้คิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นบุคคลธรรมดาที่ถูกพิพากษาให้จำคุก ต้องไม่เลือกปฏิบัติใช้มาตรฐานเดียวกับบุคคลธรรมดาอื่นๆ การที่อัยการพูดเช่นนั้น ถือเป็นการแก้ตัวล่วงหน้า และปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัวเอง นอกจากนี้ ขอให้ทางการไทยยกเลิกพาสปอร์ตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งหมด โดยให้เหลือไว้เพียงแค่การเป็นพลเมืองไทยเท่านั้น
ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ยังเรียกร้องให้รัฐบาลส่งสัญญาณไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาท ให้ไปให้การกับกระบวนการยุติธรรมเร็วขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นว่า ได้ปฏิบัติงานในฐานะดูแลรักษากติกาบ้านเมืองอย่างไม่เลือกที่รักมักที่ชัง