xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : “เสธ.แดง”...“ทหาร” หรือ “หัวหน้าอาชญากร”?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ผู้ฝึก นักรบพระเจ้าตาก ให้ นปช.
อมรรัตน์ ล้อถิรธร...รายงาน

ความรุนแรงที่เกิดกับกลุ่มพันธมิตรฯ ตลอด 2 เดือนกว่ามานี้ นอกจากจะเกิดจากฝีมือเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่าง “ตำรวจ”แล้ว ยังมีที่เกิดจากกลุ่ม “นปช.”ที่รัฐบาลหนุนหลังอยู่ ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่า แกนนำของ นปช. มิได้มีเพียงอดีต กก.บห.พรรคไทยรักไทย แต่ยังมี ส.ส.พรรคพลังประชาชนร่วมด้วย แต่นั่นยังอาจเทียบไม่ได้กับที่มี “เสธ.แดง”ที่มีดีกรีเป็นถึง “ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก” บทบาทของ เสธ.แดงที่ไม่เพียงร่วมยกพล นปช.บุกตีพันธมิตรฯ เมื่อ 2 ก.ย. แต่ยังฝึก “นักรบพระเจ้าตาก”ให้กลุ่ม นปช.ด้วยนั้น กำลังเป็นประเด็นที่ “ผบ.ทบ.”สั่งตั้ง คกก.สอบฯ ว่าได้ทำอะไรไปบ้าง ผิดหรือไม่ อย่างไร? ก่อนที่ คกก.จะได้ข้อสรุป ลองมาแกะรอย “การกระทำและคำพูด”ของ เสธ.แดงดูว่า ควรได้รับโทษทัณฑ์หรือไม่?

 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายงานพิเศษ 

หากย้อนดูความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณทำเนียบรัฐบาลและสะพานมัฆวานรังสรรค์ จะเห็นได้ว่า ครั้งแรกๆ เกิดจากน้ำมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมที่ทำเนียบฯ และสะพานมัฆวานฯ เมื่อช่วงสายวันที่ 29 ส.ค.โดยอ้างว่า ทำตามคำสั่งศาลในการแจ้งหมายบังคับคดี ทั้งที่ศาลสั่งแค่ให้แจ้งหมาย ไม่ได้สั่งให้สลายหรือทำร้ายประชาชน ส่งผลให้ผู้ชุมนุมบาดเจ็บไปหลายสิบคน และเมื่อผู้ชุมนุมไม่พอใจจึงรวมตัวไปเรียกร้องความรับผิดชอบจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)ในช่วงค่ำ แต่ตำรวจใน บช.น.กลับตอบแทนด้วยการยิงแก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมอีกครั้ง ส่งผลให้ผู้ชุมนุมบาดเจ็บกันไปอีกหลายสิบราย

กระทั่งหลายภาคส่วนในสังคมเรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกฯ ในขณะนั้นรับผิดชอบด้วยการลาออก แต่นายสมัครก็ยืนยันผ่านรายการ “สนทนาประสาสมัคร”เมื่อ 31 ส.ค.ว่าไม่ลาออก โดยถือคติว่า “ความกลัวทำให้เสื่อม ไม่อยากให้บ้านเมืองเสื่อมไปกว่านี้ ผมจึงไม่กลัว” ขณะที่แกนนำพรรคพลังประชาชนที่เป็นอดีตแกนนำ นปก.ได้ประกาศฟื้น นปก.หรือ นปช.ขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมยกพลไปให้กำลังใจรัฐบาลนายสมัครที่รัฐสภาในวันเดียวกัน(31 ส.ค.) พร้อมประกาศว่า หากนายสมัครลาออก พวกตนจะบุกเข้ายึดรัฐสภาทันที!

ทันทีที่กลุ่ม นปช.ฟื้นคืนชีพเพื่อพิทักษ์รัฐบาลนายสมัคร ความรุนแรงก็บังเกิดกับกลุ่มพันธมิตรฯ นับแต่นั้นมา เริ่มด้วยกลางดึกคืนวันที่ 31 ส.ค.ได้เกิดระเบิดขึ้นบริเวณป้อมตำรวจจราจรเชิงสะพานวิศสุกรรมนฤมาณ ถ.ผดุงกรุงเกษม ซึ่งไม่ห่างจากทำเนียบรัฐบาลที่พันธมิตรฯ ชุมนุมอยู่เท่าใดนัก ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า หลังเกิดเหตุไม่กี่นาที พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก พร้อมด้วยนายพิชา วิจิตรศิลป์ 1 ในทีมทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ไปปรากฏตัว ณ จุดเกิดเหตุ โดยนายพิชา รีบออกอาการร้อนตัวแทนกลุ่ม นปช.ด้วยการยืนยันว่า เหตุระเบิดดังกล่าวไม่ใช่ฝีมือ นปช.แน่นอน!

ขณะที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง 1 ในแกนนำพันธมิตรฯ เชื่อว่า เหตุระเบิดดังกล่าว น่าจะเป็นการขู่เพื่อไม่ให้คนมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ และไม่แน่ใจว่าเหตุระเบิดนั้นเป็นการส่งสัญญาณว่าต่อไปสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นหรือไม่ เพราะได้ยินมาว่า รัฐบาลจะระดมคนมาจากต่างจังหวัดเพื่อมาป่วนพันธมิตรฯ หลังจากที่รัฐบาลพยายามใช้ตำรวจสลายพันธมิตรฯ(เมื่อ 29 ส.ค.) แต่ไม่สำเร็จ จึงจะใช้ประชาชน(กลุ่ม นปช.)เข้ามาสลายพันธมิตรฯ แทน

ซึ่งก็จริงอย่างที่ พล.ต.จำลองประเมินไว้ เพราะนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำ นปก.ซึ่งเป็นรองโฆษกรัฐบาลในขณะนั้น ได้ออกมาพูดปลุกประชาชนในวันเดียวกัน(1 ก.ย.)ให้ออกมาปกป้องบ้านเมืองด้วยการทวงคืนทำเนียบฯ จากกลุ่มพันธมิตรฯ

จากนั้น ช่วงค่ำวันเดียวกัน(1 ก.ย.) ปรากฏว่า ประชาชนจากต่างจังหวัดทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ที่สนามหลวง ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า แกนนำที่ขึ้นเวทีปราศรัย นอกจากนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท และนายชินวัฒน์ หาบุญพาด แล้ว ยังมี ส.ส.อุดรธานี พรรคพลังประชาชนอย่าง พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปีอย่างนายอดิศร เพียงเกษด้วย

กระทั่งกลางดึกคืนเดียวกัน(วันที่ 1 ก.ย.ล่วงเข้าวันที่ 2 ก.ย.แล้ว) กลุ่ม นปช.ก็ได้เคลื่อนพลพร้อมอาวุธนานาชนิด ทั้งไม้ แท่งเหล็ก มีดสปาร์ตา ดาบ ฯลฯ ออกจากที่ตั้ง(สนามหลวง)ไปยังสะพานมัฆวานฯ เพื่อยึดทำเนียบฯ คืนจากกลุ่มพันธมิตรฯ แม้ระหว่างทาง จะมีตำรวจ(ที่มีเพียงโล่)ตั้งแนวสกัด 2 จุด แต่กลุ่ม นปช.ก็สามารถฝ่าไปได้อย่างง่ายดาย ก่อนวิ่งเข้าใส่กลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณสะพานมัฆวานฯ จนเกิดการปะทะกัน ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 43 ราย เสียชีวิต 1 ราย!

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเกิดการปะทะ มี ส.ส.พรรคพลังประชาชนหลายคนอยู่บริเวณใกล้ๆ รถปราศรัยของ นปช.ด้วย เช่น นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยคมนาคม ,นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ ,นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา ,นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.นครพนม ,นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. รวมทั้ง พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมคินทร์ ส.ส.อุดรธานี ที่ร่วมเดินกับกลุ่ม นปช.มาบุกพันธมิตรฯ

นอกจากรายชื่อ ส.ส.ดังกล่าว จะมัดพรรคพลังประชาชนให้ดิ้นยาก ว่าไม่ได้เป็นผู้อยู่เบื้องหลังหรือบงการกลุ่ม นปช.ให้ยกพลมาบุกพันธมิตรฯ ในคืนดังกล่าว ยังมีความชัดเจนอีกเรื่องที่ต้องให้ความสนใจ คือกรณีที่ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ได้โดดออกมาร่วมวงกับกลุ่ม นปช.ในการบุกตีกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก โดย เสธ.แดง ยอมรับว่า ตนได้ร่วมกับ นปช.ในการยกพลจากสนามหลวงมาบุกพันธมิตรฯ จริง พร้อมออกตัวว่า วันดังกล่าว กลุ่ม นปช.เตรียมตัวมาไม่ดี ยังไม่มีความพร้อม น่าจะฝึกนักรบอีกสัก 1 สัปดาห์แล้วค่อยบุกพันธมิตรฯ

เสธ.แดง ยังยอมรับด้วยว่า เจตนาของกลุ่ม นปช.ที่ไปบุกพันธมิตรฯ ก็เพื่อให้เกิดความรุนแรงจากการปะทะ รัฐบาลจะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งก็สมใจกลุ่ม นปช. เพราะวันรุ่งขึ้น(2 ก.ย.)นายสมัคร นายกฯ ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทันที กลุ่ม นปช.ได้ที จึงประกาศชัยชนะและให้ผู้ชุมนุมทั้งหมดกลับไปรวมตัวที่สนามหลวง

แต่เมื่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ไม่สนองตอบรัฐบาลที่ต้องการยืมมือทหารให้ใช้กำลังสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ หลังประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ โดย พล.อ.อนุพงษ์ยืนยันจะใช้วิธีเจรจาและและดูแลไม่ให้เกิดการปะทะระหว่าง 2 ฝ่าย ส่งผลให้แกนนำ นปช.และ ส.ส.พรรคพลังประชาชนไม่พอใจ เช่นเดียวกับ เสธ.แดง ที่มีสถานภาพเป็นผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก แทนที่จะช่วย พล.อ.อนุพงษ์ยุติความรุนแรงจากการชุมนุม กลับลุกขึ้นมาฝึกการรบให้กลุ่ม นปช.โดยใช้ชื่อ “นักรบพระเจ้าตาก”พร้อมประกาศว่า จะนำกลุ่ม นปช.บุกทวงคืนทำเนียบฯ จากกลุ่มพันธมิตรฯ ให้ได้ในวันที่ 14 ต.ค.

แต่ยังไม่ทันถึงวันที่ 14 ต.ค.ก็เกิดเหตุวันที่ 7 ต.ค.เสียก่อน เมื่อรัฐบาลนายสมชาย น้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ได้สั่งการให้ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ปิดล้อมรัฐสภา(เพราะเห็นว่ารัฐบาลนายสมชายหมดความชอบธรรมที่จะแถลงนโยบายต่อสภา)เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลเข้าไปแถลงนโยบายในสภาได้ ส่งผลให้รัฐบาลนี้ได้ฉายาว่า “รัฐบาลฆาตรกร-รัฐบาลมือเปื้อนเลือด”เพราะสามารถเดินข้ามกองเลือดของผู้ชุมนุมที่บาดเจ็บแขน-ขาขาดเข้าไปแถลงนโยบายในสภาท่ามกลางเสียงปืนและระเบิดที่ดังอยู่ภายนอกได้อย่างเลือดเย็น!

ผลจากการสลายการชุมนุม ไม่เพียงทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บเกือบ 500 ราย แต่ยังนำมาซึ่งวิกฤตศรัทธาต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกรัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือให้สลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ทำให้ตำรวจที่ปฏิบัติการในวันนั้น เปลี่ยนสถานะจาก “ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์”มาเป็น “ตำรวจฆ่าประชาชน”ไปในพริบตา เพราะนอกจากจะไม่ได้สลายการชุมนุมตามหลักปฏิบัติสากล ที่ต้องเริ่มจากเบาไปหาหนัก โดยแก๊สน้ำตาจะต้องเป็นหนทางสุดท้าย กลับปรากฏชัดเจนจากผลสรุปเบื้องต้นของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเหตุการณ์ 7 ต.ค.ชุดของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่ระบุชัดว่า ตำรวจใช้แก๊สน้ำตาโดยไม่มีการแจ้งหรือเตือนก่อนล่วงหน้า แถมยังยิงแก๊สน้ำตาในแนวระนาบ ส่อเจตนาว่าต้องการให้ถูกผู้ชุมนุม ทั้งที่ทราบดีว่าถ้าโดนตัวจะเป็นอันตราย

นี่ยังไม่รวมคุณภาพของแก๊สน้ำตาที่นำมาใช้ ซึ่งจากการตรวจสอบและทดสอบของผู้เกี่ยวข้องที่นำโดย พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม พบว่า แก๊สน้ำตาที่ตำรวจนำมาใช้ในการสลายการชุมนุม 7 ต.ค.ส่วนใหญ่เป็นแก๊สน้ำตาคุณภาพต่ำที่ซื้อจากจีน ซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงทำแขน-ขาขาดและเสียชีวิตได้ เพราะเป็นแก๊สน้ำตาที่มีส่วนประกอบของ “อาร์ดีเอ็กซ์”ซึ่งเป็นสารประกอบระเบิดที่ร้ายแรง แถมการตรวจสอบยังพบด้วยว่า แก๊สน้ำตาล็อตดังกล่าวหมดอายุไปสิบกว่าปีแล้ว แต่เหตุใดตำรวจจึงนำมาใช้ในการสลายการชุมนุมครั้งนี้ ซึ่งทางกองพลาธิการและสรรพาวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกว่า โดยหลักแล้ว การใช้อาวุธ ต้องนำของเก่ามาใช้ก่อน ของใหม่ไว้ทีหลัง แต่ก็ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า แล้วเหตุใดการสลายการชุมนุมของกลุ่ม นปก.ที่บุกบ้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2550 ตำรวจจึงไม่นำแก๊สน้ำตาล็อตนี้ออกไปใช้ แต่กลับนำมาใช้กับกลุ่มพันธมิตรฯ เท่านั้น!

สำหรับเหตุรุนแรงหลัง 7 ต.ค. แม้จะโชคดีที่ เสธ.แดง ไม่นำนักรบพระเจ้าตากของกลุ่ม นปช.มาบุกยึดทำเนียบฯ คืนในวันที่ 14 ต.ค.ตามที่เคยลั่นวาจาไว้ แต่ก็ยังเกิดเหตุรุนแรงหลายต่อหลายครั้งมาจนถึงปัจจุบัน โดยความรุนแรงไม่เพียงบังเกิดกับกลุ่มพันธมิตรฯ แต่ยังลามรวมไปถึงตุลาการในกระบวนการยุติธรรมด้วย และน่าสังเกตว่า วิธีข่มขู่คุกคามที่เกิดกับพันธมิตรฯ และตุลาการฯ นั้นได้ถูกยกระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เริ่มจากมือมืดปาระเบิดใส่บ้านนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 20 ต.ค.ล่วงเข้าวันที่ 21 ต.ค.ซึ่งเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตซื้อขายที่ดินรัชดาฯ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นจำเลย โชคดีนายอักขราทรไปต่างประเทศ และไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ

ต่อมา ช่วงบ่ายวันเดียวกัน(21 ต.ค.)ขณะที่องค์คณะศาลฎีกาแผนกคดีอาญาฯ กำลังอ่านคำพิพากษาคดีซื้อที่รัชดาฯ ปรากฏว่า นอกจากจะมีกลุ่มคนรักทักษิณใส่เสื้อแดงไปรอฟังคำพิพากษาและถือป้ายข้อความทำนองหมิ่นศาลแล้ว ยังมีแนวร่วม นปช.คนหนึ่งที่ฝึกเป็น “นักรบพระเจ้าตาก”กับ เสธ.แดงพกระเบิดไปป้วนเปี้ยนที่ศาลด้วย โชคดีตำรวจ สน.ชนะสงครามที่ไปดูแลความปลอดภัยที่ศาลรวบตัวชายดังกล่าวได้ก่อน ทราบชื่อคือ นายไพรัช ขุนไกร อายุ 17 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ จ.บุรีรัมย์ จากการตรวจค้นกระเป๋าที่เจ้าตัวสะพายมา นอกจากพบระเบิดขวด 1 ลูกแล้ว ยังมีหนังสติ๊ก ลูกเหล็ก และน็อตตัวเมียอีกจำนวนหนึ่ง

ซึ่งเจ้าตัวสารภาพว่า ได้เข้าร่วมอบรมเป็น “นักรบพระเจ้าตาก”อยู่ที่สนามหลวงได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว และว่า สาเหตุที่เข้ารับการฝึก เพราะไม่ชอบกลุ่มพันธมิตรฯ ส่วนระเบิดที่นำมาด้วย นายไพรัช อ้างว่า ตนฝึกทำเล่นๆ ไม่ได้นำมาก่อเหตุแต่อย่างใด(ใครเชื่อบ้าง?)

แม้จะรู้สึกโล่งใจที่ นปช.ดังกล่าวยังไม่ทันได้ปาระเบิดใส่ผู้พิพากษาหรือใส่ใครที่ศาล แต่ลึกๆ ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เหตุระเบิดที่บ้านประธานศาลปกครองสูงสุดคือฝีมือ นปช.ที่ฝึกนักรบพระเจ้าตากรายนี้หรือไม่ หรือว่าเป็น นปช.รายอื่นที่ร่วมฝึกนักรบฯ กับ เสธ.แดงเช่นกัน เพราะต้องไม่ลืมว่าผู้ที่ เสธ.แดงฝึกให้ที่สนามหลวงนั้นมีไม่ต่ำกว่า 100 คน!

ไม่กี่วันต่อมา(28 ต.ค.) กลุ่ม นปช.ได้บุกมาป่วนพันธมิตรฯ อีก โดยแนวร่วม นปช.ประมาณ 10 คน ใส่เสื้อแดงที่มีข้อความว่า “ชอบสมัคร รักทักษิณ” พร้อมโพกผ้าแดงและถือธงแดงเขียนว่า “ความจริงวันนี้” ใช้รถกระบะเป็นพาหนะขับมาป่วนกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ใกล้ทำเนียบฯ โดยมีการยิงหนังสติ๊กใส่ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ก่อนจะถูกการ์ดพันธมิตรฯ รวบตัวส่ง สน.นางเลิ้ง จากการตรวจสอบกระบะหลังรถ นอกจากพบท่อนไม้และเหล็กแป๊บแล้ว ยังมีน้ำมันเบนซิน 1 แกลลอนด้วย โดย นปช.ดังกล่าวอ้างว่า ขับรถหลงทางมา และน้ำมันดังกล่าวเตรียมจะเอาไปเผาฟืน!?!(เอาให้แน่ เผาฟืนหรือเผาทำเนียบฯ?)

2 วันต่อมา(30 ต.ค.)พันธมิตรฯ ก็ถูกลอบกัดอีกครั้ง คราวนี้ผู้ไม่หวังดีเล่นแรงขนาดใช้ระเบิดสังหารปาใส่กลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณสะพานมัฆวานฯ จนมีผู้บาดเจ็บนับสิบคน โดยก่อนจะมีการปาระเบิดใส่กลุ่มพันธมิตรฯ นั้น ได้มีการปาระเบิดใส่บ้านพักนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก่อนในเวลาประมาณ 00.30น.วันที่ 30 ต.ค. โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ มีเพียงคอมเพรสเซอร์แอร์และกระจกได้รับความเสียหาย

จากนั้นไม่นาน เวลาประมาณ 02.00น. ได้มีชายสวมแจ๊คเก็ตสีดำด้านหลังมีโลโก้พรรคไทยรักไทย ถือถุงผ้าชุบน้ำมันเข้ามาใกล้ทำเนียบฯ บริเวณสะพานชมัยมรุเชษฐ์ โชคดีการ์ดพันธมิตรฯ จับตัวไว้ได้ก่อนที่จะก่อเหตุใดใด อย่างไรก็ตามอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา(02.30น.) ก็ได้มีชาย 2 คนสวมหมวกกันน็อคขี่รถจักรยานยนต์จากแยกนางเลิ้งมาจอดบริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ ก่อนยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัดแล้วหลบหนีไป ให้หลังประมาณ 1 ชั่วโมง(03.20น.) ได้มีชาย 2 คนสวมหมวกกันน็อคขี่รถจักรยานยนต์จากแยก จปร.มาจอดหน้าสำนักงานสหประชาชาติ(ยูเอ็ฯ) จากนั้นปาระเบิดใส่กลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณสะพานมัฆวานฯ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บนับสิบราย!

ด้าน พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เผยผลตรวจวัตถุระเบิดที่บ้านพักนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญว่า เป็นระเบิดทีเอ็นที ซึ่งน่าเชื่อว่าเป็นการก่อกวนไม่ได้มุ่งประสงค์ต่อชีวิต และว่า บังเอิญเป็นอย่างยิ่งที่เป็นระเบิดชนิดเดียวกับที่ปาใส่บ้านนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุดก่อนหน้านี้ ส่วนระเบิดที่ปาใส่กลุ่มพันธมิตรฯ นั้น พล.ต.ท.สุชาติ บอกว่า เป็นระเบิดลูกเกลี้ยงชนิดเอ็ม 87 ซึ่งเป็นระเบิดสังหาร!

ขณะที่ข้อมูลที่ได้จากเจ้าหน้าที่ด้านการข่าวของหน่วยงานด้านความมั่นคง ระบุว่า “เหตุระเบิดที่สะพานมัฆวานฯ นั้น มีการวางแผนมาอย่างดี โดยกลุ่มบุคคลที่ต้องสงสัยเป็นเครือข่ายของนายทหารระดับนายพลที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่ในเวลานี้" และว่า “กลุ่มดังกล่าวต้องการสร้างความหวาดกลัวให้ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เพื่อให้ประชาชนมาร่วมชุมนุมน้อยลง” เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคง ยังเผยด้วยว่า “กลุ่มดังกล่าวมีแผนจะลอบวางเพลิงเผารถของผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ รวมทั้งใช้อาวุธระเบิดเครื่องยิงเอ็ม 79 เข้าใส่ผู้ชุมนุม เพื่อหวังสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ชุมนุมด้วย”

ด้าน พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองด้วยการฝึก “นักรบพระเจ้าตาก”ให้กลุ่ม นปช.แถมยังร่วมกับ นปช.ในการยกพลไปบุกพันธมิตรฯ จนเกิดการปะทะกันเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ก็ออกมาพูดถึงเหตุระเบิดใส่กลุ่มพันธมิตรฯ และอีกหลายจุดในช่วงนี้ว่า ไม่สามารถระบุได้ว่ามือระเบิดเป็นกลุ่มใด อย่างไรก็ตาม เสธ.แดง เตือนว่า ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องออกจากทำเนียบฯ เพราะพันธมิตรฯ กำลังเจอกับศัตรูซึ่งออกมารบด้วย “ยุทธวิธีแบบกองโจร” และว่า ระเบิดที่สะพานมัฆวานฯ (30 ต.ค.)นั้น น่าจะเป็นชนิดเอ็ม 26 เสธ.แดง ยังขู่ด้วยว่า หากพันธมิตรฯ ยังไม่หยุดชุมนุม อนาคตอาจถูกซุ่มโจมตีด้วยระเบิดอาร์พีจี เอ็ม 79 และ ค. 60

เป็นที่น่าสังเกตว่า แม้ เสธ.แดงจะบอกในช่วงต้นว่า ไม่รู้ว่าเหตุระเบิดพันธมิตรฯ และอีกหลายจุดเป็นฝีมือของกลุ่มใด แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีข่าวว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นหลายจุดขณะนี้เป็นฝีมือของนักรบพระเจ้าตากที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่ หลังจากได้รับการฝึกฝน(จาก เสธ.แดง)มาอย่างดี ปรากฏว่า เสธ.แดง ออกอาการพิรุธ เพราะแทนที่จะปฏิเสธ กลับบอกว่าไม่ขอออกความเห็น ซึ่งการไม่ออกความเห็น ย่อมเท่ากับว่าไม่ปฏิเสธข่าวดังกล่าว เมื่อไม่ปฏิเสธ โดยนัยยะก็อาจหมายถึงการยอมรับนั่นเอง!

ถ้าไม่เชื่อ ลองมาฟังคำพูดของ เสธ.แดงที่ยอมรับเองว่า นักรบพระเจ้าตากที่ตนฝึกมาอย่างดีที่สนามหลวงนั้น อาจเป็นผู้ก่อเหตุปาระเบิดใส่พันธมิตรฯ และอีกหลายๆ จุดในช่วงที่ผ่านมา โดย เสธ.แดงบอกว่า “สิ่งที่(ตน)ฝึกให้นักรบพระเจ้าตากนั้น นอกจากฝึกท่าเตรียมอาวุธพื้นฐานแล้ว ยังมีการขว้างระเบิดด้วย” และว่า “คนที่มาฝึก ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่มีบัญชีหนังหมาในสารบบตำรวจ ดังนั้นเมื่อออกไปทำอะไร หวังผลได้อย่างสูง โดยเฉพาะเมื่อฝึกที่สนามหลวงแล้ว ก็อยากแย่งกันไปปฏิบัติจริง”!!

ฟังแล้วรู้สึกอย่างไรกันบ้าง? ไม่อยากเชื่อเลยว่า ช่วงเวลา 2 เดือนแห่งการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก นอกจากได้โดดออกมาร่วมวงกับกลุ่ม นปช.ในการบุกตีพันธมิตรฯ (ทั้งที่พันธมิตรฯ อยู่ในที่ตั้งของตัวเอง)แล้ว เสธ.แดงยังใช้ความเชี่ยวชาญด้านทหารที่ผ่านการรบกับข้าศึกมาอย่างดี มาฝึกนักรบสร้างนักรบขึ้นมา โดยใช้ชื่อว่า “นักรบพระเจ้าตาก” แต่จุดมุ่งหมายมิใช่เพื่อป้องกันความปลอดภัยให้กลุ่ม นปช.เท่านั้น แต่เพื่อข่มขู่คุกคามและสังหารฝ่ายตรงข้ามกับ นปช.และรัฐบาล ไม่เว้นแม้แต่ตุลาการที่ตัวเองคิดว่าเอียงข้าง ทั้งที่ เสธ.แดงก็รู้ดีว่า ผู้ที่มาฝึกนักรบกับตนนั้น เป็นผู้ที่ “ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่มีบัญชีหนังหมาในสารบบตำรวจ”ไปปาระเบิดใส่ใครที่ไหน ก็ไม่มีใครตามจับตัวได้ แต่ เสธ.แดงก็ยังกล้าฝึกให้คนเหล่านี้

อยากรู้จริงๆ ว่า เสธ.แดง ได้มาเป็น “ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ”ของกองทัพบกได้อย่างไร ใครเป็นคนตั้ง ? และขอถามดังๆ ไปยัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกว่า ท่านปล่อยให้ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษของกองทัพท่าน ลุกขึ้นมาฝึกคน “ให้เป็นโจรเป็นอาชญากร”แบบนี้ได้อย่างไร? ท่านจะจัดการอย่างไรกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่แบบนี้?

และสุดท้าย ท่านจะดูแลประชาชนในประเทศนี้ โดยเฉพาะพันธมิตรฯ และตุลาการศาลทั้งหลายที่ถูกมองว่าอยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล ให้มีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยจากการก่อการร้ายของ “นักรบพระเจ้าตาก”ของ เสธ.แดงอย่างไร ในเมื่อท่านสั่งให้ เสธ.แดงสลายกลุ่มนักรบพระเจ้าตากได้ก็จริง แต่ตอนนี้นักรบดังกล่าว ได้แปรสภาพไปเป็นแก๊งโรนิน(ซามูไรไร้สังกัด) เลียนแบบประเทศญี่ปุ่นแล้ว แต่จุดมุ่งหมายหาใช่แบบญี่ปุ่นที่แก๊งเหล่านี้จะทำหน้าที่ตามล่าพวกนักการเมืองที่เลวและทุจริตไม่ เพราะล่าสุด หลังมีการปาระเบิดใส่พันธมิตรฯ อีกครั้งที่บริเวณสะพานอรทัย ใกล้ทำเนียบฯ(เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 3 พ.ย.ล่วงเข้าวันที่ 4 พ.ย.)แล้ว เสธ.แดง ได้ออกมาพูดชี้นำชัดเจนว่า แก๊ง(โรนิน ที่แปรสภาพมาจากนักรบพระเจ้าตาก)เหล่านี้ไม่รู้จะไปตามฆ่าพันธมิตรฯ หรือพวกแกนนำหรือไม่!?!
เสธ.แดง และนายพิชา วิจิตรศิลป์(ในวงกลม) 1 ในทีมทนายของ พ.ต.ท.ทักษิณ รุดไปที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว หลังเกิดระเบิดบริเวณป้อมตำรวจ เชิงสะพานวิศสุกรรมนฤมาน ริมคลองผดุงกรุงเกษม(31 ส.ค.)
กลุ่ม นปช.ควงทั้งมีดและดาบออกจากสนามหลวงบุกไปตีพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานฯ(2 ก.ย.).
เสธ.แดง ให้สัมภาษณ์หลังร่วมกับกลุ่ม นปช.ยกพลจากสนามหลวงมาบุกตีพันธมิตรฯ ที่สะพานมัฆวานฯ (2 ก.ย.)
คนร้ายปาระเบิดใส่บ้านพักนายอักขราทร จุฬารัตน ปธ.ศาลปกครองสูงสุด(20 ต.ค.)ก่อนหน้าศาลฎีกาฯ พิพากษาคดีซื้อที่รัชดาฯ 1 วัน
นายไพรัช ขุนไกร ซึ่งฝึกเป็นนักรบพระเจ้าตากกับ เสธ.แดงมาได้ 1 เดือนถูก ตร.รวบตัว หลังพกระเบิดขวดป้วนเปี้ยนหน้าศาลฎีกาฯ ขณะอ่านคำพิพากษาคดีซื้อที่รัชดาฯ(21 ต.ค.)
คนร้ายปาระเบิดใส่บ้านพักนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ(31 ต.ค.)
คนร้ายปาระเบิดใส่พันธมิตรฯ บริเวณสะพานมัฆวานฯ (31 ต.ค.) ตร.ชี้ เป็นระเบิดสังหารชนิดเอ็ม 87
1 ในพันธมิตรฯ ที่บาดเจ็บจากระเบิดที่สะพานมัฆวานฯ(31 ต.ค.)
สมศักดิ์ โกศัยสุข 1 ในแกนนำพันธมิตรฯ ชี้จุดระเบิดที่คนร้ายขว้างใส่พันธมิตรฯ อีกบริเวณสะพานอรทัย(4 พ.ย.).
กำลังโหลดความคิดเห็น