พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เขียนบทความวิเคราะห์สถานการณ์ ชี้ บ้านเมืองใกล้เข้าสู่ยุคบ้านป่าเมืองเถื่อน ปกครองด้วยระบอบโจราธิปไตย เหตุ “โจร” เหิมคุกคามปาระเบิดบ้านพัก 2 ตุลาการ จี้ รัฐบาล-ส.ส.พปช.ออกมาแสดงความห่วงใยและแก้ไขสถานการณ์ มิฉะนั้นอาจถูกมองได้ว่า จงใจเปิดทางให้มีการทำลายฝ่ายตุลาการ วอน พันธมิตรฯ ทุเลาประณามตำรวจจากกรณี 7 ต.ค.เพื่อไม่ให้ตำรวจดีเสียกำลังใจ
วันนี้ (4 พ.ย.) ในหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน หน้า 6 พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ และอดีตประธานเพื่อศึกษาหาแนวทางพัฒนาระบบงานตำรวจ ได้เขียนบทความเรื่อง “จะยกเมืองไทยให้โจรหรือ?” โดยเปรียบเทียบสภาพบ้านเมืองของไทยในปัจจุบันที่มีการใช้ความรุนแรงเพื่อข่มขู่ตุลาการ คือ นายอักขราทร จุฬารัตน ประธานตุลาการศาลปกครองสูงสุด และ นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงประชาชนกลุ่มพันธมิตรฯ กับ เรื่อง ลาโคซาโนสตรา (La Cosa Nostra)
พล.ต.อ.วสิษฐ ตำรวจยอดนักเขียน กล่าวว่า ลา โคซา โนสตรา เป็นเครือข่ายมาเฟียจากเกาะซิซิลี ประเทศอิตาลี ที่เข้าไปอยู่ในสหรัฐอเมริกา แล้วก็ตั้งองค์การอาชญากรขึ้น และขยายอิทธิพลออกอย่างกว้างขวาง ครอบงำธุรกิจทั้งนอกและในกฎหมายเกือบทั่วประเทศ ตำรวจอเมริกันต้องใช้เวลาปราบปรามนานกว่า 30 ปี จึงซบเซาลง
“อาชญากรรมแบบลาโคซา โนสตรา นั้น อาจลอกเลียนแบบกันได้ และถ้าอยากรู้ว่ามันมาถึงเมืองไทยแล้วหรือยัง ก็ให้ดูจากแบบของประทุษกรรมของอาชญากรในเมืองไทย
“ถ้ากระบวนการยุติธรรม ตั้งแต่ตำรวจ พนักงานอัยการขึ้นไปจนถึงผู้พิพากษาตุลาการ ถูกอาชญากรล่อให้รับสินบน และถ้าไม่สำเร็จก็ใช้วิธีทำร้ายหรือสังหาร ก็อนุมานได้ว่า อาชญากรรมแบบลาโคซา โนสตรา ได้มาถึงเมืองไทย และเมืองไทยก็อาจจะกำลังถูกปกครองด้วยระบอบโจราธิปไตยเสียแล้ว
“หลังจากที่มติชนพิมพ์บทความของผมเพียงสองวัน ก็เกิดเหตุร้ายในกรุงเทพฯ ที่ทำให้ผมออกจะเชื่อว่า เชื้ออาชญากรรมแบบลาโคซา โนสตรา ได้ลุกลามมาถึงเมืองไทยแล้ว” บทความชิ้นดังกล่าวระบุ
พล.อ.วสิษฐ ให้ความเห็นต่อสถานการณ์บ้านเมืองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อให้เกิดกระแสความหวาดกลัวที่แผ่ไปทั่ว ทั้งแรง ลึกและกว้างขวาง เนื่องจากแม้แต่ศาลสถิตยุติธรรมที่ถือเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชนธรรมดาก็ยังถูกคุกคามจากโจร
“ผมรู้จักดีทั้งท่านอาจารย์อักขราทร และท่านอาจารย์จรัญ ทั้งสองท่านเป็นครูบาอาจารย์ มีลูกศิษย์ทั่วเมือง มีประวัติส่วนตัวและราชการที่สะอาด งดงาม ปราศจากรอยด่างพร้อย เป็นที่เคารพเชื่อถือ ทั้งของเพื่อนร่วมงานและประชาชน ราชการในหน้าที่ของท่านต้องใช้ความเป็นธรรมและคุณธรรมที่สมบูรณ์ หย่อนแม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้ และท่านก็ได้พิสูจน์แล้วด้วยการกระทำและกาลเวลา ว่าท่านทรงไว้ซึ่งความเป็นธรรมและคุณธรรมบริบูรณ์
“คนดีต้องการเห็นคนอย่างท่านอาจารย์อักขราทร และ ท่านอาจารย์จรัญ อยู่ในตำแหน่งต่อไปนานๆ เพื่อเขาจะได้นอนตาหลับ
“ผู้ที่ไม่ต้องการให้ท่านอยู่ในตำแหน่ง ก็มีแต่โจรเท่านั้น” อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจระบุ พร้อมตั้งข้อสังเกตไปถึงรัฐบาลด้วยว่า เหตุร้ายที่เกิดขึ้นกับตุลาการสองท่าน รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ จะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษและพิสูจน์ให้คนไทยเห็นและเชื่อด้วยว่ารัฐบาลใส่ใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง
“รวมทั้งผมด้วย กำลังแคลงใจ สงสัย และจับตาดูอยู่ว่า รัฐบาลจะสนใจและพิสูจน์ความสนใจอย่างไร
“แคลงใจ สงสัย และจับตาดู ก็เพราะว่า คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เป็นน้องเขยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เป็นผู้ต้องหาและจำเลยในคดีอาญาหลายคดี แต่หนีไปลี้ภัยนอกประเทศ ก่อนต้องคำพิพากษาศาลให้จำคุก และเพราะในจดหมายที่คุณทักษิณมีถึงผู้สื่อข่าวต่างประเทศ เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม และในคำปราศรัยของคุณทักษิณทางโทรศัพท์ ต่อประชาชนที่ชุมนุมกันที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อคืนวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เอง คุณทักษิณหาว่าศาลตัดสินจำคุกคุณทักษิณ เพราะคุณทักษิณมีความผิดฐานเป็น “นักการเมือง”
“ถึงแม้คุณสมชาย จะปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนในการประณามศาลของคุณทักษิณ แต่ผมก็ยังต้องการเห็นคุณสมชายทำมากกว่านั้น ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผมอยากจะเห็นคุณสมชายแสดงความกระตือรือร้น และกวดขันให้ตำรวจสืบสวนหาตัวผู้ขว้างระเบิดบ้านท่านอาจารย์อักขราทรและท่านอาจารย์จรัญ ให้เป็นรูปธรรมกว่านี้”
นอกจากนี้ พล.ต.อ.วสิษฐ ยังกล่าวด้วยว่า ตนอยากเห็น ส.ส.พรรคพลังประชาชน ใส่ใจและกระตือรือร้นกับเหตุการณ์นี้ด้วยเช่นกัน เพราะในฐานะที่ตุลาการ รัฐสภา และรัฐบาล เป็น 3 เส้าของระบอบประชาธิปไตย เมื่อตุลาการถูกคุกคามโดยโจร อีกสองเส้าจึงต้องแสดงความห่วงใยและมีมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อสะท้อนถึงความวิตกห่วงใยนั้น
“ถ้าเพียงแต่มองดูเฉยๆ หรือบอกว่าเป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด ก็อาจจะทำให้คนเข้าใจผิดได้ว่า รัฐบาลและรัฐสภามีเจตนาเพิกเฉย หรือต้องการทำลายฝ่ายตุลาการ”
ในตอนท้ายของบทความ พล.ต.อ.วสิษฐ ฝากข้อความถึงกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นการขอความเห็นใจให้ตำรวจ จากกรณีตำรวจใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.โดย พล.ต.อ.วสิษฐ ขอร้องให้ กลุ่มพันธมิตรฯ ทุเลาการประจานและประณามตำรวจลงบ้าง เนื่องจากภาพที่เผยแพร่เป็นหนังสือและวีซีดีนั้นเป็นความโหดร้ายที่จะทำให้ตำรวจทั่วประเทศ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 เสียขวัญ-เสียใจ ไปทั้งหมด
“ภาพของการปฏิบัติหน้าที่ (โดยมิชอบ) ของตำรวจครั้งเดียวหนเดียวนั้น ถ้าเอาออกประจานแล้วประจานอีก ประณามแล้วประณามอีก (ในแผ่นซีดีที่แจกฟรีหลายร้อยหลายพันแผ่น) คนธรรมดาที่ดูแล้วดูอีกก็ย่อมอดจะคล้อยตามไม่ได้ แล้วก็อาจจะพลอยประจานและประณามตำรวจไปด้วย ไม่เฉพาะแต่ตำรวจปราบจลาจลที่เห็นในภาพเท่านั้นนะครับ แต่ลามเลยไปถึงตำรวจทั้งสำนักงานทั้งประเทศ
“เวลานี้ตำรวจที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ แต่นั่งเฝ้าป้องกันประเทศอยู่ที่ชายแดน และไล่จับผู้ร้ายอยู่ในจังหวัดต่างๆ ที่ตนรับผิดชอบ เสียขวัญและเสียใจ ที่พลอยถูกประจาน ถูกประณาม และถูกรังเกียจไปด้วย ที่สงขลาเมื่อ 2-3 วันมานี้เอง ตำรวจบอกผมว่า ไปโรงพยาบาลแล้วหมอไม่ยอมตรวจรักษา
“ถ้าไม่สนใจ ปล่อยให้โจรคุกคามข่มขู่ผู้พิพากษาตุลาการ และในขณะเดียวกันก็ทำลายกำลังใจของตำรวจ ที่จะต้องสืบสวนจับกุมโจรด้วย แล้วขื่อแปของบ้านเมืองจะเป็นอย่างไร?
“หรือว่ากำลังจะยกเมืองไทยให้โจรครอง?” พล.ต.อ.วสิษฐ กล่าวทิ้งท้าย