ผู้จัดการออนไลน์ - “นิธิ ม.เที่ยงคืน” เผยธาตุแท้ หลับหูหลับตาชูนโยบาย 30 บาท, กองทุนหมู่บ้าน, เศรษฐกิจ ฯลฯ ของดีของ “ทักษิณฟีเวอร์” ชี้น่าศึกษา เพราะกุมใจชาวบ้านได้เหนียวแน่น ชมทักษิณเป็นนักการตลาดการเมืองระดับเซียน แต่ปฏิเสธที่จะกล่าวถึงผลกระทบของนโยบายต่างๆ ว่า ทำลายโครงสร้างทางสังคมไทยสิ้น-เพิ่มความขัดแย้ง-ทำประเทศแตกเป็นเสี่ยง โดยเฉพาะภาคใต้
วันนี้ (27 ต.ค.) นายนิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์และคอลัมนิสต์ประจำหนังสือพิมพ์มติชน ได้เขียนบทความเรื่อง ทำไมทักษิณ ทักษิณทำไม ในหน้าที่ 6 ของมติชนรายวัน โดยระบุว่า ปรากฏการณ์ “ทักษิณฟีเวอร์” นั้นนำไปสู่ความก้าวหน้าและความเสื่อมทรุดทางการเมือง โดย นายนิธิ เลือกที่จะกล่าวถึงส่วนที่ คนในระบอบทักษิณมักจะอ้างอิงว่าเป็นวิสัยทัศน์และความเก่งกาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ เช่น นโยบาย 30 บาท, กองทุนหมู่บ้าน, ทำให้เศรษฐกิจดี เท่านั้น
“ผมคิดว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นสัญลักษณ์ของสิ่งดีๆ ที่ชาวบ้านจำนวนมากเคยได้รับจากรัฐบาลกลาง ไม่ว่าจะเป็นหลักประกันสุขภาพ ซึ่งแม้ไม่สู้จะมีประสิทธิภาพสูงนัก แต่เขาก็ได้ใช้ประโยชน์ไปตามอัตภาพ ซ้ำเป็นหลักประกันสุขภาพที่มั่นคงพอสมควรด้วย ความลังเลใจและนโยบายที่ไม่ชัดเจนของรัฐบาลซึ่งมาจากการรัฐประหารต่อเรื่องนี้ ยิ่งตอกย้ำ สัญลักษณ์ทักษิณว่าเป็นหลักประกันที่มั่นคงกว่าในเรื่องสุขภาพ
“กองทุนประเภทต่างๆ ซึ่งแม้ไม่ทำให้ส่วนใหญ่ของชาวบ้านมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ก็ช่วยให้ยืดวงจรของหนี้สินออกไปได้คล่องตัวขึ้น ดีกว่าไม่มีเสียเลย” นายนิธิ กล่าว
นอกจากนี้ นายนิธิ ยังระบุว่า ทักษิณ เป็นนักการตลาดชั้นเซียน โดยถือว่าสามารถสร้างภาพลักษณ์ได้เหนือกว่า พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรีผู้ล่วงลับเสียด้วยซ้ำ เพราะสามารถเข้าถึงตลาดล่างและคนระดับรากหญ้าได้
“คุณทักษิณเป็นผู้มีบุคลิกถูกใจชาวบ้านกว่านักการเมืองใดๆ ที่เราเคยมีมา “ทัวร์นกขมิ้น” ที่นายกฯนุ่งผ้าขาวม้าลงไปห้องน้ำนั้น สื่อลงภาพทุกฉบับ และเป็นภาพที่น่าประทับใจแก่ชาวบ้านว่าท่านนายกฯใช้ชีวิตปกติเหมือนตนเอง แต่ภาพถ่ายนี้จะไม่ให้ใครถ่ายได้เลยก็ได้ เพราะมีทหารตำรวจล้อมรอบอยู่แล้ว แค่กันให้ถอยออกไปเสียก่อนก็ได้ ฉะนั้นจึงเป็นภาพที่คุณทักษิณตั้งใจจะให้ถ่ายรูปและเผยแพร่
“ยังไม่พูดถึงคำพูดคำจา และวัตรปฏิบัติอีกหลายอย่างที่น่าประทับใจแก่ชาวบ้าน เช่นช็อปปิ้ง, กินก๋วยเตี๋ยว, รักลูกเมีย ซื้อของแล้วไม่ต้องทอน ฯลฯ
“ทั้งหมดนี้จะพูดว่าคุณทักษิณเก่งด้านการตลาดก็ได้ แต่เป็นตลาดการเมืองนะครับ ไม่ใช่ตลาดโทรศัพท์มือถือ นายกฯที่เราเคยมีมาหลายคนก็เก่งด้านการตลาดการเมืองเหมือนกัน (เช่น คุณชาติชาย ชุณหะวัณ) แต่ผมคิดว่าเก่งไม่เท่าคุณทักษิณ ทั้งเป็นความเก่งที่เหมาะกับตลาดล่างมากกว่าตลาดบนเสียด้วย
“คงอีกนานกว่าเราจะมีนักการเมืองที่เก่งการตลาดระดับตลาดล่างอย่างนี้อีก” นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนกล่าว พร้อมระบุด้วยว่า ในยุครัฐบาลทักษิณนั้นเศรษฐกิจดีอย่างเห็นได้ชัด
“ปฏิเสธไม่ได้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมในสมัยคุณทักษิณดีขึ้น จะดีขึ้นเพราะฝีมือหรือเพราะเฮงก็ตามเถิดครับ ในทุกวันนี้ ผมยังเห็นแผงและรถขายของในตลาดติดสติกเกอร์ “คิดถึงทักษิณ” อยู่ แม้ว่าสีจะซีดลงไปมากแล้ว ผมเคยคุยกับแม่ค้าขายกล้วยแขกที่ตลาดใกล้บ้าน เธอบอกว่าเธอติดสติ๊กเกอร์นี้เพราะรู้สึกอย่างนี้จริงๆ เนื่องจากเธอขายกล้วยแขกได้ดีในสมัยคุณทักษิณ อยากให้สภาพอย่างนั้นกลับมาอีก”
ส่วนจุดอ่อนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ประการเดียวที่ นายนิธิ กล่าวถึงในบทความตอนนี้ก็คือเรื่องปัญหาไฟใต้ โดยนายนายนิธิระบุว่า ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นแต่อดีตนายกรัฐมนตรีผู้เพิ่งถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุก 2 ปี จากการทำผิดกฎหมาย ป.ป.ช.มาตรา 100 ก็สามารถผ่านวิกฤตไฟใต้ไปได้แบบสบายๆ ด้วยนโยบายสร้างภาพต่างๆ
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า นายนิธิ นั้น วิเคราะห์ถึงปรากฏการณ์ของระบอบทักษิณแต่เพียงเปลือกนอกเท่านั้น ทั้งๆ ที่ นโยบายและผลของนโยบายที่นายนิธิอ้างอิงถึงความเป็นจุดเด่นของรัฐบาลทักษิณ มีนักวิชาการจำนวนมากออกมาวิเคราะห์ให้เห็นแล้วว่าเป็นเพียงภาพลวงตาที่ รัฐบาลทักษิณใช้หลอกคนชนบทเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นนโยบาย 30 บาท ที่ในสมัยรัฐบาลทักษิณ 2 ก่อให้เกิดความบิดเบี้ยวในระบบสุขภาพของประเทศ ภาระไปตกอยู่กับโรงพยาบาลท้องถิ่น แพทย์-พยาบาลและบุคลากรทางสาธารณสุข ทำให้คุณภาพการรักษาพยาบาลที่ประชาชนได้รับนั้นตกต่ำอย่างมาก ขณะที่ นักวิชาการ-แพทย์จำนวนมากออกมาเปิดเผยว่า รัฐบาลทักษิณโดยเฉพาะในสมัยที่ 2 นั้น ใช้นโยบายนี้เพื่อหาเสียงเท่านั้น มิได้มีความมุ่งหวังที่จะพัฒนาระบบประกันสุขภาพอย่างยั่งยืนแต่อย่างใด
ในส่วนของกองทุนหมู่บ้านนั้น ก็มีงานวิจัยเชิงประจักษ์จากนักวิชาการ สถาบันการศึกษาหลายแห่ง และองค์กรพัฒนาเอกชนแล้วว่าเป็นนโยบายที่ไม่ผิดจากการซื้อเสียงทางอ้อม นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดวงจรหนี้ที่ไม่สิ้นสุดในหมู่ชาวบ้าน ก่อให้เกิดการกู้เงินนอกระบบ ซึ่งถือว่าขัดต่อหลักเศรษฐกิจพอเพียงอย่างยิ่งอีกด้วย ส่วนปัญหาไฟใต้ก็เป็นที่ประจักษ์ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ทำให้ปัญหาไฟใต้และลุกลามขึ้นในช่วง ปี 2547-2548 จนส่งผลให้มีเหตุร้ายเกิดขึ้นปีละหลายพันครั้ง และมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
อนึ่งเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา นายนิธิ เคยเขียนบทความโจมตี กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาแล้วครั้งหนึ่งโดยระบุว่า การที่พันธมิตรฯ เข้าไปประท้วงในทำเนียบนั้นคือ การไฮแจ็กทำเนียบ ซึ่งเหมือนกับการไฮแจ็กเครื่องบินของผู้ก่อการร้าย พร้อมทั้งเรียกร้องให้แกนนำพันธมิตรฯ 9 คนมอบตัว ในข้อหากบฏ (ซึ่งในเวลาต่อมาศาลอุทธรณ์ได้ยกเลิกหมายจับในข้อหานี้) โดยบทความชิ้นดังกล่าวของนายนิธิได้ถูก นายจตุพร พรหมพันธ์ และนายวีระ มุสิกพงศ์ พิธีกรแห่งรายการความจริงวันนี้ทางเอ็นบีทีนำไปอ่านออกอากาศอีกด้วย