“สนธิ” ย้อนวิกฤตชาติเกิดจากคนที่ควรทำหน้าที่ไม่ได้ทำหน้าที่ ปล่อยความเห็นแก่ตัวครอบงำ เริ่มจากรัฐบาล “ขิงแก่” รีบจัดเลือกตั้ง ปล่อยระบอบทักษิณเติบโต ตามด้วย กกต.2 ใน 5 คนแอบรับเงิน ขณะ 5 พรรคร่วมฯ เห็นแก่ลาภยศ ชี้ต้องรับผิดชอบฐานมีส่วนร่วมฆ่าประชาชน 7 ต.ค. จวก “แม้ว” ไม่สำนึก ถูกตัดสินตอนน้องเขยเป็นนายกฯ-นอมินีตัวเองเป็นรัฐบาล ยังหน้าด้านบอกไม่ได้รับความเป็นธรรม
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
เมื่อเวลา 21.10 น.วันที่ 23 ต.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาลว่า เมื่อมองย้อนดูปัญหาของบ้านเมืองที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้ว ถ้าคนที่มีหน้าที่ทำตามหน้าที่ที่ควรทำ ปัญหาจะไม่เกิด แต่ที่มันเกิดเพราะคนระยำตำบอนที่ควรจะทำหน้าที่แต่ไม่ได้ทำหน้าที่
เริ่มจาก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี รีบเร่งให้มีการเลือกตั้งภายในใน 1 ปี และนั่งเอาเท้าราน้ำ นั่นคือจุดแรก ที่ปล่อยให้ระบอบทักษิณเจริญเติบโตขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อมีการเลือกตั้ง กกต.ซึ่งควรจะทำงานก็ไม่ทำงาน มีบางคนรับเงินจากระบอบทักษิณ เริ่มด้วยการเมื่อจับผิดการโกงเลือกตั้งของยงยุทธ ติยะไพรัชได้ แทนที่จะให้ใบแดงก่อนที่จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ซึ่งจะนำไปสู่การส่งศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณายุบพรรคได้ทันที ซึ่งทำให้มีการยุบพรรคพลังประชาชน ภายในไม่เกินเดือน ก.พ.51 แต่ก็ไม่ทำ มีการซื้อเวลา ไม่ยอมชี้ความผิด ปล่อยให้นายยงยุทธได้เป็นประธานสภาฯ ก่อน
“คนที่ต้องทำหน้าที่ กลับทุจริตต่อหน้าที่ ใครรับเงินบ้าง สังคมรู้หมดแล้ว 2 ใน 5 คนนั่นแหละ ที่รับเงิน จุดที่รับคือโรงแรมเรดิสันชั้นบน หิ้วกระเป๋าไป บางคนยังรับเอาเครื่องเพชรมาอีก” นายสนธิกล่าว
นายสนธิ กล่าวต่อว่า เมื่อมีการจัดตั้งรัฐบาล ถ้าพรรคร่วมรัฐบาลไม่เห็นแก่ลาภยศ สรรเสริญ เงินทอง หรือถ้ารู้จักอดกลั้น ก็จะไม่เกิดปัญหา ถ้านายบรรหาร ศิลปอาชา อดกลั้น ไม่ไปร่วมพรรคพลังประชาชนก็ตั้งรัฐไม่ได้ ก็จะกลายเป็นพรรคประชาธิปัตย์กับพรรคร่วมรัฐบาล การฆ่าประชาชนก็จะไม่เกิด ดังนั้น การฆ่าประชาชนครั้งนี้ พรรคชาติไทย และนายบรรหารต้องร่วมรับผิดชอบด้วย
“พี่น้องที่อยู่สุพรรณฯ ต้องรู้ นอกจากนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นฆาตกรแล้ว นายบรรหารยังอยู่ในข่ายสมรู้ร่วมคิดในการฆ่าประชาชน ผมไม่รู้ตระกูลศิลปอาชาเป็นยังไง รู้แต่ว่าเมื่อเหตุการณ์ผ่านไป ประวัติศาสตร์จะบันทึกว่านายบรรหารสมรู้ร่วมคิดกับการฆ่าประชาชนแน่นอน”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ใครก็ตามที่บอกว่าอย่าเลื่อนอย่าเปลี่ยนที่ประชุมสภาในวันที่ 7 ต.ค. คนพวกนั้นล้วนแล้วแต่รู้เห็นในการฆ่าประชาชนทั้งสิ้น หลักฐานทางประวัติศาสตร์นี้มีอยู่แล้ว หนีไม่พ้น บันทึกประชุม ครม.มันมี ฉะนั้น ครม.ทั้งชุดต้องร่วมกันรับผิดชอบในการฆ่าประชาชนครั้งนี้
“เลือดที่นองพื้น การตายของน้องโบว์และสารวัตรจ๊าบ ขาที่ขาดของแจ๊ก ธัญญา มือที่ขาดของตี๋และอีกหลายคน เป็นผลพวงที่เกิดขึ้นจากคนที่โลภ คนที่มีกิเลส ไม่รักบ้านรักเมือง ต้องการแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง เมื่อเรามามองย้อนกลับไป เราจะเห็นได้ชัดว่าวิกฤติ มันเกิดจากคนพวกนี้ที่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ส่วนรวม”
นายสนธิ ย้ำว่า คนที่เห็นแก่ตัวนั้น เริ่มตั้งแต่คนอย่าง พล.อ.สุรยุทธ์ และ ครม.ของ พล.อ.สุรยุทธ์ ซึ่งล้วนแต่เป็นคนที่มีเกียรติในสังคม แต่ในข้อเท็จริงเป็นคนที่เห็นแก่ตัวอย่างยิ่ง ต่อมา คนที่เห็นแก่ตัวก็คือ กกต. 2 ใน 5 คนที่รับเงิน ตามมาด้วยพรรคร่วมรัฐบาล นายบรรหาร ศิลปอาชา นายสุวิทย์ คุณกิตติ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายเสนาะ เทียนทอง นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ และ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร พวกนี้ล้วนเป็นคนเห็นแก่ตัว
“ชาติบ้านเมืองที่วิกฤต ล้วนเกิดจากคนที่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นแก่ส่วนรวม ประเทศไทยที่ไปไหนไม่ได้ มีแต่ถอยหลัง เพราะคนที่ชั่วช้าเห็นแก่ตัว ไม่เห็นแกส่วนรวมแม้แต่นิดเดียว ต่างจากพี่น้องพันธมิตรฯ ที่ล้วนแต่มีความฝัน ความปรารถนาของตัวเอง แต่ในที่สุดก็ทิ้งความฝันของตัวเอง เอามาฝันรวมกันเพื่อบ้านเพื่อเมือง ความรักชาติบ้านเมืองของพวกเรานั้น คนพวกนั้นสู้ไม่ได้ แม้ฝุ่นที่อยู่ใต้รองเท้าของเรา”
นายสนธิ กล่าวว่า ทั้งนายบรรหาร นายเสนาะ อีกไม่กี่ปีก็ตาย วันที่ตายนั้น ประวัติศาสตร์จะบันทึกว่าเขาไม่ได้ทำประโยชน์ให้บ้านเมืองเลย มีแต่โม้ว่าเคยเป็น ส.ส.10 สมัย 20 สมัย มีคนเลือกตั้งเป็นแสนๆ คน แต่ไม่พูดความจริงว่าเอาเงินไปจ้างให้คนเลือก เขาจะโม้ว่า เขาสร้างนายกฯ มากี่คน แต่ดูนายกฯ ที่เขาสร้างมา เช่น พ.ต.ท.ทักษิณ ทำอะไรกับชาติบ้านเมือง พอวันหนึ่งคุณเจ็บใจที่คุณไมได้ส่งที่ต้องการ ก็มาขึ้นเวทีพันธมิตร สาบานต่อหน้าวัดพระแก้ว เสร็จแล้วก็กลืนน้ำลาย กลับไปร่วมมือกับทักษิณ
“เห็นรึยัง คนบางคนใช้เวลาไม่นานก็อ่านออกว่าเป็นคนประเภทไหน แล้วยังมีหน้ามาบอกว่า ธรรมะจะชนะอธรรม ทั้งที่ตัวเองไม่รู้เลยว่าความถูกต้องอยู่ตรงไหน ยังทะลึ่งมาสอนพวกเราที่ต่อสู้โดยเอาธรรมนำหน้าตลอด”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า เห็นได้ชัดว่าความโลภ และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ลูกเมียและพวกพ้อง คือตัวที่ทำลายบ้านเมือง ใครก็ตามที่เข้าบริหารประเทศมีตำแหน่งแห่งที่ ไม่ว่ายศระดับไหน ไม่ว่าเป็น ส.ส.ถึงนายก ถ้าคนพวกนั้นเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว บ้านเมืองก็จะล่มจม รวมไปถึงการสั่นคลอนต่อราชบัลลังก์ด้วย
ด้วยเหตุนี้ การต่อสู้ของพี่น้องจึงมากกว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถึงเวลาที่จะจัดการนักการเมืองที่เลวทราม ทหาร ตำรวจที่เลวทราม ออกไปจากการเมืองไทย ไม่งั้นลูกหลานเราจะอยู่ยังไง บรรพบุรุษจะสาปแช่ง ราชบัลลังจะอยู่ได้ยังไง หรือถ้าลูกหลานถามว่า เมื่อก่อนเขาพระวิหาร จังหวัดศรีสะเกษเป็นของคนของไทย ตอนนี้ทำไมไม่เป็นแล้ว เราจะบอกลูกหลานได้ยังไง
“การต่อสู้ครั้งนี้ยิ่งใหญ่กว่าหลายคนจะเข้าใจ เป็นภารกิจศักดิ์สิทธิ์ เพราะการปกป้องชาติบ้านเมือง เป็นภารกิจศักดิ์สิทธิ์ที่คนไทยที่เกิดในแผ่นดินนี้และที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารต้องแบกภารกิจนี้ไว้ในใจ และให้ลูกหลานรับผิดชอบต่อไป”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า วันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่รู้สำนึกตัวเอง ทั้งที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาลงโทษเพราะผิดกฎหมาย ป.ป.ช. มาตรา 100 ตัวเองยังไม่ยอมรับ ทั้งที่ศาลลงโทษในยุคที่น้องเขยตัวเองเป็นนายกรัฐมนตรี และพรรคพลังประชาชนเป็นรัฐบาล ยังมาหน้าด้านพอที่จะบอกว่าไม่ได้รับความยุติธรรมจากสังคมไทย
นายสนธิ กล่าวสรุปในตอนท้ายว่า วิกฤตของชาติขณะนี้เป็นวิกฤตระหว่างคนที่ได้รับข้อมูลข่าวสารครบถ้วนซึ่งเป็นคนที่มีปัญญากับคนที่ไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารซื่อเป็นคนไม่มีปัญญา ด้วยเหตุนี้ ภารกิจต่างๆ ที่เรามี ไม่ใช่แค่โค่นรัฐบาลสัตว์นรก และสร้างการเมืองใหม่เท่านั้น แต่ยังมีภารกิจในการเอาปัญญาไปเผยแพร่ต่อเนื่องต่อไป แม้สงครามการต่อสู้จะสิ้นสุดลงด้วยชัยชนะของเรา แต่ไม่ได้หมายความว่าภารกิจสิ้นสุด และวันนี้เราได้เลือกข้างแล้วว่าจะอยู่ข้าง ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เมื่อเลือกข้างแล้ว เปิดหน้าชกแล้ว ก็ไม่ต้องปิดบังอีกต่อไป