“สุริยะใส” ตอกหน้า “สมชาย” โดน “มือตบ” ขับไล่ แล้วยังออกมาแก้เกี้ยวว่าเป็น “เรื่องสนุก” ยันไม่มีใครสั่งการ แต่เกิดจากปรากฏการณ์พลังศีลธรรม-คุณงามความดี ของ”แนวร่วมพันธมิตรฯ” ทำนาย “นายกฯ” จ่อตกเก้าอี้เหตุเพราะคดีสำคัญรุมเร้า แฉ “แม้ว” สุดแค้นเตรียมจ้าง “ล็อบบี้ยิสต์” ถล่มความน่าเชื่อถือ “ตุลาการ”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุริยะใส กตะศิลา ปราศรัย
วานนี้ (22 ต.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงสาเหตุที่พันธมิตรฯ ต้องต่อสู้มาอย่างยาวนานว่า เราต้องต่อสู้กับระบอบทักษิณ เพราะต้องการสร้างความเป็นธรรมให้กับสังคมไทย โดยขณะนี้หากเราพูดถึงการเมืองใหม่ หลายคนอาจไม่เห็นด้วยเรื่องตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ แต่เราไม่อยากเตะหมูเข้าปากหมา ฉะนั้น การเมืองใหม่จึงเป็นภารกิจของคนหนุ่มสาวที่จะต้องออกแบบให้มีความหมายมากกว่าพรรคการเมือง หมายความว่าภายใน 10 ปี ข้างหน้า พรรคการเมืองอาจจะเป็นสิ่งชำรุด หรือในอีก 20 ปี ระบบเลือกตั้งอาจจะกลายเป็นสิ่งปฏิกูลทางประวัติศาสตร์ เพราะการเมืองใหม่ทำให้การเมืองท้องถนน มีความหมายมากกว่าแก๊งข้างถนน แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้นายทุนมาตั้งพรรคการเมืองเอง ฉะนั้นภารกิจครั้งนี้เรามาเพราะคำว่ากู้ชาติ และสร้างชาติ
ส่วนปรากฏการณ์ที่ทีโอทีนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ถือเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่าพลังทางศีลธรรมได้ทำงานอีกแล้ว เพราะไม่มีการจัดตั้ง หรือมีใครสั่งการให้ขบวนการมือตบไปปิดล้อมนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรทางการเมือง นั่นเป็นเพราะศีลธรรม และคุณงามความดี ที่คอยบงการพวกเราอยู่ตลอดเวลา เพราะทันทีที่นายกฯ หลุดออกจากทีโอทีได้ก็ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า “เป็นสีสัน ไม่ตกใจ รับได้ สนุกสนานดี แต่รุนแรงไปหน่อย” ทั้งๆ ที่ความเป็นจริงแล้วนายกฯ เข้าใจผิดมหันต์ เพราะคนที่ใช้มือตบไล่นายกฯ นั้น ไม่ได้เห็นเป็นเรื่องสนุก เพราะการยกมือตบขึ้นในที่สาธารณะนั้น ถือว่าสุ่มเสี่ยงต่อหนังสติ๊ก หรือจะโดนอะไรสวนกลับหรือไม่
“จึงอยากจะบอกกับนายสมชาย และพลพรรคพลังประชาชนว่า การที่ประชาชนใช้มือตบไล่ที่ทีโอทีนั้น ไม่ใช่สีสัน หรือปรากฏการณ์ตลกโปกฮาแต่อย่างใด แต่กำลังจะบอกว่า อำนาจที่คุณถืออยู่นั้น หมดความชอบธรรมแล้ว เพราะเรากำลังส่งสัญญาณเตือนคุณว่า อย่าให้เราต้องหยิบอาวุธ หรืออะไรที่ร้ายแรงมากกว่านี้ เพราะมันไม่ใช่วิถีของนักรบกู้ชาติที่ยึดมั่นแนวทางอสิงหา สันติวิธี ฉะนั้นจึงอยากให้นายสมชาย ตีความเสียใหม่ว่า ไม่ใช่สีสัน แต่ความหมายที่แท้จริงคือ ประชาชนกำลังจะทวงอำนาจกลับคืนมาเป็นของส่วนรวม ไม่ใช่เป็นของตระกูลวงศ์สวัสดิ์ หรือชินวัตร อีกต่อไป” นายสุริยะใส กล่าว
ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า สิ่งที่พ่อแม่พี่น้องทำที่ทีโอทีนั้น สะเทือนไปทั่วโลก โดยเฉพาะประเด็นที่นักข่าวถามนายสมชาย ว่า ทำไมถึงไม่ลาออก นายสมชาย ตอบว่า การลาออกไม่ใช่ทางแก้ปัญหา ฉะนั้นขอให้นายสมชาย อย่าลาออก กอดเก้าอี้ให้นานๆ เพราะในเวลาอันใกล้นี้จะมีหมายจับไปถึงที่ดอนเมือง และอย่าจองตั๋วเครื่องบินหนีไปลอนดอนเพื่อไปอยู่กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ก็แล้วกัน ที่สำคัญคือ หากนายสมชาย ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ก็จะทำให้ความหวาดระแวงของคนในสังคมลดลง และเมื่อความหวาดระแวงลดลง การร่วมกันคิดในเรื่องใหม่ๆ และการหันหน้าเข้าหากันก็จะเกิดขึ้น แต่วันนี้ความสมานฉันท์ไม่มีทางเกิดขึ้น เพราะอำนาจรัฐถูกใช้ไปเพื่อคนเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น
“ถ้านายสมชายยังมีสำนึกรู้สึกผิดชอบชั่วดี ก็ต้องกลับไปคิดว่า การลาออกจะช่วยแก้ปัญหาให้กับบ้านเมืองได้จริงๆ แต่ถ้าคิดว่าการลาออกไม่ได้ช่วยแก้ปัญหา ก็รออยู่ตรงนั้น เดี๋ยวจะเอาหมายจับไปสะกิดออกเอง ส่วนการต่อสู้ของพันธมิตรฯ ก็เหมือนกับการวิ่งผลัด 4 คูณ 100 เมตร นาทีนี้ต้องบอกว่ามาถึงโค้งสุดท้าย ถามว่าจะมีใครหยุดหรือไม่ เข้าเส้นชัยช้า ก็ยังดีกว่าเดินออกกลางคัน ถึงแม้ว่าจะได้อันดับบ๊วย” นายสุริยะใส ระบุ
ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า วันนี้มีการประชุมแกนนำพันธมิตรฯ รุ่ง 1 และรุ่น 2 ซึ่งใช้เวลาในการประชุมนานถึง 2 ชั่วโมง ทั้งๆ ที่พวกเรามองตารู้ใจกันหมดว่าใครจะพูดอะไร โดยการประชุมในวันนี้มีเรื่องสำคัญอยู่ 2-3 เรื่อง คือ การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกศาลพิพากษาจำคุก 2 ปี นั้น เราพูดตลอดว่า ไม่ว่าจะออกมาทางใด เราก็พร้อมที่จะรับคำพิพากษา เพราะเราใจกว้างพอ จะเห็นได้จากที่เราเล่นตามเกม โดยเรารับข้อหากบฏอยู่ประมาณ 10 กว่าวัน สุดท้ายเราอุทธรณ์ชนะว่า ข้อหากบฏเป็นข้อหาที่เกินเลย จึงมีการคืนอิสระให้กับ 9 กบฏ นี่คือการเล่นตามเกม และสู้ตามระบบที่เปิดช่องให้ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่สู้ ฉะนั้นภารกิจที่สำคัญวันนี้ของพันธมิตรฯ คือ ขับไล่รัฐบาลที่บิดเบือนเจตนารมณ์ และเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง
“เราตีความอย่างผู้น้อยว่า เราทำหน้าที่เป็นเพียงหมาเฝ้าตีนบันไดของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเราทำได้เพียงเท่านั้น เราไม่ได้คาดหวังว่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ ฉะนั้นการชุมนุมของพันธมิตรฯ จึงต้องดำเนินต่อไป ซึ่งตรงกับความคิดของพี่น้องประชาชนที่มาร่วมชุมนุมในวันนี้ ส่วนฝ่ายตรงข้ามที่นำโดยพรรคพลังประชาชน โดยเฉพาะ เสธ.แดง ขณะนี้ถูกกองทัพตั้งคณะกรรมการสอบข้อหาซ่องสุมอันธพาลแล้ว อีกทั้ง ปบ.ทบ.ยังตั้งคณะกรรมการสอบวินัย เสธ.แดง อีกด้วย” นายสุริยะใส ระบุ
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า สถานการณ์ของเราก็ไม่ต่างจากพรรคพลังประชาชน ฉะนั้นเราจึงผ่อนปรนไม่ได้ เพราะเป็นไฟท์บังคับให้วิ่งเข้าใส่ หมายความว่าในสัปดาห์หน้า พรรคพลังประชาชนเตรียมที่จะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีการตั้ง ส.ส.ร.3 ฉะนั้นเราจะกลับกันอย่างนั้นหรือ และถ้าเรากลับ การรื้อรัฐธรรมนูญก็จะเกิดขึ้นทันที ที่สำคัญเขาใช้เวลาเพียง 4 เดือน ก็จะได้รัฐธรรมนูญฉบับ นปก. ซึ่งเราคงยอมไม่ได้ นั่นจึงเป็นเหตุบังคับให้พวกเราขัดขวางทุกวิถีทาง จนกว่าจะมีการจับ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือจับคนผิดเข้าตาราง จึงจะมาว่ากันเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ
“สำคัญกว่านั้น คือ ทิศทางการการต่อสู้ของเครือข่ายระบอบทักษิณ เดิมทีเขาเผชิญหน้ากับ 3 องค์อำนาจ คือ 1.ตุลาการภิวัฒน์ 2.ทหาร และ 3.พันธมิตรฯ วันนี้ดุลกำลังของ นปก. กับพันธมิตรฯ ไม้ได้ต่างกันมาก โดยเฉพาะท่าทีที่นิ่งเฉยของทหาร ต้องยอมรับว่าเป็นประโยชน์ต่อระบอบทักษิณ ดังนั้นเป้าหมายที่แท้จริงของเขาจึงอยู่ที่ตุลาการภิวัฒน์ ซึ่งเห็นได้ชัดจากกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์หลังถูกศาลพิพากษาทันทีว่า เป็นคำพิพากษาที่ตั้งธงไว้ แล้วเราจะปล่อยให้คนอย่างนี้ ปู้ยี้ปู้ยำกระบวนการยุติธรรมของประเทศได้อย่างไร” ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ระบุ
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า เท่านั้นยังไม่พอ พ.ต.ท.ทักษิณ กำลังจ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์ ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของวงการตุลาการ ที่สำคัญ พ.ต.ท.ทักษิณ ประกาศว่า จะไม่กลับประเทศไทย เพราะไม่ยอมรับคำพิพากษา นี่คือการส่งสัญญาณให้กับบรรดาลิ่วล้อว่า จากนี้ไปกระบวนการโจมตีตุลาการภิวัฒน์จะเกิดขึ้นอย่างเข้มข้น เพราะมีแต่ตุลาการภิวัฒน์เท่านั้น ที่กำลังจะชี้ถูกชี้ผิดคือ 1.อย่างช้าภายในเดือน พ.ย.นี้ ป.ป.ช.จะชี้มูลกรณีที่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ลงนามในแถลงการณ์ร่วมกับรัฐบาลกัมพูชา และถ้า ป.ป.ช.ชี้มูลว่ามีความผิด รัฐมนตรีในรัฐบาลนายสมชาย รวมทั้งนายสมชาย จะต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ทันที รวมทั้งหมด 29 คน ที่สำคัญ 29 คนในรัฐบาลชุดนี้ เคยเป็นรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลนายสมัคร ซึ่งอยู่ในห้องประชุมลงนามในแถลงการณ์ร่วม
ส่วนคดีที่ 2 นั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า นั่นก็คือคดียุบพรรค ซึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน อัยการสูงสุดชงเรื่องยุบพรรคให้กับศาลรัฐธรรมนูญ จากนั้นศาลรัฐธรรมนูญได้ให้ 3 พรรคการเมืองใหญ่ทำความเห็นภายใน 15 วัน และถ้าสมมติว่า ได้ทำความเห็นไปตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หมายความว่าเดือน พ.ย.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญต้องมีคำวินิจฉัยยุบพรรคอย่างแน่นอน และถ้าศาลชี้มูลว่าต้องยุบพรรค นายสมชายก็ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ทันที สุดท้ายคือ กรณีที่นายสมชาย มีหุ้นในบริษัท ล็อก อิน โฟว์ นั้น นายสมชาย อ้างว่าลืมแจ้ง ซึ่งว่ากันว่า คดีดังกล่าวไม่ต่างจากคดีชิมไปบ่นไป ที่สำคัญมีหลักฐานแน่นหนากว่า ฉะนั้นเราจึงได้แต่หวังว่า หลังจากที่เราจัดการกับระบอบทักษิณ และรัฐบาลหุ่นเชิดได้อย่างราบคาบ พี่น้องพันธมิตรฯ จะได้รับเค้าโครงการเมืองใหม่ฉบับพันธมิตรฯ และแนวร่วม เพื่อสอบถามรับฟังความเห็นในจังหวัดต่างๆ เพื่ออกแบบการเมืองใหม่ร่วมกัน