แกนนำพันธมิตรฯ มีมติรื้อถอนเวทีมัฆวานฯ อย่างถาวร ปักหลักยึดทำเนียบต่อเนื่อง ย้ำเจตนารมณ์ค้านแก้ รธน. และขับไล่รัฐบาลจนกว่าจะลาออก เพื่อเปิดทางไปสู่การเมืองใหม่ เชื่อ “แม้ว” กำลังดิ้นรน จ้างบริษัทโฆษณาสร้างภาพทำลายความน่าเชื่อถือศาลไทย พร้อมหนุนให้ลิ่วล้อเร่งแก้ รธน.นิรโทษกรรมให้ตัวเอง ขณะเดียวกันเมินม็อบสล้างขู่เอาคืนทำเนียบ ชี้ไม่มีราคา
วันนี้ (22 ต.ค.) แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้จัดแถลงข่าวที่บ้านพระอาทิตย์ ถึงกรณีการเปลี่ยนแปลงการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ โดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำระบุว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ ภายในบริเวณทำเนียบรัฐบาลจะยังคงดำเนินต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายของการชุมนุม นั่นคือรัฐบาลชุดนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางสู่การเมืองใหม่ รวมถึงคัดค้านการแก้ไข รธน.50
แต่ในส่วนของเวทีชุมนุมบริเวณแยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ ที่มีการรื้อเวทีออกเพื่อเปิดเส้นทางในงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และในงานวันปิยมหาราชนั้น เมื่อเสร็จงานพระราชพิธีทั้งสองแล้วทางกลุ่มผู้ชุมนุมจะไม่นำเวทีดังกล่าวกลับมาตั้งอีก ดังนั้น การชุมนุมของพันธมิตรฯ จึงเหลือเวทีคือภายในทำเนียบรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดพันธมิตรฯ จึงไม่ยอมยุติการชุมนุมตามที่นักวิชาการหลายคนออกมาเสนอทั้งที่การชุมนุมของพันธมิตรฯ ก็น่าจะถือว่าบรรลุเป้าหมายการชุมนุมแล้ว เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ถูกตัดสินจำคุกไปแล้ว พล.ต.จำลอง กล่าวว่า การที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกตัดสินจำคุกนั้น ไม่ได้ถือเป็นเป้าหมายของพันธมิตรฯ แต่เป็นเพียงชัยชนะรายทางเท่านั้น เพราะเป้าหมายของพันธมิตรฯ คือ การที่รัฐบาลลาออก แล้วเปิดทางให้มีการเมืองใหม่ที่จะมีการปฏิรูปการเมืองในหลายๆ สิ่งเพื่อพัฒนาระบอบการเมืองให้พัฒนาขึ้น ซึ่งในเวลา 14.00 น. ของวันนี้ทางแกนนำพันธมิตรฯ ก็จะมีการประชุมระดมความคิดในเรื่องการเมืองใหม่ เพื่อนำเสนอสู่สังคมต่อไป
ส่วนข้อเสนอของนักวิชาการนั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องของความคิดที่ใครก็สามารถเสนอได้ แต่อยากให้นักวิชาการเหล่านั้นมองด้วยว่า พันธมิตรฯ ไม่ใช่ไม่อยากเลิกชุมนุม เราเองก็อยากเลิกชุมนุมหากรัฐบาลยอมทำตามเงื่อนไข เพราะคงไม่มีใครอยากมานั่งชุมนุม นอนกลางดินกินกลางทรายลำบากกันอยู่อย่างนี้ แต่ที่เรายอมทนลำบากก็เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ ดังนั้นจึงอยากให้นักวิชาการที่นั่งพูดอยู่ในห้องแอร์แบบสบายๆ ได้คิดถึงจุดนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า การชุมนุมแบบดาวกระจายของพันธมิตรฯ จะยังคงมีต่อไปหรือไม่ และเหตุใดจึงต้องชุมนุมดาวกระจาย เพราะอาจเป็นเงื่อนไขไปสู่การปะทะกันได้ นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ได้ตอบข้อซักถามนี้ว่า การจะดาวกระจายหรือไม่นั้นคงขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายๆ อย่าง แต่อย่างไรก็ตาม อยากให้ทราบว่าการที่เราจะออกไปดาวกระจายแต่ละครั้ง เราได้มีการประชุมกันอย่างถี่ถ้วนแล้ว ซึ่งเมื่อเห็นว่ามีเหตุผลที่จะต้องออกก็ต้องทำ เช่น การดาวกระจาย 2 ครั้งที่ผ่านมา ทั้งที่สวนลุมพินี และหน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์นั้นก็เพราะเราต้องการนำข้อเท็จจริงของภาพเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำร้ายประชาชนไปเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบข่าวสาร เพราะสื่อธารณะอย่างเช่นช่อง 3, 5, 7, 9 หรือ NBT ไม่เคยนำเสนอข้อเท็จจริงเหล่านี้สู่ประชาชนเลย ดังนั้น พันธมิตรฯ จึงต้องเป็นผู้เผยแพร่ด้วยตัวเอง
ต่อคำถามว่า กรณีที่ พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค ได้ออกมากล่าวว่าจะทำการปิดล้อมและยึดทำเนียบรัฐบาลคืนนั้น ทางแกนนำพันธมิตรฯ มีความคิดเห็นอย่างไร นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวว่า พล.ต.อ.สล้าง ไม่ใช่บุคคลที่จะมีอำนาจสั่งการให้กระทำการเช่นนั้นได้ ดังนั้น เราจึงไม่เคยให้ความสำคัญต่อคำพูดของบุคคลผู้นี้ อีกทั้งในทางการข่าวที่พันธมิตรฯ สืบทราบนั้น พล.ต.อ.สล้าง ก็ได้หนีไปแล้ว คงไม่สามารถมากระทำการตามที่ประกาศไว้ได้
ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า พันธมิตรฯ มีการประเมินสถานการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลังถูกศาลตัดสินจำคุกไว้อย่างไรบ้าง นายพิภพ ธงไชย กล่าวว่า เท่าที่มีรายงานแจ้งมานั้นทราบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ไปทำการว่าจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์ชื่อดังแห่งหนึ่งเพื่อทำการสร้างเรื่องว่าระบบศาลของไทยดำเนินการอย่างไม่ยุติธรรม อีกทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ จะพยายามทุกรูปแบบให้พรรคพลังประชาชน ซึ่งเป็นพรรคนอมินีของเขาสามารถมีอำนาจในการบริหารประเทศต่อไป รวมไปถึงความพยายามที่จะแก้ รธน.เพื่อทำการนิรโทษกรรมให้กับตนเองด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบฯ ว่าในเวลา 15.15 น. ได้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นบริเวณเสาไฟครองผดุงกรุงเกษม ระหว่างยูเอ็นกับกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้การ์ดพันธมิตรฯ และประชาชนที่กำลังช่วยกันรื้อเต็นท์ต่างตกใจและกรูกันเข้าไปดู พบว่าเป็นประทัดยักษ์ โดยนักข่าวที่อยู่ในละแวกนั้นระบุว่าได้ยินเสียงดังสนั่น แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นคนโยนเข้ามา
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้รับแจ้งว่ามีพระสงฆ์รูปหนึ่งระบุว่า ทางวัดได้รับหนังสือเวียนว่าขอพระสงฆ์วัดละสิบรูปจากทั่วประเทศเพื่อมาเจริญพระพุทธมนต์ หน้าลานพระบรมรูปทรงม้า เมื่อมาถึงก็กลับกลายเป็นว่าต้องมานั่งฟัง พล.ต.อ.สล้าง บุนนาค อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ปราศรัย จึงทนไม่ไหวและเดินทางมาบอกกล่าวให้พันธมิตรฯ ทราบว่าถูกหลอกให้มางาน