ลูกแถว พปช.สายเหนือแตกแถว ท้าทายภาวะผู้นำ “สมชาย” เสื่อมหนัก ชี้ถูกทหารเย้ยหยันตะเพิดพ้นเก้าอี้ แต่กลับนิ่งเฉย ยุส่งให้ลงดาบย้ายกองกำลังหลักเพื่อป้องกันการปฏิวัติ โห่ไล่ “โอฬาร” พ้นตำแหน่ง เหตุไม่ปรับราคาข้าวโพด อ้างมีเจตนาอุ้มพ่อค้าคนกลาง
วันนี้ (22 ต.ค.) ที่รัฐสภา กลุ่ม ส.ส.ภาคเหนือพรรคพลังประชาชน 8 จังหวัด จำนวน 48 คน เช่น นายสถาพร มณีรัตน์ ส.ส.ลำพูน นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ ส.ส.เชียงราย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน นายสุรพล เกียรติไชยากร ส.ส.เชียงใหม่ และนายวาสิต พยัคฆบุตร ส.ส.ลำปาง แถลงข่าวเรียกร้องให้นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรีประกาศราคารับจำนำข้าวโพดโดยด่วนที่สุด โดยนายสถาพร กล่าวว่า ส.ส.ภาคเหนือได้ยื่นหนังสือให้รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ประกาศนโยบายรับจำนำข้าวโพดมาตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมาแล้วเนื่องจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเดือดร้อนอย่างหนักจากราคาข้าวโพดที่ตกต่ำ แต่ปรากฏว่าจนถึงขณะนี้ฝ่ายนโยบายไม่มีความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาจึงขอยื่นคำขาดให้นายโอฬารประกาศรับจำนำข้าวโพดภายในวันนี้ หากยังไม่ดำเนินการก็ขอเรียกร้องให้นายโอฬารลาออกจากตำแหน่งไปได้แล้ว เพราะอยู่ไปก็ไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนเลย
ด้าน นพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า นายโอฬารไม่กล้านำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม ครม.พิจารณาเมื่อวันอังคารที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา จนทำให้เกษตรกรลุกฮือขึ้นอีกครั้ง หากยังไม่รับผิดชอบอีกพวกตนทั้งหมดจะเข้าชื่อขับไล่นายโอฬาร และขอทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาฯ หากภายในวันนี้ยังไม่มีการประกาศนโยบายใดๆ ออกมา และจะขอวอล์กเอาต์จากที่ประชุมโดยจะไม่ร่วมโหวตใดๆ เพราะพวกตนเหลืออดกับการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลแล้ว แค่ใช้เงินแค่ 500-600 ล้านบาทก็สามารถช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดได้แล้ว ยังทำนิ่งเฉย
นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ กล่าวเสริมว่า ที่นายโอฬารอ้างว่าให้รออีก 10 วันนั้น ไม่รู้ว่าเพราะต้องการช่วยนายทุน หรือเกษตรกรกันแน่ เพราะเวลา 10 วันนั้นข้าวโพดทั้งหมดก็ตกอยู่ในมือนายทุนแล้ว เนื่องจากเกษตรกรไม่มียุ้งเก็บข้าวโพดที่กำลังจะเน่า ที่ผ่านมานายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.พาณิชย์ และนายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ รมช.พาณิชย์ ประสานและพร้อมที่จะช่วยเหลือ ติดอยู่ที่นายโอฬารคนเดียวที่มีหน้าที่เสนอเข้า ครม. หากรับผิดชอบต่อบ้านเมืองไม่ได้ แก้ไขปัญหาไม่ได้ก็ควรลาออกไป ไม่ใช่มีความรู้สึกช้าหน้าหนาอย่างนี้
ด้าน นายวาสิต พยัคฆบุตร ส.ส.ลำปาง พรรคพลังประชาชน กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้ท้าทายภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีอย่างมาก เพราะขนาดผู้นำเหล่าทัพทั้งหมดออกมาแสดงความเห็นให้นายกรัฐมนตรีลาออก แต่นายกฯ ก็ยังเฉยๆ ไม่ทำอะไรผู้ใต้บังคับบัญชา ที่ยังสามารถมีกำลังในการปฏิวัติ ทั้งที่ความจริงควรจะย้ายคนแสดงความเห็นดังกล่าวออกจากตำแหน่งที่มีกำลังในการปฏิวัติแต่ก็ไม่ทำ จนทำให้สภาวะความเป็นผู้นำของนายกฯ เองถดถอย ทำให้ข้าราชการและรัฐมนตรีไม่เชื่อถือ สั่งการอะไรก็ไม่รับการสนองตอบอย่างนี้