xs
xsm
sm
md
lg

“สพรั่ง”เตือนกองทัพเห็นแก่ประโยชน์ชาติ-มัวเอาตัวรอดจะพังกันหมด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร
"พล.อ.สพรั่ง" ย้ำทหารปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ แต่นักการเมืองคิดถึงแต่พรรคและฐานเสียง ลั่นต้องขจัดคนเลวออกไปเพื่อให้บ้านเมืองสงบ ระบุขณะนี้เป็นสงครามระหว่างความดีกับความชั่ว ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่สุดท้ายฝ่ายที่ยึดมั่นในชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ต้องชนะ ส่วนเรื่องปฏิวัติ จะมีอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับความจำเป็น หากเพื่อผลประโยชน์ของประเทศต้องทำ ถ้าปล่อยไว้ มัวเอาตัวรอด จะพังกันหมด

วานนี้(20ต.ค.) พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม และอดีตผู้ช่วยเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ปฏิเสธข้อเรียกร้องของผู้บัญชาการเหล่าทัพให้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์ใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ด้วยลาออกจากตำแหน่งนายกฯ ว่า ทหารทุกคนมีศักดิ์ศรีและเป้าหมาย มีเจตนารมณ์มุ่งมั่นที่จะต่อสู้ปกป้องในฐานะที่รับผิดชอบองค์กร กองทัพต้องปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ขณะที่นักการเมืองปกป้องพรรคของตนเอง ปกป้องฐานเสียง และคะแนนเสียงของตน

เมื่อถามว่า สถานการณ์ขณะนี้ทหารจะออกมายึดอำนาจอีกหรือไม่ พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับผลกระทบ และเหตุผลของผู้รับผิดชอบ ซึ่งเหตุผลเป็นตัวตัดสินว่ามีผลกระทบต่อความเสียหายของชาติบ้านเมืองหรือไม่ เหตุที่ไม่สงบเพราะคนเลวทำให้ไม่สงบ ดังนั้น จะหยุดเลยคงไม่ใช่ เพราะต้องขจัดความเลวออกไปก่อน ความสงบจึงจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ เมื่อการเมืองและการทหารขัดแย้งกันจะกระทบต่อประเทศชาติ ประชาชนต้องพิจารณาด้วยจิตที่นึกถึงส่วนรวม

“ยกตัวอย่างหากญาติประพฤติตัวไม่ดี เราต้องเป็นศัตรูกับญาติได้ เพราะชาติต้องมาก่อนญาติ กองทัพกับการเมืองขัดแย้งกัน ด้วยปัญหาที่ยอมกันไม่ได้ เป็นธรรมดาที่ฝ่ายที่มีกำลังย่อมชนะเสมอ กำลังหมายถึงศักยภาพการต่อสู้ ไม่ใช่มีอาวุธหรือไม่มีอาวุธ เพราะการรบไม่จำเป็นต้องใช้ยุทโธปกรณ์ วันนี้ต้องดูว่าใครสู้กับใคร ต้องคำนึงถึงชาติเป็นเรื่องสำคัญ เมื่อการเมืองกับการทหารเผชิญหน้า ต้องถามว่าฝ่ายใดเพื่อชาติศาสน์ กษัตริย์ ฝ่ายนั้นจะชนะ ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับเรื่องจำนวน แต่ขึ้นอยู่ที่เหตุผลความดี ขณะนี้เป็นสงครามระหว่างความดีกับความชั่ว ไม่ใช่เรื่องการเมือง” พล.อ.สพรั่ง กล่าว

เมื่อถามว่า ทางออกประเทศชาติจะจบอย่างไร พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า เหมือนคนไข้ไม่รู้จักรักษาโรค มัวแต่หวง อย่าไปผ่าตัดกลัวเจ็บ หากเราผ่าเลยก็จบ แต่ไม่ใช่ว่าจะไปทำแรงๆ เพื่อให้จบ แต่ต้องทำในสิ่งที่ควรทำ ไม่ได้ประชดประชันใคร แต่คนที่ฟังอยู่ต้องรู้ว่าตนกำลังสื่ออะไรออกไป

เมื่อถามว่า ปัญหาจะจบคล้ายเหตุการณ์พฤษภาทมิฬหรือไม่ พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า ไม่มีหรอก ถ้าท้าทายกัน คิดว่าหนังม้วนเดียวจบ สถานการณ์อย่างนี้ ทำให้เห็นชัดเจนว่าม้วนเดียวจบ

เมื่อถามว่า ทางออกของประเทศยังไม่จำเป็นต้องปฏิวัติใช่หรือไม่ พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า ไม่ได้พูดว่าไม่จำเป็น แต่ เมื่อสองฝ่ายเผชิญหน้าให้พูดกันด้วยเหตุผล หากเหตุผลกระทบต่อชาติบ้านเมืองเกิดแน่ “สมัยที่ผมเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. นักข่าวถามว่าจะปฏิวัติหรือไม่ ผมบอกว่าอย่าถามผล แต่ต้องถามเหตุ ถ้าเหตุมีไม่ต้องถามผล เพราะผลเกิดจากเหตุ เหตุมีผลก็มี”

เมื่อถามว่า หากปฏิวัติอาจมีบางกลุ่มออกมาต่อต้านให้เกิดปัญหาอีกครั้ง พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า ในโลกนี้มีอะไรบ้างที่ไม่เลือกหนทางที่จำเป็น อย่างสหรัฐอเมริกาส่งทหารไปรบกับอิรัก และมีคนตายหลายพันคน ถ้าไม่ไปรบก็คงดี แต่ที่ไปรบเพราะจำเป็นเพื่อประโยชน์ของชาติ เขามีหน้าที่ปกป้องประเทศชาติ

เมื่อถามว่า หากทหารปฏิวัติแล้วผลดีมากกว่าผลเสียควรทำใช่หรือไม่ พล.อ.สพรั่งกล่าวว่า ไม่ใช่ได้หรือเสีย แต่จำเป็นหรือไม่จำเป็น หากทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศก็ต้องทำ เพราะผลประโยชน์ของชาติสำคัญกว่า หากปล่อยให้อยู่อย่างนี้พังกันไปหมด ทุกคนจะมัวแต่เอาตัวรอด อย่าเลี้ยงไข้ อย่าตามใจคนไข้ ถ้าเป็นโรคอะไรต้องรักษาตามโรค และหากเป็นโรคร้ายก็ต้องรักษา

พล.อ.สพรั่ง กล่าวว่า ประเทศที่เจริญการเมืองกับการทหาร จะช่วยพยุงให้ประเทศอยู่รอด เข้มแข็ง ประชาชนศรัทธาในเกียรติภูมิของนักการเมืองที่ทำหน้าที่แทนประชาชน และไว้วางใจ ส่วนข้าราชการ คือบุคคลที่อาสาทำงานภาครัฐงานส่วนรวม ข้าราชการมีความสำคัญการทำอะไรต้องยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้ง หากทุกคนทำเพื่อประเทศชาติ ทุกอย่างจะไม่มีปัญหา บ้านเมืองขณะนี้หาคนจริงยาก คนเทียมเยอะ แต่บางคนที่ทำเพื่อส่วนรวมก็มี
กำลังโหลดความคิดเห็น