พันธมิตรฯ จี้ “สมชาย” ลาออก เปิดทางคณะกรรมการสอบสวนเหตุ 7 ตุลาทมิฬ ทำงานอย่างอิสระ แฉ นปช.เตรียมป่วน 21-25 ต.ค.หวังสร้างสถานการณ์ความรุนแรงเพื่อ “แม้ว” ลี้ภัย ชี้ทางออกกองทัพต้องคิดนอกกรอบ ตั้งรัฐบาลแห่งชาติ แต่เตือนอย่าเดินตาม “ขิงแก่” เด็ดขาด
เมื่อเวลา 19.00 น.วันนี้ (19 ต.ค.) ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงถึงการนัดรวมตัวกันหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ วันพรุ่งนี้ ว่า แกนนำพันธมิตรฯอาจมีการทบทวนยุทธศาสตร์ดาวกระจายอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเห็นว่า กลุ่ม นปช.มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ ได้มีการประกาศว่าจะเคลื่อนขบวนไปหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทั้งที่พันธมิตรฯ ประกาศไว้แล้วว่าจะเคลื่อนไปก่อนหน้านี้ ซึ่งกังวลว่า การเคลื่อนไปดาวกระจายในครั้งนี้ จะทำให้เกิดการเผชิญหน้าได้ คงต้องทบทวนอีกครั้งหนึ่ง
นายสุริยะใส กล่าวว่า ขณะนี้ กลุ่ม นปช.วางแผนยุทธศาสตร์ที่จะเคลื่อนพล โดยในวันที่ 21 ต.ค.รวมถึงจะเดินทางไปที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพื่อกดดันการพิจารณาคดีที่จะมีผลต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยวันที่ 22-23 ต.ค.จะไปชุมนุมหน้ารัฐสภา วันที่ 24 ต.ค.ไปหน้ากองบัญชาการกองทัพบก เพื่อกดดันกองทัพ ไม่ให้ดำเนินการใดๆ ส่วนวันที่ 25 ต.ค.จะชุมนุมที่ท้องสนามหลวง ตรงนี้พันธมิตรฯ ต้องระมัดระวังให้มาก ไม่ให้เกิดการเผชิญหน้า เพราะคนที่จะได้ประโยชน์จากการเกิดความรุนแรง คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการสอบสวนเหตุการณ์สลายการชุมนุม 7 ตุลาคม ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เบื้องต้นได้ข้อสรุปว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากตำรวจ จะโยงไปเกี่ยวพันกับฝ่ายการเมืองหรือไม่นั้น จะต้องมีการหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม ซึ่งพันธมิตรฯยินดีเข้าไปชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติม ส่วนคณะกรรมการสอบสวนชุดอื่นนั้น พันธมิตรฯ ไม่ขอตั้งความหวัง เนื่องจากเป็นคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และอาจเป็นการเล่นแง่ทางกฎหมายเพื่อให้การสืบสวนเป็นโมฆะ
นอกจากนี้ ตนขอเสนอว่า ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง ผู้ที่ตกเป็นจำเลยควรยุติการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เป็นต้น เพื่อให้คณะกรรมการทั้ง 4 ชุด ไม่ถูกแทรกแซงในกระบวนการการสอบสวน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการเหล่านี้ที่นายกฯ ตั้งขึ้นอาจเป็นการซื้อเวลา และฟอกความผิดให้กับตนเอง
นายสุริยะใส กล่าวว่า สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ต้องยอมรับว่า สามารถเกิดสิ่งต่างๆ ขึ้นได้ตลอดเวลา เนื่องจากมีรัฐบาลที่เห็นแก่ตัว ทั้งนี้ ถ้า นายสมชาย ยังดื้อจะกระทบต่อบ้านเมือง ดังนั้น ควรลาออกและคืนอำนาจให้สังคม เพื่อแก้วิกฤต ซึ่งหากจะมีการยุบสภาคงไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างถาวร และแม้จะเปลี่ยนขั้วให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลก็คงไม่สามารถแก้ไขวิกฤตบ้านเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ได้ แต่เห็นว่า ควรจะเปิดทางให้หลายๆ ฝ่ายเข้าร่วมแก้ไข เช่น ข้อเสนอการเมืองประชาภิวัฒน์ หรือ การตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ทั้งนี้ไม่อยากเห็นการปฏิวัติรัฐประหาร เพราะนึกย้อนไปแล้วก็รู้สึกขนลุก หากเกิดการเปลี่ยนแปลง อยากเห็นประชาชนทุกภาคส่วน
นอกจากนี้ กองทัพต้องกล้าคิดนอกกรอบ โดยอาจใช้โมเดลที่มีอยู่ในหลายประเทศ เรียกอำนาจกลับมาให้ประชาชน เพราะกรอบแนวคิดเดิมๆ คงใช้ไม่ได้ ส่วนข้อเสนอให้มีรัฐบาลแห่งชาติ ซึ่งอาจกลับไปสู่การบริหารประเทศในรูปแบบของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี พันธมิตรฯ เห็นว่า อยากให้นำการบริหารประเทศของรัฐบาลขิงแก่มาเป็นบทเรียน เนื่องจากเป็นความทรงจำที่เลวร้าย ทั้งนี้ ไม่อยากให้นำรูปแบบของรัฐบาลขิงแก่มาเป็นรูปแบบของรัฐบาลแห่งชาติ ซึ่งรัฐบาลประชาภิวัฒน์ต้องมีการวางแผนร่วมกันจากหลายฝ่ายให้ชัดเจนว่า จะเป็นไปในรูปแบบใด