“สนธิ” เล่าบรรยากาศเดินสายเยี่ยมพี่น้องพันธมิตรผู้บาดเจ็บ เผยทุกคนไม่ยอมแพ้ พร้อมสู้ต่อ ไม่ชนะไม่เลิก ยันพร้อมดูแลทุกคนที่บาดเจ็บสูญเสียอวัยวะ ทั้งซื้อบ้านให้ ช่วยค่าเล่าเรียน หางานให้ทำ เผยเหตุเลื่อนวันไป สตช.เพื่อให้งานศพ “น้องโบว์-สารวัตรจ๊าบ” ยิ่งใหญ่ที่สุด
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
เมื่อเวลา 21.10 น.วันที่ 12 ต.ค.นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยได้เล่าถึงการไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุตำรวจสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 5 แห่ง โดยคนแรก คือ นางวิชชุดา ระดับปัญญาวุฒิ แม่ของนางสาวอังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์ ที่เสียชีวิต ซึ่งพอเห็นหน้า สิ่งแรกคือที่แม่ของน้องโบว์พูดคือขอให้ดูแลตัวเองให้ปลอดภัยทั้งที่ตัวเองยังเจ็บหนักอยู่บนเตียง หลังจากนั้นได้ไปเยี่ยมแต่ละคน ซึ่งโดยภาพรวมทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าอย่ายอมแพ้ สู้มาทั้งทีแล้วไม่ชนะต้องไม่เลิก
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ได้เจอครอบครัวหนึ่งที่เป็นเอเยนต์จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าที่นครสวรรค์ ซึ่งทุกคนบอกว่าถ้าหายดีแล้วจะมาร่วมกับพันธมิตรฯ ใหม่ ไม่มีอาการหวั่นไหวทั้งสิ้น
หลังจากนั้นไปเยี่ยมพี่น้องพันธมิตรฯ ชุมพรที่ขาขาด อาการยังโคม่า ตนจึงได้เอื้อมมือไปจับเท้าที่เหลืออยู่ข้างหนึ่งและก้มลงจูบเท้า ขณะที่ภรรยาบอกว่าอยู่ อ.เมืองชุมพร เปิดร้านอาหารตามสั่ง มีลูก 3 คน คนโตยังเป็นการ์ดอาสาอยู่กับพันธมิตรฯ ไม่ได้หวั่นไหว ส่วนบ้านที่อยู่นั้นเป็นบ้านเช่า ข้างล่างเปิดร้านอาหาร ตนจึงบอกไว้ว่า เมื่อเรื่องเรียบร้อย กลับไปชุมพร เขาต้องมีขาเทียมใส่ และเป็นภาระรับผิดชอบของตนที่ต้องซื้อบ้านไห้เขา 1 หลัง
“ที่เอามาพูดนี้เพื่อให้เป็นสัจวาจาว่า ผมจะมีเงินไม่มีเงินไม่สำคัญ จะหาเงินมาซื้อบ้านให้วีรบุรุษที่ขาขาด ให้มีบ้านเป็นของตนเอง หลังจากนั้นผมไปเยี่ยมพี่น้องที่ขี่มอเตอร์ไซค์รับส่งเอกสาร ซึ่งอายุมากแล้ว ขาขาดที่ข้อเท้า เมียยืนอยู่ร้องไห้อยู่ จึงบอกว่าไม่เป็นไรจะหาเท้าเทียมให้ เพื่อให้สามารถส่งเอกสารได้ แล้วมาทำงานกับเอเอสทีวี”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า จากนั้นไปเยี่ยมหนุ่มชาวศรีสะเกษที่ขาขาด ซึ่งหนุ่มคนนี้กำลังเรียนเป็นช่างเชื่อมอยู่ ขับรถเป็น ตนจึงให้มาเป็นคนขับรถปิ๊กอัพของเอเอสทีวี ซึ่งเป็นเกียร์อัตโนมัติ สามารถใช้ขาข้างเดียวขับได้ จากนั้นได้ไปเยี่ยมทหารคนหนึ่งยศร้อยตรี เป็นทหารชั้นประทวนแล้วลาออก่อนเกษียณ เพื่อให้ได้ยศร้อยตรี ได้รับบาดเจ็บเต็มตัว แผลตกสะเก็ด บอกว่าขายของอยู่หลัง ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ ลูกสาวคนโตเรียนอยู่ปี 1 ตนจึงบอกว่าค่าเล่าเรียนของลูกสาวตั้งแต่ปี 1 ถึงปี 4 ให้มาเอาที่ตน
ต่อมาได้ไปเยี่ยมเด็กหนุ่มคนหนึ่งกำลังเรียนที่ ม.ราชภัฏธนบุรี มีแผลตกสะเก็ดเต็มตัว เด็กคนนี้พ่อแม่ตาย อยู่กับน้าที่หาเช้ากินค่ำ เรียนอยู่ปี 1 ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ตนจึงบอกว่าจะส่งเสียเล่าเรียนปี 1 ถึงปี 4 และถ้ามีเวลาว่างมาทำงานพาร์ตไทม์ที่เว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์
“ที่เอามาพูดเช่นนี้ เหตุผลเพราะต้องการให้ฟ้าเป็นพยานว่า พี่น้องพันธมิตรฯ จะไม่มีวันถูกทอดทิ้งเป็นอันขาด” นายสนธิกล่าว
นอกจากนี้ มีพี่น้องคนหนึ่งเป็นช่างซ่อมรองเท้า ฝีมือดี แต่ทำงานอยู่ริมถนน ตนจึงบอกว่า ถ้าหายแล้วให้ติดต่อมาจะหาแผงในตลาดเปิดร้านซ่อมรองเท้าให้ ส่วนพี่น้องอีกคนหนึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลวชิระ ยังมีแผลเป็นหนองเต็มตัว พอตนเข้าไปหากลับบอกว่า มา 2 เดือนแล้ว อยากได้ลายเซ็น ตนจึงบอกว่าเอาไว้หายก่อน อย่าว่าแต่ลายเซ็น จะกอดแน่นๆ แล้วถ่ายรูปขยายให้ใบใหญ่ๆ
“ภาพที่ผมจูบเท้าที่น้องชาวชุมพรที่นอนไม่รู้สึกตัวอยู่นั้น ภรรยาเขาบอกว่าไม่ต้องๆ แต่ผมบอกไม่ได้ ผมอยากให้ภาพนั้นส่งไปให้พวกสัตว์นรกมันดู อยากให้ข้อมูลเรื่องที่พวกเราดูแลกันเองจนตาย ส่งไปให้พวก นปก. นปช.มันดู ว่าพวกคุณมีปัญญาแค่ 300-500 ตายแล้วเหมือนคนจรจัด บาดเจ็บสาหัสก็ไม่มีใครอยู่ดูแล ต่างจากของเรา
“บ้านที่ผมจะซื้อให้พันธมิตรฯ ชุมพรนั้น สำหรับเขาแล้วอาจจะยิ่งใหญ่มาก แต่สำหรับผมยังไม่ได้หนึ่งในล้านของหัวใจเขาที่มอบให้ชาติบ้านเมือง และที่ผมน้ำตาคลอ ทุกคนเขาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อาจารย์ต้องระวังตัวนะ มันต้องหาทางฆ่าอาจารย์ พวกผมพวกหนูไม่เป็นไร อีกหน่อยก็หาย และจะไปร่วมชุมนุมอีก แต่อาจารย์ต้องไม่เป็นไร”
หลังจากนั้น นายสนธิ ได้กล่าวถึงกำหนดการที่พันธมิตรฯ จะไปชุมนุมที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในวันจันทร์ที่ 13 ต.ค.นี้ว่า เป็นการกำหนดวันล่วงหน้า ตั้งแต่ยังไม่รู้ว่าจะมีงานเผาศพน้องโบว์ในวันเดียวกัน และวันที่ 14 ต.ค.ก็จะมีพิธีเผาศพ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี หรือสารวัตรจ๊าบ ด้วย ซึ่งทั้ง 2 คนนี้ ถือว่าได้สละชีวิตเพื่อพวกเรา ดังนั้นวันที่ 13 และ 14 ตุลาคม จึงเป็นวันสำคัญที่สุด อยากให้ 2 วันนี้ยิ่งใหญ่ ส่วนการไป สตช.นั้น วันที่ 13 พวกมันก็หนีไปหมดแล้ว มีแต่ดึก มีแต่รั้ว ส่วน นปก. นปช. เราไม่กลัว แต่เราจะขอเลื่อนการไป สตช.ไปก่อน 2 วัน เพื่อทำงานศพของน้องโบว์และสารวัตรจ๊าบให้ยิ่งใหญ่ และจะเป็นงานศพของคนธรรมดาสามัญที่ยิ่งใหย่ที่สุด ส่วนการประท้วงนั้น อย่าว่าแต่ สตช.เลย กองบัญชาการกองทัพบกเราก็จะไป
“พี่น้องต้องรู้ว่า ในประวัติศาสตร์ชาติไทย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะไม่เหมือน 14 ตุลา, 6 ตุลา เพราะความผูกพันของพันธมิตรฯ มันลึกซึ้ง หยั่งลึกลงไป มันผูกพัน เหมือนพี่น้อง เหมือนลูกเหมือนหลาน เหมือนพ่อเหมือนแม่”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า พี่น้องชาวใต้ทุกคน ไม่ว่าจึงหวัดไหน ขอให้รู้ว่า พี่น้องจิตใจกล้าหาญ ยิ่งใหญ่ รักชาติ รักบ้านรักเมือง เพราะฉะนั้น พี่น้องชาวใต้ต้องอดทนต่อสู้ เพราะว่ากำลังที่สำคัญส่วนหนึ่ง คือ พี่น้องชาวใต้ ส่วนพี่น้องภาคอีสาน ภาคเหนือต้องขอคารวะในน้ำใจ เพราะอยู่ท่ามกลางความโง่เขาของคนแต่ยังอุตส่าห์มาร่วม สรุปแล้วไม่ว่าจะเป็นภาคไหนก็ตาม ทุกคนมาด้วยเป้าหมายเดียวกัน คือมาเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ามหัศจรรย์มาก ที่คนไทยทุกเชื้อชาติ ทุกภูมิภาค ทุกศาสนาสามารถมาหลอมรวมกันได้
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ตามที่เคยเล่าว่าเห็นนิมิตน้องโบว์นั้น ตนเห็นจริงๆ โดยน้องโบว์บอกว่า ถ้าคุณลุงไปไหนให้บอกน้องโบว์ จะตามไปด้วย เพื่อให้ได้รับชัยชนะ และจะไม่ยอมไปไหน ถ้ายังไม่ได้ชัยชนะ ถ้าพันธมิตรฯ ชนะเมื่อไหร่ ให้จุดธูปบอกน้องโบว์ด้วย น้องโบว์จะไปเลย
ในตอนท้าย นายสนธิ กล่าวว่า ไม่มีอะไรที่จะมีอำนาจทำลายล้างได้ดีไปกว่าการเผยแพร่ความชั่วของพวกตำรวจให้คนไทยและชาวโลกได้รู้กันหมด พรุ่งนี้หนังสือ 5 แสนเล่มจะเสร็จ ซีดีแสนๆ แผ่นจะเสร็จ อีก 2-3 วันข้างหน้าเราจะแบ่งสายกันเดินแจกจ่ายไปตามถนนสายต่างๆ เพื่อบอกว่านี่คือการฆ่าประชาขนของตำรวจ