“สุริยะใส” แฉแผนชั่ว “รัฐบาลโฉด” เตรียมบุกทำเนียบฯ ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของ “พันธมิตรฯ” ชี้กรรมตามทัน “ทรราช” ทำ ปชช.เสียชีวิต จนแถลงนโยบายล้มไม่เป็นท่า ลั่นหมดความไว้วางใจ “ทหาร” เหตุเพราะปาก “ผู้นำเหล่าทัพ” อ้างว่ารักชาติ แต่แท้ที่จริงแล้วขี้ขลาด หลังหยิบยื่นความเย็นชาให้ ปชช.
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุริยะใส กตะศิลา ปราศรัย
วันนี้ (7 ต.ค.) เมื่อเวลา 23.30 น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยกล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้อาวุธหนักเข้าสลายการชุมนุมของพันธมิตรฯ จนมีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมากว่า คงต้องขออนุญาตครอบครัวของ นส.อังคณา ระดับปัญญาวุฒิ หรือน้องโบว์ ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว มารดน้ำศพที่ทำเนียบรัฐบาล โดยพันธมิตรฯ พร้อมที่จะดูแลอย่างเต็มที่
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าของวันนี้นั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า จุดมุ่งหมายของพันธมิตรฯ คือ ต้องการที่จะยับยั้งรัฐบาลที่จะแถลงนโยบาย จนกลายเป็นโจ๊กทางการเมืองระดับโลกไปแล้ว เพราะไม่รัฐบาลไหนในโลกที่บริหารงานแผ่นดินวันแรก แล้วองค์ประชุมไม่ครบ ที่สำคัญไม่มี ส.ส.ฝ่ายค้านเข้าร่วมประชุม เพราะเขาไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่ใช้กำลังเข้าปราบปรามการชุมนุม นอกจากนี้ยังมี ส.ว.อีกว่า 50 ท่าน ไม่ยอมเข้าประชุม นอกจากนี้ นางรสนา โตสิตระกูล ส.ว. ได้เข้าไปชี้หน้านายชัย ชิดชอบ ประธานสภา ว่าหยุดโกหกได้แล้ว ส่งผลให้การแถลงนโยบายวันนี้ของรัฐบาลไม่ครบองค์ประกอบ นั่นถือเป็นโมฆะทางการเมืองโดยสิ้นเชิง
“ไม่เพียงแต่ ส.ว.ผู้ทรงเกียรติ จะดื้อแพ่งไม่เข้าร่วมประชุมสภาเท่านั้น ฝ่ายค้านที่เลือกยืนอยู่บนความถูกต้อง จะถอดเสื้อสูท แล้วเดินเข้าร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ โดยพวกเราพร้อมที่จะต้อนรับตลอดเวลา ส่วนกรณีที่ ส.ส. และ ส.ว.ออกจากสภาไม่ได้ โดยถูกขังเยี่ยงนักโทษ และพวกเขาเหล่านั้นหวุดหวิดที่จะถูกรุมประชาทัณฑ์เสียด้วยซ้ำ แต่ยังดีที่พันธมิตรฯ มีธรรมะ ดังนั้นอย่าไปคิดว่าคนเหล่านี้ภาคภูมิใจที่จะกลับไปทำงานที่สภาอีก เพราะถ้าเราไปครั้งนี้ เราจะไม่กลับจนกว่าจะจับโจรเข้าคุก” นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า สำหรับเหตุผลสำคัญที่ต้องถอนกำลังจากสภาฯ กลับมาที่ทำเนียบรัฐบาล มี 2 ประการ คือ 1.เราสามารถต่อต้านรัฐบาลที่กำลังจะแถลงนโยบาย ทำให้นโยบายของรัฐบาลไร้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ และถือเป็นบาปของรัฐบาล เพราะทำให้ประชาชนเสียชีวิต ฉะนั้นเมื่อตำรวจรุกคืบโดยใช้อาวุธจริง โดยไม่ใช่แก๊สน้ำตาอย่างที่โฆษณาชวนเชื่อ โดยเฉพาะ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมโน ซึ่งเป็นคนสงขลานั้น ถือเป็นคนใต้ และตนรู้จักดี ที่สำคัญเขาไม่สะทกสะท้านต่อความตายของพี่น้องพันธมิตรฯ และที่พันธมิตรฯ มาชุมนุมนั้น มาเพราะเข็มทิศพระราชบัลลังก์ ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นเข็มทิศให้กับพวกเรา
“ส่วนหน่วยปฏิบัติการอินทราชนั้น ทำได้เพียงปราบปรามประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่มีเพียง 2 มือเปล่า ฉะนั้นจึงควรยุบทิ้งได้แล้ว แล้วเห็นตำรวจตั้งลำปืนหรือไม่ เขาประทับที่อก นั่นหมายถึงยิงหน้าผากศัตรู ซึ่งแปลว่า เขาเห็นประชาชนเป็นศัตรูได้ตลอดเวลา ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ประชาชนจะถูกระเบิดเละจนขาขาด นี่หรือวีรกรรมของตำรวจไทย” นายสุริยะใส กล่าว
ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ยังกล่าวถึงเหตุผลที่แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 ต้องนำกำลังกลับมายังทำเนียบฯ ว่า เนื่องจากมีข่าวยืนยันจากหลายสายว่า คืนนี้กองบัญชาการตำรวจนครบาล กำลังวางแผนสลายการชุมนุมพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบฯ และที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อไม่ให้ถูกรุกรานในคืนนี้ และนี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่พวกเราเห็นตรงกันว่า เราจะยึดสภาเมื่อใดก็สามารถทำได้ แต่เราคิดว่าทำเนียบฯ สำคัญกว่า และที่สำคัญคือ เราต้องปฏิบัติการใหญ่อีกรอบหนึ่ง
“ในเมื่อทหาร 3 เหล่าทัพ ประกาศตัวที่จะมายืนตรงกลาง แล้วพี่น้องพันธมิตรฯ ยังจะไว้ใจได้อีกหรือไม่ เพราะพวกเราผิดหวังกับคนที่อวดอ้างว่ารักชาติแต่ขี้ขลาด ทั้งๆ ที่เราไม่เคยปรารถนาที่จะให้ทหารเอารถถังมาถล่ม แต่เราก็ไม่สามารถที่จะเย็นชากับความผิดหวังที่ทหารยื่นให้กับเรา ในเมื่อท่านบอกว่าจะยืนข้างประชาชน ถามว่าแล้วประชาชนของท่านคือใคร เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ถ้าจะบอกว่าเป็นเรื่องของ 2 ฝ่ายทะเลาะกันนั้น ถือว่าเขาคิดผิด เนื่องจากชีวิต และเลือดเนื้อที่ของเราสูญเสียไป จะต้องไม่สูญเปล่า และถ้าสังคมไทยคืนความเป็นธรรมให้กับสังคมไม่ได้ พวกเราก็พร้อมที่จะไล่ล่าความเป็นธรรมที่สูญเสียไปให้กลับคืนมา” นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ตนรู้สึกผิดหวังเหลือเกินกับผู้นำเหล่าทัพ หรือผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองบางส่วน โดยมีบางส่วนถามไถ่สถานการณ์กับพวกเราตลอดเวลา ฉะนั้นจากนี้ไป ไม่ว่าจะปฏิบัติการชื่ออะไรก็ตาม พวกเราต้องยืนอยู่บนความเชื่อมั่นในพละกำลัง และศักยภาพของพวกเราเท่านั้น ฉะนั้นเราพร้อมที่จะสู้ต่อ และจะรอมิตรสหายให้มาร่วมชุมนุม ที่สำคัญแนวร่วมของเราขยายอยู่ตลอดเวลา
“พรุ่งนี้ปฏิบัติการจะเป็นรูปแบบไหน อย่างไร อยากให้รอฟังมติแกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 1 และรุ่น 2 และถ้าจำเป็นที่เราจะต้องเดินเท้าออกมาอีก เราก็ต้องมา เพราะถ้าหากเกิดการสลายการชุมนุมของตำรวจ เราจะได้ไหวตัวทัน และผมได้แต่หวังว่า มีแต่พวกเราเท่านั้นที่จะรักษาบ้านเมืองนี้ จึงได้แต่หวังว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้นในวันนี้ จะเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกฝ่าย ฉะนั้นวินัยจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด” นายสุริยะใส ระบุ
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า คงต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนเพิ่มขึ้น คือ ต้องใช้สติปัญญา ไม่ใช้อารมณ์นำทาง เพราะถ้าหากสถานการณ์ยิ่งวิกฤตเท่าใด ก็ยิ่งต้องใช้สติปัญญานำทางมากขึ้นเท่านั้น โดยสถานการณ์ต่อไปนี้จะหนักยิ่งขึ้นสำหรับพันธมิตรฯ แต่ตนเชื่อว่าคนที่รักชาติเหมือนเรา คงนอนไม่หลับ และคงกำลังคิดเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองนี้ หากเขายังรู้สำนึกผิดชอบชั่วดี ซึ่งก็ได้เพียงแต่หวัง
“ขอทำนายชะตากรรมของรัฐบาลชุดนี้ว่า เงื่อนไขที่ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจจะหยิบสถานการณ์ความรุนแรงในวันนี้ เอาไปอ้างกับรัฐบาลอังกฤษเพื่อขอลี้ภัย ซึ่งเท่าที่เช็คข้อมูลปรากฏว่า สถานการณ์กลับตาลปัตร เพราะสถานการณที่เกิดขึ้นในวันนี้ ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อการขอลี้ภัยของ พ.ต.ท.ทักษิณ เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะรัฐบาลอังกฤษไม่ได้โง่ เขาจึงไม่มีวันฟังความข้างเดียว ฉะนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่รัฐบาลอังกฤษจะหลงกล พ.ต.ท.ทักษิณ ฉะนั้น ชะตากรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็จะนับถอยหลังไปพร้อมๆ กับรัฐบาลสมชาย ในเร็ววันนี้” ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ระบุ