“สมชาย” ไปสระบุรี-ลพบุรี เจอนักรบมือตบไล่ที่เขื่อนป่าสักฯ จนหน้าเสีย แต่พอฟังบรรยายสรุปเกิดคึกสบช่องช่วงน้ำท่วมส่งสัญญาณผุดเขื่อนแก่งเสือเต้นอีกรอบ มามาดใหม่ชูเศรษฐกิจพอเพียง แถมพูดไม่ทันยั้งคิดเตือนสติ “คนรวยแล้วโกง” จะทุกข์ใจไปตลอดชีวิต
วันนี้ (4 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 11.15 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เดินทางไปยัง รพ.บำรุงราษฎร์ เพื่อเยี่ยมนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่นอนป่วยอยู่ โดยได้พูดคุยอยู่ประมาณ 20 นาที จากนั้นนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงอาการป่วยของนายสมัครว่า ไม่มีอะไรน่าห่วง ซึ่งหมอบอกนายสมัคร เป็นโรคลำไส้ เกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร ไม่เกี่ยวกับโรคหัวใจ และเท่าที่ดูนายสมัครก็ยังมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส พูดได้ปกติ ซึ่งหมออยากให้พักผ่อนมากๆ และคาดว่าจะกลับบ้านได้เร็วๆ นี้ ซึ่งนายสมัครได้ขอบคุณที่มาเยี่ยม
จากนั้นเวลา 13.10 น. นายสมชายได้เดินทางมายังเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี เพื่อมาตรวจดูสภาพเขื่อนและรับฟังการบรรยายสรุป ท่ามกลางกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ชูมือตบอยู่ห่างๆ โดยไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น นายกฯ ได้เข้ารับฟังบรรบายสรุปจากผู้ว่าฯ ลพบุรีและสระบุรี รวมถึงอธิบดีกรมชลประทาน ซึ่งพบว่าสถานการณ์น้ำท่วมในขณะนี้เริ่มคลี่คลายแล้ว ส่วนอธิบดีกรมชลประทาน ให้ความมั่นใจว่าน้ำจากทางเหนือที่ใหลลงมาจะไม่กระทบต่อกทม. และในกทม.เองก็เตรียมพร้อมในการรับน้ำไว้แล้ว
นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการเดินทางมาตรวจเขื่อนที่ จ.ลพบุรี และสระบุรี ว่า เพราะ 2 จังหวัดนี้ได้รับผลกระทบมากที่สุด
“การให้ความช่วยเหลือประชาชนจาก ส.ส.ในพื้นที่อาจมีข้อจำกัดบางอย่าง โดยเฉพาะการประสานงานกับผู้ว่าฯ แต่ในสถานการณ์อย่างนี้คงไม่ต้องมาหวงตัวกันแล้ว อยากให้ช่วยกันคนละไม้ละมือ ส.ส.ก็มีหน้าที่ดูแลประชาชน คงไม่ใช่การก้าวก่าย หรือแทรกแซงอะไร” นายสมชาย กล่าว
นายกฯ กล่าวด้วยว่า หลังจากน้ำลดอาจมีเรื่องของโรคภัยและความเสียหายตามมา ซึ่งรัฐบาลคงต้องเข้ามาช่วยดูแล เบื้องต้นคิดว่าภายใน 15 วัน ประชาชนน่าจะได้รับการชดเชยแล้ว ขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการอยู่ แต่หากจังหวัดไหนมีงบประมาณอยู่ ก็สามารถดำเนินการไปก่อนได้เลย เพราะการเยียวยานั้นต้องทำทันที ถ้าช่วยช้าก็เหมือนกับไม่ได้ช่วยอะไรเลย
นายสมชาย ยังกล่าวด้วยว่า หลังจากหมดฝน หมดน้ำไปแล้ว ปัญหาต่อไปก็จะมีเรื่องของภัยแล้งเข้ามา ซึ่งปัญหานั้นเกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า ป็นปัญหาโลกแตกที่ต้องช่วยกันแก้ไขและหาวิธีรณรงค์
ทั้งนี้ นายกฯ ยังได้หารือกับนายธีระ วงศ์สมุทร อธิบดีกรมชลประทาน เกี่ยวกับข้อดีข้อเสีย ของการสร้างแก่งเสือเต้น โดยนายธีระบอกว่าขณะนี้ลุ่มแม่น้ำยมยังขาดเขื่อนอยู่ หากสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นได้ก็จะช่วยบรรเทาอุทกภัย และยังสามารถทำการเกษตรฯได้อีกด้วย ขณะนี้รูปแบบการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นพร้อมแล้ว รอเพียงการตรวจสอบด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น อย่างไรก็ตามในสมัยที่นายสมัคร เป็นนายกฯ ได้มีการตั้งคณะกรรมการพัฒนาบริการจัดการน้ำ และระบบชลประทาน เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นแต่คณะกรรมการชุดดังกล่าวต้องถูกยกเลิกไป เนื่องจากรัฐบาลนายสมัคร พ้นไปทั้งคณะ นายสมชาย จึงได้ฝากอธิบดีกรมชลประทาน ดำเนินการตั้งคณะกรรมการต่อยอดจากคณะชุดเดิมเพื่อดำเนินการต่อไป โดยนายกฯจำนำเรื่องนี้ไปแจ้งต่อครม.ต่อไป
นายสมชาย ยังกล่าวถึงความห่วงใยเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมหากสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นว่า ก็ต้องหาวิธี และศึกษาให้รอบด้าน เช่นการปลูกต้นไม้ชดเชย อย่างไรก็ตามการจะสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นหรือไม่นั้น คงต้องไปศึกษาข้อมูลก่อน คงไม่ทำทันทีขณะนี้ ต้องทำให้มีความเข้าใจตรงกันทุกฝ่ายก่อน
“อย่าไปปัดสวะ พอมีคนประท้วงก็มาบอกว่าไม่ทำ ขอให้ดูข้อดี ข้อเสีย จากฝ่ายต่าง ๆ ให้ครบถ้วนก่อน แต่ก็ไม่ได้บอกให้ทำทันที เรื่องนี้ถกเถียงกันมานานกว่า 30 ปี แล้ว ถ้าทำป่านนี้ก็คงได้ปลูกข้าวและผลิตไฟฟ้ากันสำราญบานเบิกแล้ว” นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ 1 ใน 9 แกนนำพันธมิตรฯ จะกระทบต่อการเจรจาที่พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่กระทบ การเจรจาก็ยังคงดำเนินต่อไป การจับกุม เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่ต้องทำตามกฎหมาย ตนไม่อยากเข้าไปก้าวก่าย และส่วนตัวก็เชื่อว่าพล.อ.ชวลิต จะเจรจาได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมา 15.35 น. นายสมชายได้เดินทางไปยังวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร เพื่อกราบนมัสการพระธรรมปิฎก เจ้าคณะจังหวัดสระบุรี ก่อนที่จะเดินทางไปเยี่ยมชมหมู่บ้านต้นแบบเศรษฐกิจพอเพียงที่บ้านพุคำจาน อ.พระพุทธบาท โดยได้กล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับว่าขอให้ประชาชนยึดมั่นในระบบเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งถ้ายึดตามแนวทางนี้จะไม่มีการล้มละลายหรือลำบาก
“คนรวยที่ไม่มีความสุขนั้นมีอยู่มาก ถ้าไปโกงเขามาก็จะมีความทุกข์กังวลอยู่ในใจตลอดเวลา รัฐบาลนี้เขียนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงไว้ในนโยบายด้วยและจะใช้เป็นหลักในการบริหารงานของรัฐบาลตลอดไป และยืนยันว่ารัฐบาลจะอยู่ครบ 4 ปี ขอประชาชนอย่าไปสนใจความแตกแยกในบ้านเมือง ให้ครอบครัวตนเองมีความสุขก็พอแล้ว” นายกฯ กล่าว