เลขาฯ ปชป.ปฏิเสธอยู่เบื้องหลังกลุ่มผู้ชุมนุมตะโกนขับไล่ “ชัย” ปลอบถือเป็นตัวละครการเมืองที่ต้องรับหน้าเสื่อ จี้ รบ.รับผิดชอบเหตุการณ์สภาฯ ล่ม แฉที่ผ่านมาไม่เคยให้ความสำคัญผ่านร่าง กม. รับไม่ได้โฉมหน้า ครม.ผิดฝาผิดตัว
วันนี้ (26 ก.ย.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ว่า เป็นที่น่าเสียดาย เพราะหลายฝ่ายทั้งนักวิชาการและนักการเมืองเรียกร้องว่าควรจะเป็นรัฐบาลรูปแบบพิเศษที่ไม่ควรพิจารณาเฉพาะคนที่อยู่ในพรรคการเมือง แต่ควรพิจารณาบุคคลในภาคส่วนต่างๆ มาร่วมกันเป็นครม.ด้วย พูดตั้งนานนึกว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี จะได้ยิน ท่านก็ไม่ได้เอาแนวความคิดมาพิจารณา เลยทำให้การแต่งตั้งครม.ครั้งนี้เป็นไปแบบเดิมๆ ตามโควต้าของจำนวน ส.ส.ในแต่ละกลุ่ม ไม่ได้ตั้ง ครม.เพื่อหวังทำงานให้เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง แต่เป็นเรื่องของการแก้ไขปัญหาในกลุ่ม นอกจากนี้ยังมีการพูดว่าจะต้องช่วยนายใหญ่ที่ลอนดอนอีก ตนคิดว่าเป็นการพูดที่ทำร้ายประชาชนจริงๆ
“น่าเสียดายการตั้ง ครม.ครั้งนี้ ประชาชนผิดหวัง อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.สาธารณสุข ตั้งเข้าไปก็ท้าทายความรู้สึกของประชาชน หรือตั้งพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ เข้าไปคนก็ยังไม่ลืมสมัยที่ท่านเป็นนายกฯ ตั้งครั้งนี้จึงไม่ได้กำไร หากนายกฯ จะออกมาชี้แจงว่าเป็นการตั้งผิดฝาผิดตัว ก็หากท่านทราบว่าตั้งผิดฝาผิดตัว แล้วท่านตั้งเข้าไปทำไม โอกาสเป็นของท่านแล้วที่จะได้ทำงานให้ชาติบ้านเมือง แต่เมื่อตั้งกันไปแล้วเราก็มาดูว่าท่านนายกฯ จะกำกับดูแลให้บุคคลเหล่านี้ทำงานให้กับประเทศชาติและประชาชนอย่างไร” นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า นอกจากการแต่งตั้งรัฐมนตรีผิดฝาผิดตัวจนเป็นเหตุให้การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ต้องล่ม คิดว่ารัฐบาลน่าจะอยู่ได้นานหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ใส่ใจเรื่องสภาฯ มานานแล้ว จะเห็นได้ว่าเป็นรัฐบาลมา 7-8 เดือนแต่ผ่านกฎหมายได้น้อยมาก เรียกได้ว่าไม่ได้ผ่านกฎหมายอะไรออกมาเลย และละเลยมาตลอด ฝ่ายค้านก็ช่วยประคับประคองให้ตลอด หนักๆ เข้าเราก็ต้องบอกว่าต้องให้รัฐบาลเขารู้สึกบ้าง เขาต้องรับผิดชอบด้วยตัวเองบ้าง ให้คนเอาใจดูแลช่วยเหลืออยู่ทั้งประเทศแล้วไม่ช่วยตัวเองเลยได้อย่างไร ดังนั้น ในที่ประชุมสภาฯ พรรคฝ่ายค้านจึงต้องแสดงให้รัฐบาลเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่รัฐบาลต้องรับผิดชอบตัวเองแล้ว ถ้ารัฐบาลไม่รับผิดชอบตัวเองทั้งๆ ที่มี 300 กว่าคน ไม่ยอมมาเข้าประชุมให้คน แต่ต้องอาศัยมือของฝ่ายค้านเหมือนอย่างทุกวันนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
“ถึงแม้จะคิดว่าต้องรับผิดชอบร่วมกัน แต่ตนคิดว่าเวลาเกิดปัญหาก็ไม่ยอมรับปัญหาของตัวเอง ดังนั้น รัฐบาลต้องแก้ปัญหาภายในของตัวเอง ถ้าไม่สามารถมีความสามัคคีกันได้ ก็ป่วยการที่จะมาเรียกร้องว่าจะสร้างประเทศนี้ให้มีความสามัคคี เพราะในบ้านตัวเองยังทำอะไรกันไม่ได้เลย ตีกันอุตลุดแล้วใครจะไปเชื่อถือ” นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ไปสัมมนาที่ จ.นครศรีธรรมราช แล้วถูกประชาชนไปขับไล่ ทำให้มีคนตั้งข้อสังเกตว่าพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลังนั้น เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าไม่มีพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลังแน่นอน เมื่อวันที่ 25 ก.ย.ตนเจอนายชัยในห้องน้ำก็ยังบอกกับตนว่าจะไปปักษ์ใต้ ไปลงเครื่องที่ จ.สุราษฎ์ธานี แล้วไปต่อที่ จ.นครศรีธรรมราช ตนยังบอกกับนายชัยว่าน่าจะบอกล่วงหน้าจะได้ดูแลและต้อนรับกัน เพราะท่านเป็นประธานสภาฯ แต่เมื่อคืนนี้ตนถึงได้ข่าวว่ามีคนไปต่อต้านก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติที่มีประชาชนที่รู้สึกเรื่องของสถานการณ์บ้านเมือง และมีความเห็นที่แตกต่างไปจากคนในรัฐบาล และนายชัยก็ถือว่าเป็นตัวละครในทางการเมืองที่มีความสำคัญ ประชาชนก็มีความรู้สึกว่าเขารับไม่ได้ก็ไปต่อต้านเท่านั้น อย่าไปคิดอะไรมากและไม่คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะทำให้กลายเป็นชนวนความแตกแยก
“ผมยืนยันเลยว่าถ้าพวกผมทำ จะประกาศ จะบอก และยอมรับ แต่นี่ไม่ได้ทำ เพราะไม่ใช่เรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ ผมเสียใจกับท่านประธานชัย และผมขอเรียนให้ประธานชัยสบายใจว่า พวกผมไม่ทำอย่างนั้น” นายสุเทพกล่าว
นายสุเทพยังกล่าวถึงกรณีที่ศาลอุทธรณ์ตัดสินยืนตามศาลชั้นตนให้นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ จำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีหมิ่นประมาทนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในสมัยที่เป็นรองผู้ว่าฯ กทม. ว่า นายสมัครได้กระทำการก้าวล่วงในสิทธิของบุคคล กระทำผิดกฎหมายด้วยการไปใสร้ายป้ายสี การถูกลงโทษนั้นตนรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับนายสมัครเป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้ว เพราะว่าใครก็ตามที่มีโอกาสมาเป็นพิธีกรในรายการโทรทัศน์ หรือรายการวิทยุจะได้ระมัดระวัง รู้จักเคารพในสิทธิของคนอื่น อย่าใช้โอกาสที่ตัวเองได้หยิบฉวยไว้ในฐานะสื่อมวลชนไปทำร้ายผู้อื่น