ผู้จัดการออนไลน์ - สามเกลอ “ความเท็จวันนี้” ชูครม.ใหม่ “ไข่มุกดำ” ลามปามยก “บิ๊กจิ๋ว” คล้าย “พระเยซู” ระบุเพราะสามารถรับบาปของมวลมนุษย์ทั้งปวงได้ อาศัยเงินภาษีประชาชนไล่กัดคนไปทั่วตั้งแต่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จนถึงไทยพีบีเอส ชี้เป็น ‘เอเอสทีวี 2’ และเป็นสถานีโทรทัศน์สาธารณ์ (ชั่วช้า)
วานนี้ (24 ก.ย.) รายการความจริงวันนี้ ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที กรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งดำเนินรายการโดยนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน กำลังรวบรวมรายชื่อถอดถอนนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกจากตำแหน่ง
พร้อมกันนั้น ทั้งสามคนยังวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากการที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า พรรคพลังประชาชนกำลังพยายามทุกวิถีทางในความพยายามสกัดกั้นการทำงานขององค์กรอิสระ โดยเฉพาะการโจมตีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่ในขณะนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังจะมีการพิจารณาคดียุบพรรค พร้อมเรียกร้องให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีแสดงจุดยืน ในการแก้ไขปัญหาการแทรกแซงและโจมตีองค์กรอิสระของ ส.ส.และสมาชิกพรรคพลังประชาชน
จากนั้นผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงกรณีที่วานนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ภายใต้การนำของนายสมชาย โดยเมื่อมีการกล่าวถึง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี นายวีระก็กล่าวเปรียบเทียบว่า พล.อ.ชวลิต นั้นเหมือนกับ พระเยซู ศาสดาของศาสนาคริสต์
“พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เนี่ย ขอประทานโทษเถอะ อย่าว่าเอาไปเปรียบเทียบกับของที่ผู้คนเขานับถือมากเลย แต่ว่ามันคล้ายคลึง ท่านคล้ายๆ พระเยซู คือ บาปทั้งปวงในโลกนี้ถ้าไม่รู้จะโยนใส่ใครก็เอามาโยนใส่ชวลิต ท่านรับได้ ขอให้มันเป็นบาปเถอะ … ท่านอยู่ในฐานะที่มีความอดทนและรับบาปของมวลมนุษย์ทั้งโลกได้” นายวีระซึ่งอดีตเคยต้องคดีจำคุกและปัจจุบันยังมีคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพติดตัวอยู่กล่าว
ทั้งนี้ ในรายการดังกล่าวนี้ ก่อนหน้านี้พิธีกรและผู้ดำเนินรายการก็มีการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมบ่อยครั้งเช่น พยายามใช้คำนำหน้าแกนนำพันธมิตรฯ รวมถึงนายสุริยะใส กตะศิลา ว่า “รัฐบุรุษ” เป็นต้น
พร้อมกันนั้น ทั้งสามคนยังพยายามกล่าวเอาใจ พล.อ.ชวลิต ด้วยการบิดเบือนข้อมูลว่า วิกฤตการเงินและวิกฤตเศรษฐกิจของประเทศไทยที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2540 หลังการประกาศลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 นั้นไม่ใช่ความผิดของ พล.อ.ชวลิตแต่อย่างใด และกล่าวว่าในวัย 70 กว่าปีนั้น การดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีครั้งนี้คงเป็นโอกาสสุดท้ายในการพิสูจน์ฝีมือของ พล.อ.ชวลิตแล้ว
“ครั้งที่แล้วจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไป ท่านไม่ได้ทำผิดคิดร้ายอะไรต่อบ้านเมือง คนเอาโคลนทาท่านเสียแบบ อาบน้ำเจ็ดวัดเจ็ดวาแล้วยังไม่หมด อะไรก็บอกว่าชวลิตทั้งนั้นเป็นคนทำเสียหาย พวกผมช่วยกันขัดถู เอาน้ำกี่โอ่ง กี่ไหมาเทสาดใส่เสียก็สะอาดขึ้นมามาก แต่ยังไม่บริสุทธิ์” เจ้าของฉายาไข่มุกดำ กล่าว
นอกจากนี้ ในช่วงท้ายรายการ นายณัฐวุฒิ และนายวีระได้กล่าวโจมตีสถานีโทรทัศน์ไทย (ไทยพีบีเอส) ว่า สถานีโทรทัศน์แห่งนี้ไม่ใช่สถานีโทรทัศน์สาธารณะ แต่เป็น “เอเอสทีวี 2” ทั้งยังกล่าวโจมตีด้วยว่า ไทยพีบีเอส นั้นแปลเป็นไทยได้ว่า “สถานีโทรทัศน์สาธารณ์” อีกด้วย
อนึ่ง คำว่า “สาธารณ์” มีความหมายตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ.2542 ว่า “ตํ่า, เลว, ชั่วช้า”