แกนนำพันธมิตรฯ เดินหน้าการเมืองใหม่ ลั่นที่มาของนักการเมืองทำได้ไม่ยาก รับรองดีกว่าการเมืองเก่าแน่ ระดมความคิดเป็นวาระทุกสัปดาห์ เรียกร้องภาค ปชช.เป็นเจ้าภาพร่วม ด้าน “สมศักดิ์” ตั้งสมญานามรัฐบาลจับฉ่าย
วันนี้ (23 ก.ย.) ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ร่วมกันแถลงข่าวถึงแนวคิดเรื่องการเมืองใหม่ โดย พล.ต.จำลอง กล่าวย้ำว่า การเลือกตั้งแบบ 100 เปอร์เซ็นต์จะให้มีการเลือกตั้งได้ 2 ทาง คือ ผู้แทนพื้นที่เขต และผู้สมัครนามกลุ่มอาชีพ หากคนหนึ่งมีหลายอาชีพ จะให้ลงสมัครได้เพียงอาชีพเดียว ทางพันธมิตรฯ จะรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนทั้งประเทศ ในวันที่ 27 ก.ย.มีนักธุรกิจใหญ่ที่สนใจบ้านเมืองมาร่วมสัมมนากับพันธมิตรฯ ในหัวข้อวาระพรรคการเมืองว่าประเทศไทยควรมีพรรคการเมืองหรือไม่อย่างไร ซึ่งพันธมิตรฯ ต้องรับฟังข้อคิดเห็นดังกล่าว
ขณะเดียวกัน พล.ต.จำลอง กล่าวว่า พันธมิตรฯ ยังไม่ลงรายละเอียดในเรื่องของจำนวนของ ส.ส.หรือ ส.ว. เนื่องจากจำนวน ส.ส.บวก ส.ว.ของประเทศไทยมีมาก หากเทียบกับต่างประเทศในสหรัฐอเมริกามีประชากรมากกว่าประเทศไทยแต่มีจำนวนของ ส.ส.และ ส.ว.น้อยกว่า ดังนั้นมีความจำเป็นหรือไม่ที่ประเทศไทยจะลดจำนวนของ ส.ส.และ ส.ว.
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่ายังไม่เข้าใจเกี่ยวกับรายละเอียดการเลือกตั้งแบบกลุ่มอาชีพของการเมืองใหม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้ยาก เพราะในกฎหมายสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติมีรายละเอียด แบ่งเป็นกลุ่มอาชีพไว้แล้ว แต่พันธมิตรฯไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ข้อมูลตามสภาที่ปรึกษาฯก็ได้
“เพราะทุกคนในประเทศไทยต่างมีอาชีพทั้งนั้น อาจต้องเพิ่มเติมหรือเอาตามนั้น คนที่มีอาชีพอะไรก็ไปลงทะเบียนในอาชีพนั้น แล้วเวลาเลือกก็เลือกคนกลุ่มนั้น จะได้มีผู้แทนที่หลากหลาย ทุกวันนี้ไม่ใช้ผู้แทนราษฎรเป็นผู้แทนกลุ่มทุนรวมตัวเป็นกระจุกๆ จึงเป็นไปไม่ได้ที่คนกลุ่มนี้จะไปทำงานเพื่อคนทุกกลุ่ม เมื่อพันธมิตรฯ ออกแบบมาเช่นนี้จะมีตัวแทนจากหลายหลาย อาชีพ ทั้งหมอ ทั้งสื่อมวลชน ทำให้เกิดความงดงามในสภาขึ้น” นายสมศักดิ์ กล่าว
ด้าน พล.ต.จำลอง เสริมว่า เรื่องดังกล่าวทำไม่ยาก เมื่อแบ่งคนทั้งประเทศออก 2 กลุ่มดังที่กล่าวไปแล้ว จึงไม่ยากอย่างที่คิดจะทำ แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ถามว่าแต่ในทางปฏิบัติคงเป็นไปได้ยาก พล.ต.จำลอง กล่าวว่า ปฏิบัติยากจริงยอมรับ แต่หากทำเรื่องยากดีกว่าการเมืองเก่าก็ต้องทำ มันเป็นไปได้ แม้อาจจะไม่ได้เลิศเลอทุกอย่างก็ตาม
ด้าน นายพิภพ กล่าวว่า วิธีการเลือกตั้งแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ หลักๆ แบ่งเป็น 2 ทาง ยังไม่มีการกำหนดระยะเวลา แต่จะออกมาเป็นวาระทุกสัปดาห์ พันธมิตรฯ เป็นเพียงผู้จุดประเด็นขึ้นมา เป็นผู้เริ่มต้นจึงต้องสานต่อเพื่อให้สังคมเป็นเจ้าภาพร่วมกัน และให้สถาบันต่างๆ ช่วยกันคิดโดยเน้นกระบวนการ การมีส่วนร่วมให้มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับโผของ ครม.ชุดใหม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เป็นรัฐบาลจับ ฉ่าย ฝนตกขี้หมูไหล ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรกับโผ ครม.ชุดนี้เลย เพราะรัฐบาลที่มีนายสมชาย วงสวัสดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้หมดความชอบธรรมไปแล้ว จึงไม่มีความหวังอะไร ตั้งพรรคเพื่อไทยขึ้นมาก็เพื่อรองรับ ส.ส.จากพรรคพลังประชาชนที่กำลังจะถูกยุบ
“หมดความชอบธรรมไม่ใช่พูดเพราะลุแก่อำนาจ แต่พูดด้วยหลักนิติธรรม หลักกฎหมาย ผิดแล้วจะอยู่ได้อย่างไร ถ้าประชาชนไทยยังยอมรับรัฐบาล ที่ยกอำนาจอธิปไตยให้กัมพูชา แล้วยังคิดว่าเป็นเรื่องปกติก็แย่ รัฐบาลซื้อเสียงเข้ามา กกต.มีมติต้องยุบพรรค แต่ประชาชนคิดว่าเป็นเรื่องปกติ ผมว่าเป็นเรื่องน่าเศร้า กำลังจะถูกยุบอยู่แล้วยังจะมายื่นข้อเรียกร้องเจราจาผลประโยชน์เพื่อส่วนตัวทั้งที่ไม่มีความชอบธรรมแล้ว เป็นพวกรัฐบาลกบฏ” นายสมศักดิ์ กล่าว
