“สมเกียรติ”จวกรัฐตำรวจ ตั้งชุด ฉก.ไล่จับ 9 แกนนำ แต่คดี “จักรภพ” ผ่านมา 6 เดือนเพิ่งสั่งฟ้อง เตรียมแจ้งจับ “หมัก” พร้อม ครม.ฐานนำคำพูดหมิ่นฯ เผยแพร่ผ่านเว็บรัฐบาล ย้ำภารกิจกู้ชาติของพันธมิตรฯ ยังไม่จบ ต้องขจัดนักการเมืองฉ้อฉล สร้างการเมืองแบบประชาภิวัฒน์ ปชช.มีอำนาจเหนือนายทุนนักการเมือง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
วานนี้ (15 ก.ย.) เมื่อเวลา 22.50 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีปราศรัยบนเวทีภายในทำเนียบรัฐบาลว่า ในวันนี้ตนเพิ่งไปปราศรัยที่บ้านเกิดของตนในอำเภอ ด่านขุนทด และอำเภอเทพารักษ์ จ.นครราชสีมา โดยการไปปราศรัยครั้งนี้ได้มีคนมาถามตนว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ ในครั้งนี้เมื่อไหร่จะชนะ ตนจึงตอบว่าตนก็จะมาถามชาวชนบทนี้แหละว่าเมื่อไหร่จะชนะ เพราะตนอยากมาดูว่าแท้จริงแล้ว คนในชนบทยังมีความคิดแบบที่มองนักการเมืองแตกต่างจากคนในเมืองหลวงหรือไม่ เพราะในหลาย ๆ พื้นที่ในประเทศยังเป็นเช่นนั้นอยู่ คือมองคณะรัฐมนตรีชุดนี้ว่าเป็นคนดี มีความชอบธรรมในการบริหารประเทศ ต่างจากคนเมืองส่วนใหญ่ที่รู้ทันว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่ได้มีความชอบธรรมบริหารประเทศอีกต่อไปแล้ว
“แต่สิ่งที่ได้ไปพบมาในวันนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะคนที่นั่งฟังปราศรัยของตนซึ่งมีประมาณ 300 คน เริ่มมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกับคนในเมืองหลวง คือมีความรู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมรัฐบาล ไม่ได้มองรัฐบาลเป็นคนดีไม่มีที่ติอย่างที่ผ่านมา เมื่อสอบถามก็พบว่า 1 ใน 3 ของผู้ชุมนุมรับชม และรับฟังการถ่ายทอดสดของ ASTV เป็นประจำทุกวัน ทำให้ผมดีใจเป็นอย่างยิ่งที่คนในชนบทเริ่มมีความรู้ทางการเมืองมากขึ้นแล้ว ถือเป็นสัญญาณอันดีของคนภาคอีสานที่เริ่มรู้ทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมืองแล้ว” นายสมเกียรติ ระบุ
นายสมเกียรติ ยังกล่าวถึงกรณีที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งชุดเฉพาะกิจ เพื่อจะดำเนินการอย่างจริงจังในการจับกุม แกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 9 คนที่ออกหมายจับให้ได้โดยเร็วที่สุด แต่ในขณะเดียวกันทางตำรวจกลับเพิ่งลงนามสั่งฟ้องนายจักรภพ เพ็ญแข อดีต รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทั้งที่คดีดังกล่าวมีการฟ้องร้องมาแล้วกว่า 6 เดือน แต่ตำรวจกลับเพิ่งดำเนินการว่า การกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้ ไม่ต่างอะไรกับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อครั้งเหตุการณ์ 14 ต.ค.2516 ที่ตำรวจมุ่งเข้าทำร้ายนักศึกษาและประชาชน ตามคำสั่งรัฐบาล จนหมดความชอบธรรมและไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน ไม่สมกับการยกย่องให้เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
นายสมเกียรติ กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 16 ก.ย.นี้ ทางทนายพันธมิตรฯ จะไปฟ้องร้องให้มีการดำเนินคดีกับนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทั้งชุดที่ได้ทำการเผยแพร่คำกล่าวของนายจักรภพ ที่มีเนื้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในเว็บไซด์ของรัฐบาลไทย ซึ่งก็คาดว่าจะดำเนินการได้แน่เพราะในเมื่อตำรวจสรุปสำนวนส่งฟ้องแล้ว ว่าถ้อยคำที่นายจักรภพกล่าวนั้นมีความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพจริง ดังนั้นการนำถ้อยคำเหล่านั้นไปเผยแพร่ต่อก็ต้องผิดไปด้วย
นอกจากนี้ นายสมเกียรติยังกล่าวถึงกรณีที่ขณะนี้สื่อต่างชาติหลายแห่งต่างตั้งข้อสังเกตว่าพันธมิตรฯ จะเอายังไงกันแน่ ตอนแรกก็แค่คัดค้านแก้ รธน. ต่อมาก็ขับไล่นายกฯ ซึ่งแม้ความต้องการดังกล่าวจะสำเร็จแล้ว แต่เหตุใดยังไม่ยอมเลิกชุมนุม ตนก็ต้องขอบอกไปยังสื่อเหล่านั้นว่า สาเหตุที่เรายังไม่เลิกชุมนุม ก็เพราะเรายังไม่สำเร็จตามจุดมุ่งหมายสูงสุดของพันธมิตรฯ นั่นคือ การกู้ชาติ ให้หมดจากการเมืองที่ทุจริต และฉ้อฉล ซึ่งแม้จะยากเย็น และเต็มไปด้วยอุปสรรคแต่เราก็จะยังไม่ลดละ เพราะคนที่มาร่วมเรียกร้องกับเราก็ล้วนแล้วแต่เสียสละมาร่วมอุดมการณ์ เพื่อจะทำในสิ่งเดียวกัน ดังนั้นหากยังทำไม่ถึงเป้าหมายเราก็จะไม่เลิกชุมนุม
“ทั้งนี้ เพราะอันตรายใหม่ที่ประเทศกำลังจะต้องเผชิญต่อไปก็คือ การหนีเสือปะจระเข้ คือแม้วันนี้รัฐบาลอาจจะยุบสภา แต่การเลือกตั้งครั้งหน้านักการเมืองพวกนี้ก็จะกลับมาอีกอยู่ดี ดังนั้นทางออกเดียวของบ้านเมืองก็คือ การทำให้เกิดประชาภิวัฒน์ขึ้นในสังคมไทย นั่นคือการทำให้อำนาจของประชาชน มีอำนาจเหนือนายทุนที่เป็นนักการเมือง ซึ่งแม้ประชาภิวัฒน์ หรือการเมืองใหม่ที่เสนอโดยพันธมิตรฯ จะเป็นเรื่องที่เกิดได้ยาก เพราะยังต้องใช้ระยะเวลาการดำเนินการผ่านการวิเคราะห์ วิพากษ์วิจารณ์ จากภาคส่วนต่างๆ อีกมาก แต่เราก็ยังยืนยันที่จะทำต่อให้สำเร็จ เพราะเราเชื่อว่า สังคมดี ไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องร่วมกันสร้าง” นายสมเกียรติ กล่าว