ปธ.สภาที่ปรึกษา ปชป.ตอก “ชัย” กระเหี้ยนกระหือรือเร่งเปิดสภาเกินเหตุต้นตอสภาล่ม ชี้พรรครัฐบาลเป็นผู้เสียหน้าเพราะหวั่นคู่แข่งฉวยโอกาส ด้าน “สุเทพ” เชื่อกระแสยุบสภาแค่คำขู่พรรคร่วม ระบุนายกฯ รักษาการยุบสภาไม่ได้
วันนี้ (12 ก.ย.) นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีเหตุการณ์สภาล่มว่า เป็นเพราะประธานสภาได้เรียกประชุมสภาทันที หลังจากที่ได้รับคำตัดสินของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี จากศาลรัฐธรรมนูญแล้ว โดยมีเวลาน้อยมาก ซึ่งได้เตือนตั้งแต่ต้นแล้วว่ากรณีอย่างนี้เป็นเรื่องที่ควรให้เวลาแต่ละฝ่ายเพื่อหาตัวนายกรัฐมนตรีที่เหมาะสม แต่ความที่คิดจะเอาเปรียบ หรือลุกลี้ลุกลนเกินความจำเป็น แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถเลือกได้ ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นความรับผิดชอบของพรรครัฐบาล
“เราก็พูดกันเล่นๆ ว่ากระเหี้ยนกระหือรือ หรือลุกลี้ลุกลนเกินความจำเป็น ในที่สุดพอนัดกันแล้วก็ทำไม่ได้ ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลเป็นผู้นัดหมาย ท่านประธานก็เป็นคนของรัฐบาล ถ้ารัฐบาลไม่พร้อมจะต้องรู้ตัวตั้งแต่ต้น พอนัดหมายแล้วทำไม่ได้ สภาดูประหนึ่งว่ามีปัญหา แต่ทั้งหมดเกิดจากความไม่พร้อมตั้งแต่ต้น และเราเตือนแล้วว่าทำไมรีบร้อนนัก ทำไมไม่ใช้เวลาไตร่ตรองให้รอบคอบ แล้วค่อยมาประชุม ความที่กลัวคนอื่นจะฉวยโอกาส หรือคนอื่นจะมีโอกาส เป็นความกลัวเกินไป ซึ่งความจริงมันเป็นไปไม่ได้ ที่คนอื่นจะมาเป็น ตราบที่รัฐบาลมีเสียงข้างมาก และจับกลุ่มกันอยู่ ดังนั้น ควรเตรียมตัวให้พร้อมเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกฯ ในความเห็นของเขา เรื่องจะจบโดยไม่มีปัญหา แต่นี่นัดโดยลุกลี้ลุกลนเกินไป” นายชวน กล่าว
สำหรับกรณีที่แกนนำพรรคพลังประชาชนระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์บอกว่าจะไม่เข้าร่วม แต่สุดท้ายฉวยโอกาสเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี นั้น นายชวน กล่าวว่า ไม่มีใครบอกเช่นนี้ เพราะย้ำกันตลอดว่าควรดำเนินการตามขั้นตอนของสภา แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่รัฐบาลเสียงข้างมากนัดเอง หากพาลโทษคนอื่นจะยิ่งมีปัญหา
ส่วนหากเสนอชื่อนายสมัครเป็นนายกรัฐมนตรีจะทำให้เกิดปัญหาขัดแย้งหรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ตนไม่ไปก้าวล่วงเสียงข้างมาก หากเห็นว่านายสมัครเหมาะสมก็เสนอไป แต่ในสายตาของตนคิดว่ามีปัญหา ซึ่งได้เตือนไว้ตั้งแต่ต้นว่าการเสนอชื่อบุคคลที่ต้องผ่านกระบวนการที่พระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธ ต้องคิดไว้เผื่อด้วยว่าเมื่อเสนอชื่อโปรดเกล้าฯ แล้ว ต่อมามีปัญหาใครจะรับผิดชอบ และเคยมีกรณีของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว ทั้งนี้ เรื่องที่ตุลาการรัฐธรรมนูญตัดสินก็ถือเป็นเรื่องที่เบาที่สุด เพราะนายสมัครยังมีเรื่องอื่นที่หนักกว่านี้อีกมาก อย่างไรก็ตามจะต้องรอดูว่าเสียงข้างมากจะว่าอย่างไร
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า ทั้งตนและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยมีการตกลงกับนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และไม่ได้ทำให้ใครมีปัญหาอะไร การเข้าประชุมของพรรคประชาธิปัตย์เป็นการทำหน้าที่ตามปกติ
“ไม่ได้พูดกับคุณสมชายว่าไม่ให้เข้าประชุม แต่ก่อนหน้าจะประชุมมีคนต่อโทรศัพท์ให้ผมคุยกับคุณสมชาย ผมจึงบอกคุณสมชายให้ฟังว่าผมเข้าประชุมแต่คงไม่มีผลอะไรเหรอก เพราะพวกผมมีกันแค่ 164 คนเท่านั้น” นายสุเทพ กล่าว
เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ฉวยโอกาส นายสุเทพ กล่าวว่า ฉวยโอกาสแล้วได้ประโยชน์อะไร เพราะพรรคประชาธิปัตย์มีแค่ 164 คน โหวตไปก็ไม่ได้เป็นนายกฯ ตนเข้าใจกฎหมายดี ไม่ได้ฉกฉวยโอกาสอะไร ส่วน ส.ส.พรรคพลังประชาชนตั้งข้อสังเกตว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำเพื่อประโยชน์ทางการเมืองที่ชิงเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์เพราะหวังจะเป็นรัฐบาล เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ย้อนถามว่า “แล้วทำไมรัฐบาลไม่เข้าประชุมเล่าครับ ถ้าตำหนิต้องตำหนิตัวเอง มาตำหนิอะไรคนเข้าประชุม คนนัดประชุมก็เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรอยู่ฝ่ายรัฐบาล ผมบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าการนัดประชุมวันศุกร์เร็วไป ผมเตือนไว้แล้ว พอผมเข้าประชุมท่านไม่เข้าประชุมแล้วยังมาตำหนิผมอีก”
นายสุเทพ กล่าวว่า ส่วนที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรนัดประชุมเพื่อเลือกนายกฯ ใหม่ในวันพุธที่ 17 ก.ย.นี้ ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องไป ตกลงกันเสียก่อนว่าจะเอาอย่างไร ถ้าพูดจากันไม่รู้เรื่องจะชวนฝ่ายค้านไปคุยด้วยก็บอกมาจะได้ไปคุยด้วย เมื่อถามว่าหากฝ่ายรัฐบาลไม่สามารถตกลงกันได้ฝ่ายค้านพร้อมจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า แค่พูดจาให้ตลกไป เรามีแค่ 164 คนจะไปทำอะไรได้ หากรัฐบาลเห็นว่าจะเอาแนวทางไหนหรือจะให้ไปคุยกันก็มาพูดจาตกลงกัน
ต่อข้อถามว่าการเลื่อนไปเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 17 ก.ย.นี้จะมีผลอะไรหรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คงมีเวลายาวขึ้นพรรคการเมืองต่างๆ คงพูดจากันลงตัว ฝ่ายรัฐบาลคงคุยกันได้ เชื่อว่าในที่สุดรัฐบาลจะคุยกันได้ ส่วนกระแสข่าวการยุบสภานั้น นายสุเทพ กล่าวว่า คงเป็นแค่เรื่องขู่กันมากกว่า เพราะนายกรัฐมนตรีรักษาการยุบสภาไม่ได้