“กลุ่มอีสานพัฒนา” ค้านหัวชนฝาไม่หนุน “สมัคร” นั่งนายกฯ เพราะขาดคุณสมบัติ ลั่นไม่กลัวคำขู่ยุบสภา ระบุอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ยืนยันเจตนารมณ์เตือน พปช.อย่าดันทุรังเสนอ “หมัก” เข้าสู่การประชุมสภานัดหน้า ชี้วุ่นวายแน่
วันนี้ (12 ก.ย.) กลุ่มอีสานพัฒนา กลุ่มขุนค้อน กลุ่มโคราช และกลุ่มตัวแทน ส.ส.ภาคเหนือ กทม.กว่า 10 คน นำโดยนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และแกนนำกลุ่มอีสานพัฒนา นายศรีเมือง เจริญศิริ ส.ส.สัดส่วน นายไพจิตร ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม และนายพีรพันธุ์ พาลุสุข ส.ส.สัดส่วน จ.ยโสธร โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า เหตุที่ไม่สามารถเปิดประชุมสภาเพื่อโหวตนายกฯ ได้นั้น เนื่องจากทางกลุ่มต้องการให้มีการเลื่อนออกไปก่อน เพื่อให้พรรคพิจารณาบุคคลที่เหมาะสมเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกฯ ซึ่งทางกลุ่มเห็นว่านายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกฯ เป็นปูชนียบุคคลที่ช่วยเหลือพรรคมาตลอด แต่สถานการณ์การเมืองในขณะนี้เกิดความขัดแย้ง ดังนั้น คนที่มานั่งเป็นนายกฯ จะต้องทำงานประสานกับทุกฝ่ายได้ ซึ่งนายสมัครไม่พร้อมที่จะรับภาระตรงนี้ได้ ทั้งนี้ ตนขอขอบคุณที่มีแนวคิดตรงกับทางกลุ่ม เพื่อผลประโยชน์ของประเทศ ไม่ใช่เพื่อการต่อรองตำแหน่ง
เมื่อถามว่า ทางกลุ่มจะเปลี่ยนใจแล้วกลับมาสนับสนุนนายสมัครหรือไม่ ถ้าผลประโยชน์ลงตัว นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยืนยันไม่เปลี่ยนแปลง เพราะทุกอย่างจบแล้ว ยืนยันเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ ทำเพื่อประเทศชาติเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้มองว่าใครเหมาะสม ทางกลุ่มจะหารือกันอีกครั้ง
เมื่อถามว่า เมื่อตกลงกันไม่ได้ ทางออกคือการยุบสภาใช่หรือไม่ นาย สมศักดิ์ กล่าว่าว่า ไม่ใช่คุยกันไม่ได้ แต่เนื่องจาก ส.ส.พรรคพลังประชาชนมีจำนวนมาก และที่ผ่านมาการสื่อสารไม่ตรงกัน ทำให้ข้อมูลคลาด ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลมองว่าพรรคมีเอกภาพ แต่ความจริงไม่ใช่ ซึ่งจะต้องใช้เวลาที่เหลือไปหารือกันในพรรค ยืนยันว่าในวันพุธที่ 17 ก.ย.นี้พรรคมีความเอกภาพแน่นอน แต่หากพรรคยังเสนอชื่อนายสมัครอยู่ เชื่อว่าจะเกิดความวุ่นวายเช่นเดิม ซึ่งคิดว่ายังมีคนของพรรคที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้
เมื่อถามย้ำว่า มีคำขู่ว่าหากคุยกันไม่ได้ก็ต้องยุบสภา กลัวคำขู่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด เราไม่กลัวขู่ และกลุ่มที่เราทำในขณะนี้
เมื่อถามว่าปัญหาความขัดแย้งเกิดมาจากนายกฯ ที่มาจากพรรคพลังประชาชน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า เรามาตามกติกาและขั้นตอนตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อถามว่า “3 ส” เหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ หรือไม่ จะต้องค้นหาต่อไป ใครเหมาะที่สุดก็คนนั้นเหละ
