อดีตแกนนำ นปก.ตีปี๊บ หนุน “หมัก” ทำประชามติ อ้างแม้รู้ผลว่า ประชาชนจะสนับสนุนรัฐบาลมากกว่า “พันธมิตรฯ” แต่ก็ต้องทำ เพื่อหาทางออกให้สังคม - แค้น “ดร.เสรี วงษ์มณฑา” ลาออกจากที่ปรึกษา รมช.เกษตรฯ มาร่วมกับ “พันธมิตรฯ” จวกเละ พวกไม่มีอุดมการณ์ คิดแต่ว่าฝ่ายไหนชนะ ก็ไปร่วมด้วย
วันนี้ (4 ก.ย.) รายการเพื่อนพ้องน้องพี่ พีทีวีภาคพิเศษ ออกอากาศทางโทรทัศน์ดาวเทียมเอ็มวี 5 ดำเนินรายการโดย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายก่อแก้ว พิกุลทอง หนึ่งในผู้บริหารสถานีโทรทัศน์พีทีวี
เนื้อหาในรายการผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงหลักการ และแนวทางที่คณะรัฐมนตรีมีมติให้ทำประชามติ เพื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนในการแก้ไขวิกฤตชาติ ว่า ความคิดดังกล่าวถือเป็นแนวทางที่ดี ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่มีอยู่ในขณะนี้ ซึ่งถึงแม้รัฐบาลจะรู้ว่าสุดท้ายแล้วผลของประชามติก็คงออกมาว่า ประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังคงสนับสนุนให้รัฐบาลทำงานต่อ และไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ แต่สาเหตุที่ต้องมีการทำ ก็เพราะหากไม่ทำ ปัญหาก็ไม่จบเสียที เนื่องจากไม่ว่ารัฐบาลจะทำอย่างไรกลุ่มพันธมิตรฯ คงไม่ยอมยุติการชุมนุมได้ง่ายๆ และรัฐบาลก็ไม่สามารถใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมได้ ดังนั้น เมื่อบ้านเมืองไม่มีทางออกแล้ว ก็จำเป็นต้องทำประชามติ เพื่อถามความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่ว่าต้องการอะไร
ผู้ดำเนินรายการยังกล่าวเรียกร้องให้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วย กับการทำงานของรัฐบาล หรือไม่ชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า ถึงแม้จะไม่ชอบอย่างไร ก็ขอให้ทุกอย่างดำเนินการไป ตามระบอบประชาธิปไตยที่ควรจะเป็น เช่น คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมที่จะตัดสิน หรือหากไม่ชอบรัฐบาลก็ขอให้รอฟังเสียงประชามติเพื่อตัดสิน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรไปร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยเด็ดขาด เพราะการไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ นอกจากจะทำให้บ้านเมืองเสียหายแล้ว ยังถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ในเรื่องของการบุกรุกสถานที่ราชการ และผิดต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในเรื่องการไปชุมนุมทางการเมืองอีกด้วย
จากนั้นผู้ดำเนินรายการได้กล่าวสร้างความชอบธรรม ในการดำรงตำแหน่งให้กับ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ว่า สาเหตุที่ นายสมัคร ยังไม่ลาออก ก็เพราะ นายสมัคร ไม่ต้องการให้คนเพียงไม่กี่พันที่มาชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ มีอำนาจล้มล้างเสียงของประชาชน ส่วนใหญ่ของประเทศที่เลือกตั้งนายกรัฐมนตรีเข้ามา
ทั้งนี้ ผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า การที่กลุ่มพันธมิตรฯ มักอ้างว่า มีคนมาร่วมชุมนุมเป็นแสนนั้น ไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย เพราะตลอดการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ เคยมีคนมาชุมนุมจำนวนมากที่สุด ก็แค่ 30,000 กว่าคนเท่านั้น ในวันที่บุกไปยังสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ส่วนวันอื่นๆ ก็มีคนเพียงไม่กี่พัน แต่สาเหตุที่เมื่อถ่ายภาพออกมาบางครั้ง ดูว่ามีจำนวนมากนั้น ก็เป็นเพราะสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี มักใช้เทคนิคมุมกล้องในการหลอกตา เลือกถ่ายมุมที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกับว่า มีคนมาชุมนุมกันมากมายเท่านั้น
ในช่วงท้ายรายการ ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงกรณีที่ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ส.ร.50 ได้กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ ว่า ดร.เสรี วงษ์มณฑา ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำลังจะลาออกจากตำแหน่งแล้วมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ในเร็ววันนี้ โดย นายณัฐวุฒิ ได้กล่าวว่า แท้จริงแล้ว ดร.เสรี ก็เคยเป็นอาจารย์ของตนมาก่อน ซึ่งตนก็ให้ความเคารพอยู่ แต่จนถึงตอนนี้ตนก็เริ่มสงสัยว่าแท้จริงแล้วความคิดของ ดร.เสรี เต็มไปด้วยอุดมการณ์ทางประชาธิปไตย หรือมีความคิดเพียงว่า หากฝ่ายไหนชนะก็จะเข้าไปสนับหนุนกับฝ่ายนั้นกันแน่ ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ตนคิดว่า ดร.เสรี คงเข้าใจไปว่า ขณะนี้กลุ่มพันธมิตรฯ มีแนวโน้มว่าจะชนะ จึงรีบโดดเข้าไปร่วมวงกับกลุ่มพันธมิตรฯ เช่นเดียวกับ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ที่มักจะปรากฏตัวบนเวทีพันธมิตรฯ เมื่อกลุ่มพันธมิตรฯบุกไปยึดสถานที่สำคัญๆ ได้ เรียกได้ว่า หากกลุ่มพันธมิตรฯ มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จ นายเจิมศักดิ์ ก็จะไปรีบไปขึ้นเวทีกลุ่มพันธมิตรฯ ทันที
นายวีระ จึงกล่าวเสริมว่า นอกจากนักวิชาการอย่าง ดร.เสรี แล้ว ยังมีนักวิชาการอีกคนที่ตนอยากจะกล่าวถึง นั่นคือ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตคณบดี คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ผู้ซึ่งออกมาให้สัมภาษณ์ชื่นชมกลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ว่า ไม่ใช่ม็อบ แต่เป็นการเมืองแห่งศรัทธา และกล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงนายกรัฐมนตรีได้ ถือเป็นจุดแข็งของการบริหารประเทศ ซึ่งตนฟังแล้วรูสึกรับไม่ได้ ว่า เหตุใดคนที่มีความรู้เป็นถึง ดร.จึงมีความคิดเห็นชื่นชมกลุ่มคนที่ต้องการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอย่างกลุ่มพันธมิตรฯ ได้ ดังนั้น ตนจึงอยากเรียกร้องไปยังผู้คนว่าอย่าได้ไปศรัทธากับนักวิชาการชนิดนี้อีกต่อไปเลย
