“เลี้ยบ” ดูถูกมวลชนร่วมเวทีพันธมิตรฯ เพราะอุปทานหมู่ หลังดูเอเอสทีวีซ้ำๆ จนเกิดความโน้มเอียง ทำไขสือไม่รู้จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของพันธมิตรฯคืออะไร อ้างรัฐบาลไม่ออก-ไม่ยุบ เพราะต้องรักษากติกา “เจิมศักดิ์” สวนกลับ ให้ไปทบทวนเหตุใดประชาชนเบื่อฟรีทีวีและหันมาดูเอเอสทีวี ชี้ ปชช.ร่วมชุมนุมพันธมิตรฯ เพราะไม่ไว้ใจรัฐบาลที่กำลังช่วย “ทักษิณ” ให้พ้นผิด ยันข้ออ้างกอดเก้าอี้ เพื่อรักษา ปชต.ฟังไม่ขึ้น ยกเหตุนายกฯญี่ปุ่นเป็นตัวอย่าง ผู้มีอำนาจต้องเสียสละ เมื่อประชาชนเสื่อมความนิยม
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการตาสว่างทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี คืนวันที่ 3 ก.ย. 2551
รายการ “ตาสว่าง” ทางสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ทีวี ดำเนินรายการโดย นายสัญญา คุณากร และ นายวีระ ธีรภัทร วานนี้ (3 ก.ย.) ได้เชิญ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 และอดีตสมาชิกวุฒิสภา ปี 2543 มาร่วมรายการ ที่มีหัวข้อสนทนาคือ “ทางออกวิกฤตการเมืองไทย”
นพ.สุรพงษ์ กล่าวถึงกรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ในขณะนี้ ว่า โดยส่วนตัวแล้ว ตนคิดว่า สาเหตุที่มีคนมาชุมนุมเป็นจำนวนมากร่วมกับพันธมิตรฯ นั้น เป็นเรื่องของอุปทานหมู่ ที่เมื่อสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ทำการถ่ายทอดความคิดของแกนนำ และคนกลุ่มหนึ่งซ้ำๆ ทุกวัน ก็จะทำให้คนดูเกิดความคิดโน้มเอียง และเชื่อตามข้อมูลที่ได้รับจากเอเอสทีวี สุดท้ายจึงออกมาร่วมชุมนุมกับ พันธมิตรฯ ในที่สุด
ทั้งนี้ สิ่งที่รัฐบาลต้องการถามในขณะนี้ ก็คือ แท้จริงแล้วกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องการอะไร เพราะแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คนพูดไม่เหมือนกันสักครั้ง ว่า ตกลงแล้วรัฐบาลจะต้องทำอย่างไร พันธมิตรฯ ถึงจะยอมยุติการชุมนุมอย่างแท้จริง เพราะตราบใดก็ตามที่พันธมิตรฯ ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนรัฐบาลก็ไม่อาจจะรู้ได้ว่า สุดท้ายแล้วหากรัฐบาลลาออกจริงปัญหาทางการเมืองในทุกวันนี้ จะจบลงอย่างแท้จริงหรือไม่ หรือเป็นการจบปัญหาครั้งนี้ เพื่อที่กลุ่มพันธมิตรฯ อาจจะลุกขึ้นมาเรียกร้องอีกครั้งในอนาคต
นายแพทย์ สุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า สาเหตุที่รัฐบาลไม่ลาออก หรือยุบสภาในตอนนี้ก็เพราะรัฐบาลมองว่า อยากให้การแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง เป็นการแก้ปัญหาได้ในระยะยาว นั่นคือต้องแก้ไปตามกฎกติกาของบ้านเมือง เช่น หากรัฐบาลจะลาออก ก็ต้องเป็นการลาออกไปตามระบบรัฐสภา นั่นคือ มีปัญหาไม่สามารถบริหารประเทศต่อไปได้ แต่ไม่ใช่การลาออกไปตามคำเรียกร้องของคนกลุ่มหนึ่งที่รวมตัวกัน แล้วเข้าไปยึดทำเนียบรัฐบาลเอาไว้ ซึ่งหากรัฐบาลลาออกด้วยสาเหตุนี้ ต่อไปหากมีคนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันปิดทำเนียบรัฐบาลอีก รัฐบาลก็ต้องลาออกอีก ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นการบริหารบ้านเมืองคงไม่มีความเป็นระเบียบ และไม่มีกติกาให้ปฏิบัติตาม
ส่วนกรณีที่อธิการบดีสถาบันการศึกษาต่างๆ รวมถึงองค์กรต่างๆ เริ่มออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลลาออกนั้น ตนมองว่า เมื่อภาคส่วนต่างๆ มีคำแนะนำมา รัฐบาลก็พร้อมรับฟัง แต่ตนก็อยากฝากไปยังอธิการบดีมหาวิทยาลัยต่างๆ และองค์กรต่างๆ เหล่านั้นด้วย ว่าเมื่อแนะนำรัฐบาลแล้วว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป ก็ควรจะบอกกลุ่มพันธมิตรฯ ด้วยว่าควรจะทำอย่างไร เพราะการเสนอทางออกให้สังคม ควรเสนอทางออกให้ครบทุกฝ่าย ไม่ใช่มาบอกแต่ฝ่ายรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว
เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า สิ่งที่รัฐบาลต้องการจากกลุ่มพันธมิตรฯ ในขณะนี้คืออะไร นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ความต้องการของรัฐบาลในขณะนี้ก็คือ อยากให้กลุ่มพันธมิตรฯ ย้ายการชุมนุมออกจากทำเนียบรัฐบาลเสียก่อนเพื่อให้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายไปได้ และเป็นการทำตามคำสั่งศาลและกฎระเบียบของบ้านเมือง ส่วนในทางของรัฐบาลนั้น ก็จะกลับไปพิจารณาหาทางแก้ไขปัญหา ที่พันธมิตรฯ เรียกร้องต่อไป เช่นหากรัฐบาลมองแล้วว่าประชาชนมีความคิดเห็นขัดแย้งกัน คิดเห็นไม่ตรงกัน ก็อาจมีการคืนอำนาจให้ประชาชน โดยการยุบสภาก็เป็นไปได้ แต่ทั้งนี้ก็ยังยืนยันว่ารัฐบาลจะขอให้กระบวนการแก้ปัญหาทุกอย่างเป็นไปตามกฎระเบียบของบ้านเมือง
ด้าน ดร.เจิมศักดิ์ ได้กล่าวโต้แย้งคำพูดของ นพ.สุรพงษ์ ว่า สาเหตุของการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ในปัจจุบัน ไม่ได้เป็นมาจากอุปทานหมู่ โดยได้รับกระแสจาก ASTV อย่างที่ นพ.สุรพงษ์ ตั้งสมมติฐานขึ้นมาเอง เพราะช่องโทรทัศน์ในประเทศก็มีมากมาย ซึ่ง ASTV ก็ไม่มีอำนาจที่จะไปบังคับใคร ให้มารับชมได้ ซึ่งรัฐบาลควรถามตัวเองมากกว่า เหตุใดคนจึงดูเอเอสทีวี ซึ่งเป็นทีวีดาวเทียม แทนที่จะเลือกชมฟรีทีวี ที่เป็นสื่อของรัฐ และกลับไปทบทวนตัวเองว่าเป็นเพราะรัฐบาลดำเนินงานโดยที่ประชาชนไม่เห็นด้วยหรือไม่ ประชาชนจึงต้องเลือกที่จะติดตามสื่อของ ASTV และร่วมเคลื่อนไหวไปกับกลุ่มพันธมิตรฯ
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ในทัศนะของตนแล้ว ตนเชื่อว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ ในปัจจุบัน มาจากการที่ฝ่ายที่ไม่มีอำนาจ เห็นว่า ฝ่ายที่มีอำนาจไว้ใจไม่ได้ เพราะฝ่ายที่มีอำนาจทางการเมืองได้ดำเนินการบริหารบ้านเมือง ไปตามแนวทางที่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพวกพ้องของตัวเองเท่านั้น ดังนั้นเมื่อประชาชนธรรมดา ซึ่งเป็นฝ่ายที่ไม่มีอำนาจรู้ว่า ไม่สามารถไว้วางใจผู้บริหารประเทศได้อีกต่อไป จึงต้องออกมารวมตัวกับคนที่คิดเห็นเหมือนกัน เพื่อรวมพลังเรียกร้องต่อรองกับผู้มีอำนาจ
ทั้งนี้ เป้าหมายสุดท้ายของพันธมิตรฯ ก็คือ ไม่ต้องการรัฐบาลที่เป็นหุ่นเชิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ต้องการรัฐบาลที่ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง เพราะความหมายของประชาธิปไตยในแบบของพันธมิตรฯ ก็คือ ประชาธิปไตยไม่ใช่เพียงการเลือกตั้งเพียงเท่านั้น แต่ประชาธิปไตย คือ การเลือกตัวแทนเพื่อทำประโยชน์ให้กับประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่ว่าเมื่อได้รับการเลือกตั้งเข้ามาแล้วจะสามารถทำอะไรกับบ้านเมืองก็ได้
ดร.เจิมศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีแรงงานรัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่รวมตัวกันกระทำการอารยะขัดขืนโดยการหยุดงานว่า ตนไม่อยากให้สังคมมองว่าเหตุใดคนกลุ่มนี้จึงต้องทำให้สังคมเดือดร้อน แต่อยากให้มองว่า มูลเหตุอะไรที่เป็นแรงผลักดันให้พวกเขาต้องออกมากระทำการมากกว่า เพราะแรงงานรัฐวิสาหกิจเหล่านั้น ก็ไม่ได้อยากจะทำให้ใครเดือดร้อน เพราะมีความเสี่ยงต่อหน้าที่การงานของตัวเขาเองเช่นกัน แต่ที่ต้องทำก็เพราะเขาไม่สามารถกระทำการอะไรได้อีก นอกจากแสดงพลังที่มีอยู่ นำมาเป็นอำนาจต่อรองกับรัฐบาล
“คุณหมอเป็นแพทย์ก็คงจะทราบดีว่า การผ่าตัดไม่มีไม่เจ็บหรอกครับ แต่เพื่อรักษาประเทศในระยะยาวก็ต้องทำ” ดร.เจิมศักดิ์ กล่าว
ผู้ดำเนินรายการถามว่า คิดว่า รัฐบาลควรทำอย่างไร กลุ่มพันธมิตรฯ จึงจะยุติการชุมนุม ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่อาจตอบแทนได้ เพราะตนไม่ใช่แกนนำพันธมิตรฯ แต่โดยส่วนตัวแล้วตนคิดว่า รัฐบาลควรจะยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน หรือ นายสมัครลาออก หรือทำทั้งยุบสภาและลาออกพร้อมกันก็ได้ เรื่องต่างๆ ก็น่าจะคลี่คลายลงได้ แต่รัฐบาลไม่ควรอ้างว่าจะไม่ยอมลาออก หรือยุบสภาง่ายๆ โดยอ้างว่า เพื่อต้องการรักษาประชาธิปไตย ไม่ให้ระบบถูกละเมิดได้ง่ายนั้น ตนคิดว่าฟังไม่ขึ้น
ดร.เจิมศักดิ์ กล่าวยกตัวอย่างด้วยว่า เพราะนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่เพิ่งลาออกก็ยอมลาออกเพราะประชาชนเริ่มหมดความนิยมแล้ว ซึ่งก็เป็นสปิริตทั่วไปของผู้นำประเทศ เพราะหากเสียสละ โดยการลาออก หรือยุบสภาแล้วบ้านเมืองจะดีขึ้น ก็เป็นสิ่งที่ควรที่น่าจะทำมิใช่หรือ ซึ่งก็ต้องถามว่าเพราะเหตุใดรัฐบาลชุดนี้จึงยึดคติ ดื้อเข้าไว้ ทนเข้าไว้ แม้จะเห็นคนปะทะกัน จนเสียชีวิตก็ยังดึงดันไม่ยอมลาออก หรือยุบสภา
ทั้งนี้ หากรัฐบาลจะไม่ยอมฟังพันธมิตรฯ แต่ก็น่าจะฟังเสียงของอธิการบดีมหาวิทยาลัยของรัฐทั้งประเทศ และองค์กรมวลชนภาคต่างๆ ที่เรียกร้องว่า รัฐบาลไม่ต้องหาหรอกว่าใครผิดใครถูก แต่รัฐบาลควรเสียสละโดยการลาออก หรือยุบสภา เพื่อให้ประเทศชาติมีทางออก และรัฐบาลก็ไม่ต้องถามหรอกว่าเหตุใดอธิการบดี และองค์กรเหล่านี้จึงไม่บอกทางออกให้พันธมิตรฯ เพราะในเมื่อรัฐบาล คือ ผู้มีอำนาจ รัฐบาลก็ต้องควรเสียสละ ทำเพื่อประชาชน ไม่ใช่มาเร่งเร้าให้กลุ่มคนที่ไม่มีอำนาจต่อรอง ทำตามความต้องการของรัฐบาลก่อน
“กลุ่มพันธมิตรฯ ไม่ได้มีอำนาจรัฐหรืออำนาจสั่งการใดๆ กับมวลชน แต่ที่สามารถอยู่ได้ทุกวันนี้ก็เพราะสิ่งที่เขาเรียกร้องมีความชอบธรรม ถ้าวันใดที่สิ่งที่พันธมิตรฯ หรือ แกนนำเรียกร้องไม่ชอบธรรม ก็จะไม่มีมวลชนมาเข้าร่วมเอง” ดร.เจิมศักดิ์ กล่าว