วิปฝ่ายค้าน ยื่นหนังสือถึง “ชัย” สอบไอ้โม่งขนม็อบชนพันธมิตรฯ แฉบิ๊ก รมต. โทร.โวย ขนคนมาไม่ถึง 2 พัน
เมื่อเวลา 16.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรค (วิป) ฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ยื่นหนังสือถึง นายชัย ชิดชอบ ประธานสภา เพื่อตรวจสอบกรณีสถานการณ์การปะทะกันระหว่างกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มแนวร่วมประชาธิปตัยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ จนเป็นเหตุให้ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ได้รับหนังสือร้องเรียนจากพยานบุคคลที่เห็นและได้ยินการสนทนา ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 ส.ค.ภายในห้องทำงาน ส.ส.ที่อยู่บริเวณชั้น 1 ของรัฐสภา ผ่านทาง ส.ส.ของพรรค โดยพยานอ้างว่า ทราบว่า มีบุคคลระดับรัฐมนตรีโทรศัพท์ เชิงตำหนิกับใครบางคน ว่า ทำไมขนคนมาแค่ 1,200 คน ไม่ใช่ 2,000 คนตามที่ตกลงไว้ ซึ่งบุคคลปลายสาย ระบุว่า คนชื่อ โจ และ อ้วน ที่เป็นคนจัดการนับคนบอกว่าเอามา 1,600 คน ไม่ใช่ 1,200 คน นอกจากนี้ ยังมีการระบุว่า มีการจ่ายเงินหัวละ 500 บาท พร้อมทั้งจัดเตรียมน้ำอาหารมาด้วย นอกจากนี้ รัฐมนตรีคนดังกล่าวยังย้ำว่า ให้เอาผู้หญิงมามากกว่าผู้ชาย
นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนมีความเป็นห่วงคนที่ให้ข้อมูลมาก เพราะบุคคลดังกล่าวได้ทำหนังสือมายังพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อแจ้งไปยังประธานสภา หากทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งรัฐสภารับรองความปลอดภัย เขาก็พร้อมที่จะให้ข้อมูล เกี่ยวกับข้อมูลจึงได้ทำเป็นหนังสือโดยมีชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องระบุอย่างชัดเจนในเอกสารที่มอบต่อ นายชัย นอกจากนี้ ยังมีพยานรู้เห็นอีกหลายสิบคน
“เราเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพาะหากเป็นจริงตามข้อมูล ระบุ ทางประธานสภาก็จะต้องสอบ และเราจะยื่นให้หน่วยงานเกี่ยวกับความมั่นคงดู เพราะถ้าคนบงการเป็นระดับรัฐมนตรี แล้วมีการจ่ายเงินจ้างม๊อบในสภา จะเป็นเรื่องที่อุกอาจอย่างยิ่งรวมทั้งเป็นการผิดกฎหมายอาญา” นายสาทิตย์ กล่าว
เมื่อถามว่า สามารถเปิดเผยจำนวนเงินในการขนคนมาชุมนุมหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เท่าที่หนังสือระบุมา เพียงบอกเล่าเหตุการณ์ว่า ได้ยินการพูดคุยว่าคุยกันอย่างไร แต่ไม่ได้มีการพูดถึงจำนวนเงินโดยรวมว่ามีจำนวนเท่าใดรวมถึงรายละเอียดอื่นๆ โดยคนให้ข้อมูลได้ทำเป็นหนังสือและลงชื่อรับรองมาเลยถ้าหากเกิดเรื่องนี้มีการดำเนินคดีต่างๆ หรือมีการสอบ เขายินดีมาให้ปากคำเพิ่มเติม
เมื่อถามว่า คาดหวังการสอบสวนของ นายชัย แค่ไหน นายสาทิตย์ กล่าวว่า คงต้องทำตามขั้นตอนไปก่อน เนื่องจากเป็นเรื่องราวเกิดที่สภา และมีการเกี่ยวพันสถานการณ์ใหญ่ของประเทศ จึงต้องยื่นต่อประธานสภา ซึ่งเป็นผู้ดูแลความสงบเรียบเรียบร้อยในสภาก่อน ส่วนควาดหวังหรือไม่นั้นอยู่ที่ นายชัย จะพิจารณา และติดตามว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร
“ผมขอยืนยันว่า ไม่ใช่ประเด็นอื่นๆ ที่ยกขึ้นมาเพื่อให้สอดคลอ้งกับสถานการณ์ทางการเมืองแต่เมื่อคนที่ให้ข้อมูลมายืนยันที่จะเปิดเผยตัว พร้อมที่จะให้ปากคำ ผมคิดว่าเป็นหน้าที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องที่ต้องสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ไม่เช่นนั้นแล้ว สถานการณ์ก็จะบานปลายมากกว่านี้” นายสาทิตย์ กล่าว
เมื่อถามว่า จะมีการยื่นหนังสือถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนคิดว่า ทั้งสองส่วนเป็นเรื่องที่จำเป็นที่จะต้องยื่น ให้ เมื่อถามต่อว่า จะให้ นายสมัคร ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชนตรวจสอบ ส.ส.ในพรรคด้วยหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า เป็นคนละกรณีกัน ตอนนี้ตนยังไม่เอ่ยว่าเป็นใคร แต่กรณีของ ส.ส.ของกลุ่มของท่านเป็นเรื่องที่ชัดเจน ส่วนในคืนที่เกิดเหตุมีสื่อมวลชนที่เห็นตรงกันว่า มี ส.ส.ในกลุ่มของท่านนำประชาชนจากท้องสนามหลวงมาปะทะกับพันธมิตรฯที่สะพานมัฆวาน จนเห็นเหตุให้มีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นที่ไกลเกินไปกว่าที่ท่านายกฯจะสืบสวนสอบสวน แต่เป็นเรื่องที่ท่านนายกฯต้องรับผิดชอบในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชน
เมื่อถามว่า ส.ส.พลังประชาชน พยายามเร่งให้ พล.อ.อนุพงษ์ ดำเนินการตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน นายสาทิตย์ กล่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ ได้ประกาศชัดเจนถึงกรอบอำนาจว่ามีแค่ไหน ซึ่งต้องดูว่าไปเร่งเรื่องอะไรอยู่ในกรอบอำนาจหรือไม่