“สุริยะใส” เชื่อ เหตุพันธมิตรฯถูกนปก.บุกเข้าป่วนจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากวานนี้ เป็นการจงใจสร้างสถานการณ์บีบให้ทหารออกมาห้ำหั่นประชาชน เตือนสติ “ผบ.ทบ.”อย่าตกเป็นเครื่องมือผู้นำเผด็จการที่พิสมัยในความรุนแรง พร้อมแนะศึกษาประวัติศาสตร์เยอรมันที่ทหารใช้มาตรการเด็ดขาดกับนายกฯที่ออกพรก.ฉุกเฉินโดยไม่มีเหตุอันควร เผย ศาลปกครองฯ นัดไต่สวนคำร้องขอเพิกถอนคำสั่งฯวันนี้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสุริยะใส กตะศิลา ปราศรัย
วันนี้( 3ก.ย.) ที่เวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลาประมาณ 01.10น. นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ในอดีตเมื่อครั้งเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ มีการใช้วิทยูยานเกราะในการปลุกระดมอย่างไร วันนี้เอ็นบีคือวิทยุยานเกราะของแท้ กล่าวหาปลุกระดมจนสุกงอมแล้วสุดท้ายก็นำกำลังเข้าล้อมปราบ ยิงห่ากระสุนเข้าไปในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จนคนตายเป็นเบือ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ช่วงเกิดเหตุตนอยู่มัฆวานฯ นั่งเฝ้าดูสถานการณ์กับเจ้าหน้าทีรักษาความปลอดภัย ตั้งแต่1-2ทุ่มที่ทราบว่าเขาจะเคลื่อนกำลังมาที่มัฆวานฯ เฝ้าดูพฤติกรรมของตำรวจว่าจะมีมาตรการป้องปรามอย่างไร ดูจนถึงนาทีสุดท้ายก็ถึงบางอ้อว่า นี่เป็นการจัดฉากซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสมรู้ร่วมคิดอย่างแน่นอน
นายสุริยะใส เผยว่า ทันทีที่ขบวนของฝ่ายนปก.เครื่องมาถึงแยกจปร. หากจากจุดชุมนุมไม่เกิน 300เมตร แทนที่เจ้าหน้าที่จะจริงจังกับการผลักดันให้อยู่กับที่ แต่กลับเปิดทางให้ฝูงชนที่บ้าคลั่งวิ่งฝ่าด่านตำรวจได้ด้วยความง่ายดายพร้อมกับเสียงปืนที่ดังขึ้น วิธีการแบบนี้คล้ายๆกับตอน 6ตุลาฯ 19 เป็นวิธีการที่ทำให้ฝ่ายวตรงกันข้ามขวัญกระเจิงด้วยนัดแรก แต่เดชะบุญหน่วยรักษาความปลอดภัยของเราไม่มีใครตกใจหรือหวาดกลัวแต่อย่างใด วิ่งเข้าใส่ประจันหน้าเมือนนักรบบางระจัน จนเกิดเหตุตะลุมบอนขึ้น นี่คือความผิดคาดของฝ่ายตรงกันข้ามที่คิวด่าเสียงปืนจะทำให้การ์ดของเราหลบกระเจิงแล้วหลบให้เขาเข้ามาทำลายข้าวของที่เวทีพันธมิตรฯ มัฆวานฯ
“กองกำลังส่วนหน้าส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น เราจับได้มากกว่า 10 คน ทุกคนเมา สารภาพว่ารับมา 500 อายุ 17-18ยังมี ส่งตัวกลับให้เจ้าหน้าที่ แต่ทำประวัติไว้หมดเป็นหลักฐานว่าพวกนี้ถูกจัดตั้งมาโดยฝ่ายการเมืองซีกรัฐบาลแน่นอน”นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า เดชะบุญที่เจอกองทัพประชาชนอย่างเราที่รักสงบ ไม่เคยมองฝ่ายตรงกันข้ามว่าเป็นเดรัจฉาน ไม่เคยมองคนที่คิดต่างว่าเป็นพวกอับปรีย์ไป จัญไรมา ไม่เคยคิดว่าคนเหล่านั้นเป็นอมนุษย์ แม้เขาจะทำกับเราเยี่ยงอมนุษย์ก็ตาม ดังนั้นหน่วยรักษาพยาบาลของเราก็รักษาเท่าที่จะรักษาได้ เรารักษาอย่างเท่าเทียมโดยไม่เลือกว่าสวมเสื้อสีแดงหรือสีเหลือง ที่เจ็บเกินกว่าจะรักษาได้ก็ส่งโรงพยาบาลไป
ทั้งนี้นายสุริยะใส กล่าวว่า เป้าหมายปลายทางของฝ่ายตรงกันข้ามไม่ใช่แค่นี้ ไม่พอเท่านี้ เราต้องอ่านให้ออกว่าเขาต้องการสร้างสถานการณ์เพื่ออะไร เขาบรรลุเป้าหมายครึ่งหนึ่งแลกกับศพที่เสียไปหนึ่งศพกับที่บาดเจ็บอีกนับไม่ถ้วน นี่คือความป่าเถื่อนของฝ่ายโน้น ยอมเอาชีวิตของชาวบ้านผู้บริสุทธิ์มาแลกเพื่อจุดมุ่งหมายเพื่อความคลั่งทางการเมืองของคนชื่อสมัคร สุนทรเวช และเนวิน ชิดชอบ
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ปลายทางสูงสุดของฝ่ายโน้นก็ถูกเปิดโปงโดยสิ้นเชิงวันนี้ เมื่อนายสมัคร ฉวยโอกาสจากความรุนแรงที่บรรดาลิ่วล้อตัวเองกำกับและออกแบบตอนเช้าตรู่ แล้วก็ประกาศภาวะฉุกเฉิน พอประกาศปุ๊บ ในบรรดาผู้นำของบ้านเมืองนี้เวลาประกาศภาวะฉุกเฉินปุ๊บสิ่งแรกที่เราเห็นคือรถถัง ตามมาด้วยกองกำลังติดอาวุธ ปรากฏว่าทหารอยู่ในที่ตั้ง ใช้ศาลก็แล้ว ใช้ตำรวจก็แล้วสุดท้ายใช้ทหารก็ล้ม เป็นโมฆะบุรุษไหมนายกฯคนนี้ สั่งใครไม่ได้แล้ว อย่างที่เรียนว่าแมวที่บ้านก็สั่งไม่ได้แล้ว ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะยังหน้าด้านดันทุรังอยู่ไปทำไม เพราะยิ่งอยู่ก็ยิ่งทำให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกบานปลาย
“ฉะนั้นความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จึงถูกเปิดโปงจากสังคมทั้งองคาพยพ ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการที่เคยโลเลไม่รู้จะอยู่ข้างไหน สื่อมวลชนที่ด้านหนึ่งก็ตรวจสอบเรา ด้านหนึ่งก็วิจารณ์ฝ่ายตรงข้าม คณาจารย์หลายมหาวิทยาลัย น้องๆนักศึกษาหลายสถาบัน ต่างตบเท้าออกมาเรียกร้องให้สมัคร สุนทรเวช ลาออก เป็นสุ้มเสียงการกดดันจากสังคมครุนแรงมากกว่าทุกครั้งที่เราเคลื่อนไหวมา 102วัน ข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับพรุ่งนี้ วาระของสื่อสารมวลชนพรุ่งนี้เป็นข้อสรุปร่วมกันว่า สมัคร สุนทรเวช ต้องออกจากอำนาจเท่านั้น บ้านเมืองถึงจะไปรอด โทษฐานที่สมัครต้องรับผิดชอบไม่ใช่เพียงเพราะการล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินเท่านั้น แต่อย่างที่เรียนว่าสมัครรู้เห็นเป็นใจและไฟเขียวให้กับความรุนแรงเมื่อคืน”นายสุริยะใส กล่าว
ทั้งนี้ นายสุริยะใส ยังระบุถึงการเคลื่อนขบวนของนปก.มายังมัฆวานฯคืนวานที่อ้างว่าเพื่อมายื่นข้อเรียกร้องเท่านั้น ไม่น่าเชื่อ เพราะเห็นได้ชัดเจนว่าเจตนาจะมาหาเรื่อง เราก็ต้องตราหน้ารัฐบาลหุ่นเชิดว่าพาคนมาตาย แล้วมีความตายเกิดขึ้น เขาพยายามกล่าวหาว่าการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ กำลังจะพาคนไปตาย แต่วันนี้ฝ่ายเขาทำแล้ว พาผู้บริสุทธิ์มาตายและบาดเจ็บนับร้อย แต่ยังไม่หยุด วันนี้ก็ทำเป็นพูดดีว่าเคารพกติกา ไปรวมกันที่บ้านนายประชา ประสพดี ที่สมุทรปราการ เพราะอยู่นอกเขตควบคุมของพรก.ฉุกเฉิน ถามกลับว่าถ้าเคารพกฎหมายทำไมยุให้นายใหญ่หนีคดี เขาเรียกว่าเป็นสองมาตรฐาน อ้างกฎหมายในด้านที่ตัวเองได้เปรียบ
นายสุริยะใส กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ขอใช้โอกาสนี้สื่อสารของผบ.ทบ. ในฐานะประธานบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน มี 3 คน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ., พล.ต.อ.พัชรวาท วงศ์สุวรรณ ผบ.ตร., พล.ท.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 1 ต้องขบคิดถึงถ้อยแถลงของท่านที่บอกว่าจะใช้หลักการเจรจากับผู้ชุมนุม ไม่ใช้กำลังเข้าแก้ปัญหา ฟังดูดีเหมือนสถานการณ์ของบ้านเมืองมีคำตอบในเร็ววัน แต่ตนไม่ได้คิดเช่นนั้น ไม่ใช่บอกว่าท่านตัดสินใจผิด แต่ท่านกำลังตัดสินใจในลักษณะแข็งขืนต่อคำสั่งของนายสมัคร เพราะนายสมัครต้องการให้กองทัพเข้าสลายเราทันทีที่คำสั่งออก นั่นเป็นภาพที่นายสมัครอยกาเห็น เพราะนายสมัครมีวิธีคิดว่าต้องใช้ความรุนแรงเข้าจัดการปัญหา เหมือนเมื่อครั้ง 6 ตุลาฯ19 ที่นายสมัครก็รู้เห็นเป็นใจ
นายสุริยะใส กล่าวอีกว่า ฉะนั้นแรงกดดันจากนี้ 2-3วัน แรงกดดันจากนปก. จะกดดันไปที่ทั้ง 3 ว่าทำไมไม่ใช้กำลังสลายพันธมิตรฯ แล้วก็จะกล่าวหาว่าทหารรู้เห็นเป็นใจกับเรา ผมจึงอยากเรียนท่านผบ.ทบ.และทหารหลายเหล่าทัพว่า ท่านต้องเตรียมรับมือ เพราะตอนนี้เริ่มออกแถลงการณ์ เริ่มโจมตีกลับว่าผบ.ทบ.ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ฝ่ายโน้นเขาไม่สนใจแต่เขาต้องการยืมมือทหารมาเล่นพวกเรา เพราะใช้ตำรวจแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ใช้ทุกวิถีทางแล้วไม่สามารถสลายการชุมนุมได้
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า กฎหมายทีขาดความชอบธรรม ขาดหลักนิติธรรม ยุติธรรม ไม่ถือว่ากฎหมายเราต้องฉีกทิ้ง ถ้าตนเป็นผบ.ทบ.จะใช้กรณีเหมือนกองทัพเยอรมัน ทันทีที่นายกฯประกาศพรก.ฉุกเฉินทั้งๆที่ไม่มีเหตุ ทหารไม่เล่นด้วย จับตัวนายกฯเยอรมันทันทีข้อหากบฏ ฝากท่านผบ.ทบ.ไปคิดกรณีที่เกิดขึ้นกับเยอรมัน ว่าการประกาศพรก.ฉูกเฉินวันนี้ ที่สภาทนายความค้าน นักวิชาการค้าน ฯลฯ หลายฝ่ายค้าน ว่าเป็นการประกาศฯที่ไม่ชอบด้วยสถานการณ์และรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นถือ่ว่าสมัครเป็นกบฏใช่ไหม ที่สำคัญทนายความของเราไปยื่นขอไต่สวนฉุกเฉินศาลปกครองสงสุด และศาลรับคำร้อง
“สมมติว่าหากพรุ่งนี้บ่าย ศาลเพิกถอนคำสั่งฯ สงสัยว่าเราต้องตั้งหน่วยไล่ล่ากบฏชื่อสมัคร สุนทรเวช ทันที พรุ่งนี้ก็จะชี้ขาดอีกประเด็นว่า พรก.ฉุกเฉินออกโดยมิชอบใครจะรับผิดชอบ เราเตรียมถามหาความรับผิดชอบจากรัฐบาลนี้ให้ดี ถ้าไม่มีความรับผิดชอบ เราก็ต้องมีมาตรการดำเนินการ บ้านเมืองมีขื่อมีแป ไม่พอใจอะไรใครจะออกคำสั่งโดยพลการไม่ได้ ทำบรรทัดฐานแบบนี้ให้กับการบริหารปกครอง เป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่เราสามารถรับมื่อกับพรก.ฉุกเฉินได้ ทำให้การชุมนุมของเราชอบธรรมสูงขึ้นอย่างมากมาย และมีคนออกมาต่อต้านจำนวนมาก ฉะนั้นถ้าพรุ่งนี้นายสมัครยังดื้อ มาตรการต่อไปคือตัดน้ำตัดไฟโดยสรส. 43 แห่ง”
นายสุริยะใส ยังกล่าวด้วยว่า นายสมัคร เป็นนายกฯในวัยบั้นปลายชีวิตทางการเมือง ถ้าเป็นตนคงจะไถ่บาปเมื่อครั้ง 6ตุลาฯ ที่มีส่วนรู้เห็น แต่เหตุการณ์เมื่อคืนได้ตอกย้ำว่าเรามีผู้นำที่อำนาจนิยม และใช้ความรุนแรงเข้าแก้ปัญหาชื่อสมัคร สุนทรเวช ที่ประวัติศาสตร์ทางการเมืองจะต้องจารึกไว้แน่นอน ที่น่าเวทนาที่สุด คือคนเดือนตุลาฯที่ถูกกระทำในครั้งนั้น กลับออกมาแถลงข่าวสนับสนุนให้นายสมัครอยู่ในตำแหน่งต่อ ที่น่าเวทนากว่านั้นนายจรัล ดิษฐาอภิชัย อยู่ในขบวนการรุนแรงที่ทำให้มีคนเสียชีวิตเมื่อคืน อย่างไรก็ตาม จากนี้ไปเขาจะเพิ่มแรงกดดันไปที่กองทัพให้ออกมาควบคามสถานการณ์ แต่ตนไม่เชื่อว่ากองทัพจะเล่นด้วย
นอกจากนั้น นายสุริยะใส ยังกล่าวถึงมาตรการตัดน้ำตัดไฟของสหภาพรัฐวิสาหกิจทั้ง 43 แห่งด้วยว่า ประชาชนโดยทั่วไปไม่ต้องกังวล เพราะเราจะจำกัดวงผลกระทบเฉพาะแหล่งซ่อมสุมของบรรดาหุ่นเชิดเท่านั้น ชาวบ้านไม่เดือดร้อน ถึงจะเดือดร้อนก็ต้องน้อยที่สุด แต่เราต้องเสียสละเพื่อส่วนรวม