“ประสงค์” จวก “พัลลภ” ทะลึ่ง ตั้งกองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รอดู “จิ๋ว” รับลูกนั่ง ผบ.สส.เถื่อนหรือไม่ ลั่นหากรับรัฐบาลจับกุมได้ทันทีข้อหากบฏ ชี้ก่อตั้งคล้ายกองกำลังปลดแอกของพรรคคอมมิวนิสต์ เชื่อแค่ขู่ แนะรัฐเชิญตัว 2 ทหารเลว คาสนามบินสอบปากคำ รับสุดเซ็ง “จิ๋ว” เคยทำดีแต่บัดนี้ทำพลาดตลอด จับตาหลังวาเลนไทน์ “ปลวกแดง” ป่วนเดือดกว่าสงกรานต์เลือด แนะระวังทหารแก่ปฏิบัติการลับหลังเกิดจลาจล จี้รัฐตัดไฟแต่ต้นลม แต่เชื่อคนบ้าอย่าง “นช.แม้ว” ไม่ยอมแพ้แน่
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (4 ก.พ.) ที่สถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ผ่านรายการสภาท่าพระอาทิตย์ ถึงกรณีที่พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย และพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิทหารบก ประกาศว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี จะจัดตั้งกองทัพประชาชนแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตยในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ประธานพรรคเพื่อไทย เป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของกองทัพว่า ในเรื่องนี้ตนทราบมานานแล้ว และตนมองว่าเป็นการกระทำที่ทะลึ่ง ทั้งนี้ ตนจะรอดูว่า พล.อ.ชวลิต จะพูดอย่างไรกับกรณีดังกล่าว ซึ่งถ้า พล.อ.ชวลิต พูดตกลงยอมรับในตำแหน่งตามนั้นรัฐบาลก็สามารถจับกุมได้ในข้อหากบฏทันที ส่วนที่จะนำมวลชนมาสู้อำนาจรัฐนั้น ถ้าดูการทำงานของกองทัพดังกล่าวก็จะคล้ายๆกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่จัดตั้งกองกำลังปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย ตามหลักที่ว่า มีพรรค มีแนวร่วม มีกองกำลัง แต่ของพรรคคอมมิวนิสต์เขามีพื้นที่ และมีกองกำลังติดอาวุธ แต่กองทัพของ พล.อ.ชวลิต นั้นต่างกัน เพราะการที่มีแนวคิดแบบนี้ก็เพียงเพื่อข่มขู่รัฐบาลโดยอ้างว่าจะใช้กองกำลังประชาชนเข้าต่อสู้ และเป็นการปลอบใจพรรคพวกตัวเอง แบบบ้าๆ บอๆ ปล่อยเพ้อฟันไป ซึ่งไม่มีใครยอมรับได้เพราะเป็นเรื่องที่ผิดกฏหมาย โดยรัฐบาลจะต้องออกหมายเรียก พล.ต.ขัตติยะ และ พล.อ.พัลลภ เชิญไปสอบปากคำสักถามความเป็นมาเป็นไป ถ้าบุคคลทั้ง 2 กลับมาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถึงประเทศไทยในวันนี้ ก็ควรเชิญตัวไปเลย ส่วน พล.อ.ชวลิต ให้ผู้สื่อข่าวลองสอบถามดูก่อน เพราะตนเองก็อยากฟังเหมือนกันว่าจะตอบอย่างไร
น.ต.ประสงค์ กล่าวต่อว่า ตนยอมรับว่าผิดหวังในตัว พล.อ.ชวลิต มากในระยะนี้ ซึ่งตนเคยร่วมงานกันมาตั้งแต่สมัยปราบปรามผู้ก่อการคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย ในขณะนั้น พล.อ.ชวลิต ถือเป็นกำลังสำคัญในการรักษาความมั่นคงบ้านเมือง แต่เมื่อเข้าสู่วงการการเมืองกลับรู้สึกว่า พล.อ.ชวลิต เดินทางไปในทางที่น่าผิดหวังทุกก้าวย่าง การที่ได้สั่งสมความดีความชอบ ถือน้ำพิพัฒน์สัตยา ได้เหรียญกล้าหาญ แต่มาทำตัวแบบนี้น่าผิดหวัง และตนก็ไม่เชื่อว่า พล.อ.ชวลิต จะใช้แผนลับลวงพรางเป็นระเบิดพลีชีพยอมเจ็บตัวเป็นไส้ศึกของ พ.ต.ท.ทักษิณ แน่นอน ส่วนที่จะรับตำแหน่งดังกล่าวหรือไม่ โดยส่วนตัวตนคิดว่า พล.อ.ชวลิต ไม่ใช่คนโง่ แม้จะคิดอยากเป็นนายกรัฐมนตรีหรืออะไรก็ตาม แต่ตนคิดว่าการที่ พล.อ.ชวลิต เสียคนเป็นเพราะคนใกล้ชิดมากกว่า เพราะทุกอย่างที่ทำมีคนชี้นำให้ตลอด แต่ถ้าจะไม่โทษ พล.อ.ชวลิต ก็ไม่ได้ เพราะเป็นผู้ใหญ่แล้วควรรู้จักผิดชอบชั่วดี อะไรถูกอะไรผิด
ขณะที่เหตุการณ์ความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้น ตนอยากให้จับตาดูตั้งแต่ช่วงหลังเทศกาลตรุษจีน 14-26 กุมภาพันธ์ จะมีการชุมนุมใหญ่ โดยจะเพิ่มระดับความรุนแรงของการชุมนุมมากกว่าเดือนเมษายน 52 สำหรับบุคคลที่มีหน้าที่รักษาความปลอดภัยนั้น จะประมาทไม่ได้ เพราะประชาชนที่มาร่วมชุมนุมมาจากหลากหลายสถานที่หากเกิดทำเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น คนส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมชุมนุมก็จะเฮโลพากันทำตามโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่น ใช้ระเบิดขวด เผาสถานที่ราชการ ซึ่งหน่วยงานที่รักษาความปลอดภัยจะต้องทำงานให้รัดกุม เพราะฝ่ายนั้นจะยั่วยุต่อเนื่อง ส่วนทางภาครัฐก็จะต้องจัดการตัดไฟแต่ต้นลม จับตัวคนไม่กี่คนที่จ้องจะป่วนให้ได้ก่อน ขณะที่การจัดมวลชนให้ไปชุมนุมตามหน่วยทหาร ก็ถือเป็นการยั่วยุให้ทหารเกิดความรู้สึกอยากใช้ความรุนแรง ทั้งนี้ ทหารจะต้อง อดทน อดกลั้น ให้ระลึกไว้ว่า มันยังไม่ถึงเวลา เพราะคนที่จัดการหัวขบวนพวกนี้คือรัฐบาล ถ้ารัฐใช้อำนาจเป็นเหตุการณ์จะไม่บานปลาย แต่ทั้งนี้ตนขอให้จับตาดูบรรดาทหารเกษียณต่างๆ ที่อาจจะเดินทางไปจัดตั้งกลุ่มกำลังเพื่อก่อเหตุหลังเกิดการจลาจลขึ้นได้ ซึ่งตนมองว่า ถ้าหากว่ารัฐเริ่มตัดไฟแต่ต้นลมตั้งแต่บัดนี้ เรื่องทุกอย่างก็จะเบาลงไป นอกเสียจากว่ารัฐบาลจะคิดทำงานกันไม่เป็น ซึ่งตนก็รู้สึกหนักใจในหลายเรื่อง โดยเฉพาะด้านข่าวกรอง ที่มีเจ้าหน้าที่บางคนมาระบุกับตนว่า บางคนที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคง กลับไม่นำแผนที่เจ้าหน้าที่รายงานไปวางแผนเตรียมการ แค่นำขึ้นมาดูและให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวแล้วก็จบ
ส่วนโอกาสชนะของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า ตนอยากให้พิจารณาว่าจำนวนกำลังในคราวนี้จะแบ่งกำลังเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเข้า กทม. อีกส่วนอยู่ในพื้นที่จังหวัดต่างๆ แล้วก็จะมีการชุมนุมเพื่อข่มขู่ให้หน่วยงานราชการรู้สึกหวั่นไหว รวมทั้งในกรุงเทพฯ แต่ทั้งนี้อาจมีกองกำลังที่มองไม่เห็น ทั้งในและนอกกองทัพ รวมถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วนที่พร้อมจะดำเนินการบางอย่างหลังเกิดเหตุการณ์จลาจล และเบื้องหลังการตัดสินใจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในครั้งนี้ ก็หวังจะชนะให้ได้ โดยไม่คำนึงถึงประเทศชาติ ซึ่งจะมีจุดสูงสุดอยู่ที่ก่อนวันพิพากษาคดียึดทรัพย์ 76,000 ล้านบาท แต่ถ้าไม่สำเร็จก็มีสถานการณ์ไปเรื่อยๆ ตั้งแต่หลังวันที่ 26 กุมภาพันธ์ จนถึงช่วงกลางมีนาคม ขณะที่โอกาสที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะยอมแพ้นั้น ตนคิดว่าคนบ้าจะไม่คิดโยนผ้ายอมแพ้แน่นอน
นอกจากนี้ น.ต.ประสงค์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า เชื่อว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ความุรนแรงขึ้นว่า ถ้ามองในแง่ดี ตนคิดว่า พล.อ.อนุพงษ์ ไม่อยากให้ประชาชนรู้สึกตกใจ แต่ตนก็เชื่อว่า ผบ.ทบ.จะมอบหมายงานบางสิ่งไปแล้ว แต่ถ้าตนมอง พล.อ.อนุพงษ์ ผิดไปก็ต้องขอโทษประชาชนด้วย แต่ส่วนตัวตนไม่อยากจะพูดอะไรมากสำหรับ ผบ.ทบ.ยุคนี้ เพราะความน่าเกรงขามลดลงไปอย่างมาก