xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ” สาปส่ง “เติ้ง-เหนาะ” สุมหัวรัฐบาลชั่ว ดูถูกพลังมวลชนเจ้าของประเทศ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
“สนธิ” อนาถใจ 2 นักการเมืองเฒ่า “เติ้ง-เหนาะ” ทำตัวเป็นนักฉวยโอกาส เกาะขาร่วมรัฐบาลชั่ว ใส่ร้ายประชาชนที่ออกมากู้ชาติ โดยไม่พูดถึงต้นเหตุที่ต้องถูกพลังมวลชนนับแสน ยอมเสียสละความสุขสบาย ลุกขึ้นมาขับไล่ แนะคนสุพรรณ-สระแก้ว ให้เสียค่าโง่เป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกล่าวเตือน “จงรัก” หากคิดทำร้ายพสกนิกร แม้เลือดเพียง 1 หยด จะถูกจดเข้าบัญชีแค้นของประชาชน

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย 

เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 31 ส.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงกรณีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย ซึ่งเป็น 1 ใน 5 พรรคร่วมรัฐบาล ได้ออกมาโจมตีการชุมนุมของพันธมิตร โดยระว่า มีความไม่เหมาะสมเพราะมีการบุกสถานที่ราชการ อีกหน่อยใครไม่พอใจก็ลุกขึ้นมารวมตัวขับไล่รัฐบาล โดยไม่มีเหตุผล ตรงนี้นายสนธิได้แสดงความรู้สึกอนาถใจกับนักการเมืองพันธุ์ชั่ว เพราะประชาชนเขาเป็นเจ้าของประเทศ กำลังร่วมกันขับไล่รัฐบาลโจรที่กำลังปล้นประเทศไม่ได้หรืออย่างไร

นายสนธิ กล่าวว่า หากการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงภายใน 1-2 วันนี้ ชาวสุพรรณบุรีคงต้องเจ็บใจเป็นครั้งสุดท้ายที่เสียค่าโง่ รวมไปถึงชาวอ่างทอง และชัยนาท อย่าได้เลือกนักการเมืองพรรคชาติไทยมาอีกเลยแม้แต่คนเดียว โดยเฉพาะตระกูลศิลปอาชา ขอให้สิ้นสุดกันแค่นี้

“อีกคนที่อยากกล่าวถึงคือ นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ที่บอกว่าธรรมย่อมชนะอธรรม ถุย! เรามาหัวเราะมันหน่อยครับ เพราะมันบอกว่ามันอยู่ข้างธรรมะ เคยสร้างภาพมาขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ที่สนามหลวง ที่แท้ก็อุจจาระเต็มกางเกง พี่น้องชาวสระแก้วคงรู้ อย่าไปเลือกตระกูลเทียนทองเข้ามาอีก เพราะเราไม่ใช่กลุ่มอันธพาล”

นายสนธิ ระบุว่า ประชาชนที่เข้ามาชุมนุมหลายแสนคน เพราะมีความเดือดร้อนมากมายจากการกระทำของรัฐบาล เขายอมเสียสละจากที่เคยนอนฟูก เคยสระผม อ่านหนังสือ ฟังเพลงแบบสบายๆ แต่ยอมมายากลำบาก ตากฝน ตากแดดร้อน ต้องแบ่งกันเข้าห้องน้ำเล็กๆ มันไม่สนุกเลย แต่พวกเราต้องมาลำบากเข้าห้องน้ำแคบๆ เพื่อไล่รัฐบาลโจรปล้นชาติของเรา เพราะนักการเมืองมันเป็นโจร แต่ตำรวจมันก็ร่วมมือกับโจรด้วย

“พวกผมมากู้ชาติบ้านกู้เมือง เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อราชบัลลังก์ ราชวงศ์ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะตอนนี้ มีแต่พวกเราเท่านั้น ที่ต้องการต่อสู้เพื่อรักษาราชบัลลังก์ อย่างแท้จริง”

นายสนธิ กล่าวถึงกรณีที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ออกมาพูดเองว่า ต้องเลือกข้างว่า เพิ่งรู้หรือไง เพราะพันธมิตรฯ เขาเลือกข้างมานานแล้ว

นายสนธิ กล่าวเพิ่มเติมว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงกังวลส่งคนมาดูแลพันธมิตรฯ แสดงว่าท่านได้เลือกข้างแล้ว เพราะท่านเป็นห่วงประชาชน กรณีที่มีการบาดเจ็บ ท่านก็ส่งหน่วยกาชาดเข้ามาดูแลประชาชนของพระองค์ท่าน

นายสนธิ กล่าวเตือนไปยัง พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่เข้ามาทำหน้าที่ดูแลการชุมนุมแทน พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งมี พ.ต.อ.โกวิท วัฒนะ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อยู่เบื้องหลัง หากจะคิดสั่งลูกน้องหรือกลุ่มอันธพาลลุยเข้ามาลุยทำร้าย ควรจะต้องคิดให้หนักว่า ประชาชนในที่นี้ ทุกคนเป็นพสกนิกรของพระเจ้าอยู่หัว

“เลือดหนึ่งหยดของประชาชน หรือดวงตาของประชาชนที่ต้องปวดแสบปวดร้อนจากแก๊สน้ำตา เป็นความเจ็บปวดของพระเจ้าอยู่หัว ที่พวกคุณมารังแกพสกนิกรของท่าน พวกคุณเข้ามาไล่ทำร้ายได้อย่างไร ในเมื่อพวกเขามาปกป้องพระองค์ท่านอยู่ ผมว่า พรุ่งนี้ หรือมะรืนนี้เป็นอย่างช้า คงได้เห็นความชัดเจน เพราะเป็นสงครามครั้งสุดท้าย” นายสนธิ กล่าวและเสริมว่า “ครั้งนี้เราจะไม่มีวันยอมแพ้ งานนี้ตายเป็นตาย พวกเราไม่กลัวอยู่แล้ว เพราะเราต่อสู้เพื่อประเทศ ชาติบ้านเมือง และสถาบันพระมหากษัตริย์ ถ้าพวกเจ้าหน้าที่และลูกสมุนเข้ามารังแก เราจะสู้ยิบตา อย่านึกว่าประชาชนจับอาวุธไม่เป็นนะครับ แต่พวกเราไม่กลัว เพราะพวกเรามีมือตบเป็นอาวุธ”

นายสนธิ กล่าวย้ำว่า มือตบที่ใช้ในการชุมนุมมาตลอดกว่า 90 วันนั้น เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่กว่ากระสุนปืนใหญ่ เพราะมาจากจิตใจที่บริสุทธิ์ และเอาธรรมนำหน้า หากนายเสนาะไม่รู้ว่า ธรรมะของพันธมิตรฯ เป็นอย่างไร ขอให้ช่างภาพถ่ายรูปมือตบ ที่เป็นสัญญลักษณ์ของธรรมะที่อยู่ในมือของทุกคน

นายสนธิ กล่าวอีกว่า ขอให้พีน้องที่ชุมนุมใช้ความอดทนต่อไปอีกนิด เพราะคงไม่นานจะมีสำนักข่าว CNN เข้ามาถ่ายทำข่าวของเราว่า พวกเราชนะด้วยมือตบได้อย่างไร

นายสนธิ ยังกล่าวถึงทีมสำนักข่าวจากเยอรมนีได้แสดงความแปลกใจเมื่อไปถ่ายทำแถวเต็นท์ชุมชนของคนใต้ ซึ่งอยู่รวมกันทั้งหมด พวกเขาเสียสละมาก มีการตั้งแถวยาว 30 คน พอเดินเข้าไปถาม พวกเขาตอบว่ามีการผลัดเปลี่ยนกำลัง เพราะชุดใหม่จะเข้ามาแทนแล้ว โดยเฉพาะจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งมีนักธุรกิจสนับสนุนเต็มที่ หรืออย่างเจ้าของโรงแรมที่สมุยก็ยังมาทำกับข้าวเลี้ยงพวกเรา

“ผมลืมฝากบอกนายเสนาะ เพราะว่าพี่น้องประชาชน จ.สระแก้ว ก็มากันเยอะ พี่น้องคงรู้ว่า คนที่แก่เพราะกินข้าวเฒ่าเพราะอยู่นาน คือ นายเสนาะ และนายบรรหาร ที่จะต้องหมดยุคไป ผมทำนายว่าทั้ง 2 คนนี้ เป็นโอกาสครั้งสุดท้ายของชีวิตพวกคุณ เพราะเราจะเอาเชียงราย สุพรรณบุรี บุรีรัมย์ และอีกหลายจังหวัด ที่พวกมันคิดว่าเป็นของมัน คืนมาเป็นของประชาชน”

นายสนธิ กล่าวอีกว่า ได้ไปสังเกตความเป็นอยู่ของพี่น้องที่มาร่วมชุมนุม พบว่ามีการอยู่ร่วมกันแบบสงบ สันติ และยาวนาน จนกลายเป็นสังคมที่ต่างวัฒนธรรม เอื้ออาทร มีการแบ่งปันทั้งน้ำใจ และข้าวปลาอาหาร เราไม่ได้สร้างภราดรภาพตามทฤษฎี แต่เป็นภราดรภาพที่เราได้ทำกันจริงๆ ผมมองว่าตรงนี้ เป็นการเมืองใหม่ เพราะทุกคนมาจากหลากหลายวัฒนธรรม คนใน 3 หวัดชายแดนใต้ก็มี หลายคนยังเอาลูกเด็กเล็กแดงมาด้วย โดยเขาบอกว่า ต้องการให้เด็กได้เรียนรู้ถึงการต่อสู้ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม

นายสนธิ ยังได้กล่าวขออภัยไปยังคนที่ต้องการเข้ามาร่วมถ่ายภาพด้วย เพราะไม่สามารถยืนนิ่งได้นานๆ โดยประชาชนมีการเข้ามาต่อเนื่องโดยตลอดจนไม่สามารถเดินต่อไปไหนได้อีก พร้อมแสดงความรู้สึกที่แท้จริงว่า ตนเองมีความสุขมากกับการที่ได้ร่วมถ่ายภาพกับพี่น้องประชาชน โดยตอนนี้ ยังคิดไม่ออกว่า จะสามารถร่วมถ่ายรูปกับพี่น้องได้ครบเป็นแสนๆ คนนี้ได้อย่างไร

นายสนธิ กล่าวให้พี่น้องที่ร่วมชุมนุมอดทน ไม่ใช่เพื่อตนเอง แต่เพื่อชาติบ้านเมืองและพระเจ้าอยู่หัว ให้ฝ่ายตรงข้ามรู้ว่า มีประชาชนจำนวนมากที่ยืนข้างพระองค์ท่าน ถึงจะเหนื่อยยากสักเพียงใด ก็จะอดทนตลอดไป

นายสนธิ ยังกล่าวฝากทิ้งท้ายไปถึง พล.ต.อ.จงรักว่าหากคิดจะทำอะไร ให้คิดถึงอนาคต เพราะหากท่านเดินผิดเพียงนิดเดียว หรือประชาชนเห็นอะไรผิด คนทั่วประเทศจะรุมทึ้งท่าน ถ้าประชาชนเป็นอะไรไป คนที่ต้องรับผิดชอบ คือ นายสมัคร, พล.ต.อ.โกวิท, พล.ต.ท.อชิรวิทย์ สุพรรณเภสัช, พล.ต.ท.จุมพล มั่นหมาย, พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์, พล.ต.ท.ชลอ ชูวงศ์ โดยมี พล.ต.อ.จงรัก เป็นคงสั่งการ

โดยทั้ง 7 คนนี้ ให้พ่อแม่พี่น้องจำไว้ชั่วลูกชั่วหลาน หากประชาชนเป็นอะไรไป พ่อแม่พี่น้องต้องออกมารุมประณาม หากได้เลื่อนยศก็ต้องออกมารุมคัดค้าน ประชาชนทั่วประเทศ ต้องออกมาต้านให้รู้เช่นเห็นชาติกันไปเลย หากประชาชนฟื้นขึ้นมาได้ เราจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลง
กำลังโหลดความคิดเห็น