“มล.ณัฎฐกรณ์ เทวกุล” อวดรู้ผ่าน NBT เชื่อเดาใจแกนนำ “พันธมิตรฯ” ไม่ผิดแน่ ว่าจากนี้จะยกระดับการชุมนุม โดยเคลื่นมวลชนไปในที่ซึ่งรัฐบาลยอมไม่ได้ เพื่อกดดันให้สลายการชุมนุม แล้วรอทหาร ออกมาขอนายกพระราชทาน เตือน รบ.หากไม่จับตัวแกนนำพันธมิตรฯ จะบริหารประเทศยากขึ้น - แจงเหตุเปลี่ยนใจไม่ชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.เพราะรู้ตัวว่าสู้ “อภิรักษ์” ไม่ได้
วันนี้ (28 ส.ค.) ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ สถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ได้ยกเลิกรายการตามผังปกติ เพื่อดำเนินรายการ “เกาะติดสถานการณ์ พันธมิตร ยึดเมือง” ดำเนินรายการโดย นายอดิศักดิ์ ศรีสม และ ตวงพร อัศววิไล โดยในช่วงหนึ่งผู้ดำเนินรายการได้เชิญ ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ผู้ประกาศข่าว และผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ มาร่วมพูดคุยแสดงความคิดเห็นถึงกรณีความปลอดภัยของสื่อมวลชน ในการติดตามทำข่าวการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ โดย มล.ณัฎกรณ์ กล่าวว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯ ในตอนนี้ตนมองว่า สื่อมวลชนมีความเสี่ยงสูงในการทำข่าวการชุมนุมของพันธมิตรฯ เพราะแกนนำพันธมิตรฯ ไม่สามารถดูแลการ์ดของพันธมิตรฯ ได้ทั่วถึง
จึงทำให้สื่อมวลชนเข้าออกได้ลำบาก เพราะการ์ดทำงานค่อนข้างเข้มงวด เนื่องจากต้องป้องกันกลุ่มก่อกวนที่อาจแอบแฝงเข้ามา แต่อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่า พันธมิตรฯ ก็พยายามแล้วที่จะดูแลความปลอดภัยให้สื่อมวลชนกระแสหลัก เพราะก็คงไม่อยากสร้างศัตรูเพิ่ม แต่ปัญหา ก็คือ แกนนำจะดูแลความปลอดภัยให้สื่อมวลชน ได้ทั่วถึงจริงหรือ
นอกจากนี้ ม.ล.ณัฎฐกรณ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี บอกให้สื่อมวลชนเลือกข้างเมื่อวันที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น เป็นการบอกให้สื่อมวลชนเลือกที่จะรายงานข่าวอย่างถูกต้องมากกว่า คงไม่ได้หมายถึงสั่งว่าให้ต้องมาเข้าข้างรัฐบาล หรือเลือกเข้าข้างกลุ่มพันธมิตรฯ
ม.ล.ณัฏฐกรณ์ แสดงทัศนะต่อไปว่า ตนเห็นด้วยว่า การเมืองภาคประชาชน อย่างที่กลุ่มพันธมิตรฯ ดำเนินการอยู่เป็นเรื่องที่ดีในระบอบประชาธิปไตย แต่การดำเนินการจะต้องทำด้วยการเคารพต่อกฎหมาย และตนก็เชื่อว่า การที่ประชาชนยกพวกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาลนั้น ยังไงเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และเป็นการละเมิดกฎหมายอย่างแน่ชัด
ดังนั้น เมื่อตอนนี้กลุ่มพันธมิตรฯ กำลังละเมิดกฎหมาย ก็ต้องมีการดำเนินการขั้นเด็ดขาดเพื่อรักษาความสงบของบ้านเมืองเอาไว้ ทั้งนี้ ตนไม่ได้สนับสนุนให้เกิดความรุนแรงขึ้นในบ้านเมือง แต่ตนมองว่าหากรัฐบาลไม่นำกฎหมายมาบังคับใช้อย่างเคร่งครัด การบริหารบ้านเมืองจะเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะกฎหมายจะหมดความศักดิ์สิทธิ์ แล้วคนก็จะละเมิดกฎหมายกันได้ง่ายๆ
ม.ล.ณัฎฐกรณ์ กล่าวด้วยว่า ตนแน่ใจว่า ตนสามารถเดาใจแกนนำพันธมิตรฯ ถูกแน่ ว่าจากนี้หากนายก ไม่สลายการชุมนุม กลุ่มพันธมิตรฯ จะยกระดับการต่อสู้ขึ้นไปอีก คือจะเคลื่อนย้ายมวลชนออกจากทำเนียบรัฐบาลแล้วไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งจะเป็นที่ที่ รัฐบาลยอมไม่ได้แน่ อย่างไรก็ต้องสลายการชุมนุม แล้วพอถึงเวลานั้นเมื่อเกิดความรุนแรงขึ้น ทหารก็จะต้องออกมาระงับเหตุ แล้ว ดำเนินการขอนายกพระราชทาน เพื่อให้บริหารบ้านเมืองต่อไปสักระยะหนึ่ง เพื่อให้แน่ใจว่าอำนาจทางการเมือง ของ พ.ต.ท.ทักษิณ หมดไปแล้วจริงๆ เมื่อนั้นจึงจะบรรลุตามจุดมุ่งหมายของกลุ่มพันธมิตรฯ แต่อย่างไรก็ตาม หากเหตุการณ์ไม่ได้เป็นอย่างที่ตนคาดเอาไว้ ก็คงเป็นเพราะสิ่งที่ตนพูดนี้ได้ไปดักคอ แกนนำพันธมิตรฯ เอาไว้นั่นเอง
ในช่วงท้ายรายการผู้ดำเนินรายการได้สอบถามถึงเรื่องส่วนตัว ว่าเหตุใด ม.ล.ณัฎฐกรณ์ จึงเปลี่ยนใจไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยประกาศไว้ว่าจะลงสมัคร ม.ล.ณัฎฐกรณ์ กล่าวว่า เป็นเพราะเมื่อตนได้ประเมินสถานการณ์แล้วก็ต้องยอมรับว่าในพื้นที่ กรุงเทพฯ นั้นฐานเสียงของพรรคประชาธิปัตย์แข็งแกร่งมาก และผู้ว่าฯอภิรักษ์ โกษะโยธินเอง ก็เป็นผู้ว่าฯที่มีผลงานมาเยอะ และความด่างพรอย น้อยมาก ดังนั้น ตนก็ประเมินว่า ตนเหมือนเป็นรถคันเล็ก หากไปทำการชนกับรถบรรทุกแล้วอย่างไรก็คงแพ้ เราก็ต้องรู้ตัวว่าควรจะถอยมาก่อน ดังนั้นเรื่องการเมืองก็คงเป็นเรื่องของอนาคตจะดีกว่า ส่วนในตอนนี้คงทำหน้าที่ทางด้านสื่อสารมวลชนไปก่อน