xs
xsm
sm
md
lg

“สรยุทธ” ยันจูบปาก “ปลื้ม” พร้อมแจง บ.ไร่ส้ม ได้ความเป็นธรรมคืนแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“สรยุทธ” ยันเลิฟกันดีกับ “คุณปลื้ม” ลั่นเป็นเหมือนพี่น้องพร้อมร่วมงานได้อีกครั้ง ยกอีกฝ่ายเป็นขุนพลข่าว ส่วนตนเป็นผู้ปั้นคนข่าวให้ช่อง ด้านคดี บ.ไร่ส้ม ยังอยู่ในขั้นตอนของกฎหมาย บอกตนถูกตกเป็นจำเลยมานาน ฟุ้งทุกวันนี้ยืนอยู่ได้อย่างแข็งแรง เพราะแฟนรายการมั่นใจในความบริสุทธิ์ มั่นใจได้รับความเป็นธรรมคืน

หลังจากมีกระแสข่าวว่า “คุณปลื้ม ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล” ยอมกลับมาขอโทษกับทางพิธีกรชื่อดัง “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” ผู้ปลุกปั้นให้เขากลายเป็นที่รู้จักช่วงที่ไม่กินเส้นกันครั้งก่อนจนต้องถอนตัวออกจากรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” และมาบัดนี้เขาก็ได้กลับมาเล่าข่าวอีกรอบให้กับวิกพระราม 4

โดยก่อนหน้านี้ “คุณปลื้ม” ได้ให้สัมภาษณ์ว่า พิธีกรเรื่องเล่าฯ เป็นผู้ที่เคารพและมีบุญคุณกับเขามากแต่ไม่ยอมเอ่ยปากว่าได้เข้าไปขอโทษตามข่าวจริงหรือไม่ คราวนี้พอเจอตัวพิธีกรชื่อดัง สอบถามเรื่องดังกล่าว เจ้าตัวชี้แจงแค่เป็นการพูดคุยเพื่อเข้ามาร่วมงานอีกครั้ง ไม่อยากให้เรียกเป็นการขอโทษ

“อย่าไปเรียกว่าขอโทษ ก็มาคุยกัน เขาก็มาพบก็มาคุยกันว่าเขาจะมาร่วมงานยังไงก็ว่ากันไป ก็ปกติเป็นพี่น้องกัน ก็ดี อย่าไปทำเป็นเรื่องใหญ่ ถึงเวลาก็จะรู้เองว่าไม่มีอะไร บอกตั้งแต่ตอนนั้นแล้วในที่สุดต่างคนต่างมีเวลาไปหาประสบการณ์ถึงเวลาก็มารวมตัวกัน”

ยืนยันสามารถร่วมงานได้อีกครั้ง พร้อมแจงผู้ประกาศข่าวหน้าเก่าที่เป็นน้องใหม่ของวิก 3 ไม่มีผลกับการแย่งงานข่าว

“ร่วมงานกันได้แต่ต้องดูจังหวะเท่านั้นแหละ ทำไมจะไม่มีโอกาสก็อยู่บ้านหลังเดียวกัน ดูเป็นเกาเหลามั้ยล่ะ ไม่มี คุณปลื้มเขาก็เป็นขุนพลข่าวคนสำคัญคนนึงเพราะฉะนั้นก็ต้องไปสร้างรายการใหม่ๆ ให้ช่อง 3 มันไม่จำเป็นต้องมารวมกันทั้งหมด ทุกช่วงข่าวที่บอกผมก็มีหน้าที่หาคนสร้างแล้วก็ป้อนให้ช่อง ก็เหมือนกับว่าในฐานะอาวุโสหน่อยก็มีหน้าที่เห็นใครมีแววก็มาสร้างแล้วก็ส่งช่องไปทำเป็นช่วงหลักๆ”

“เบียดอะไร ทุกวันนี้ความจริงต้องทำมากกว่านี้แต่บอกไม่ไหว มี 4 รายการแล้ว 7 วันไม่ได้หยุดแล้ว ดูนักข่าวเยอะนี่คือความคึกคัก ช่อง 3 ต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่าเสือหลายตัวอยู่ถ้ำเดียวกันได้เพราะเราต้องเป็นเอกภาพ ต่างคนต่างมีหน้าที่แล้วทุกคนจะเติบโตในช่องทางของเขาได้ ทุกวันนี้เวลาข่าวเกิน 50 เปอร์เซ็นต์ในแต่ละวันใครจะไปทำได้ขนาดนั้น เพราะฉะนั้นทุกคนก็ต้องเติบโตในช่วงเวลานั้นๆ เราก็จะเติบโตไปด้วยกัน อยู่ถ้ำเดียวกันได้สบายๆ อย่างมีความสุข”

ลั่นกลายเป็นคนของ 3 เต็มตัว ฟุ้งตนทำให้พื้นที่โฆษณาในรายการเต็มทุกช่วง

“ออ ชัดเจนๆ โอ้โห! จะไปไหนอีกละเวลาไม่มีแล้วต้องแยกร่าง ไม่ๆ ไม่ไปไหน แน่นจริงๆ มีรายการมากมาย ถ้าย้อนกลับไปสักปีนึงผมก็ไม่คิดว่าวันนี้จะเป็นแบบนี้นะ ยังเติบโตได้ดีในแง่ของคนดู เรื่องเล่าเช้านี้ โดนทุกปี ปีละ 2 ครั้งก็ประมาณมาท้าชิงเปลี่ยนโน่นเปลี่ยนนี่ วันนี้เขาก็เพิ่งเอาตัวเลขมาให้ดูว่าโอ้โห ห่างมาก เรตติ้งดีมาก เรตติ้งชนิดที่รวมกันแล้วคนดูในเวลานั้นทั้งหมด 60 เปอร์เซ็นต์ของเช้า เรื่องเด่นเย็นนี้ เข้ามาถึงปุ๊บ ทีแรกก็กลัวการเข้ามาของผมทำให้ช่องขึ้นราคาค่าโฆษณาอีก 75 เปอร์เซ็นต์ ตอนแรกบอกกดดัน มโหฬ่ารมหาศาลเลย เขาเพิ่มเราเข้ามาแต่ขึ้นราคาขนาดนี้ แต่คงไม่มีรายการไหนขึ้นราคาได้ขนาดนี้ ทุกวันนี้ก็ไปได้ดี”

“เรื่องเล่า-เสาร์ อาทิตย์ ตั้งแต่จัดรายการมา มีเงินก็ซื้อโฆษณาไม่ได้เพราะเต็มตลอด เรตติ้งก็ดีนี่เดี๋ยวจะหาว่าคุย จับเข่าคุยทีแรกก็หนักใจว่าจะเป็นยังไง ที่สุดก็เหมือนกันในปีนี้อาจเพราะช่อง 3 ดีมากๆ ทุกวันนี้โฆษณาไม่มีขาย เต็มหมดไม่มีที่ให้ลง”

จากนั้นถามถึงความคืบหน้าเรื่องคดีของ บริษัท ไร่ส้ม ของพิธีกรชื่อดัง โดยถูกกล่าวหาว่าบริษัทได้แอบหมกเม็ดเงินค่าโฆษณาที่จะต้องจ่ายให้กับทาง อสมท.เป็นจำนวนเงินหลายสิบล้านบาท เกี่ยวกับเรื่องนี้เจ้าตัวชี้แจงยังอยู่ในกระบวนของกฎหมาย บอกหลังจากที่ตนต้องตกเป็นจำเลยมายาวนาน เชื่อแฟนรายการเข้าใจในความบริสุทธิ์

“ก็ว่ากันไปตามขั้นตอนขบวนการไม่มีปัญหาอะไรต้องรอดู ติดตามดูกันแล้วกัน เรามีทนายที่คอยดูอยู่ ไม่มีปัญหา มันก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าขบวนการยุติธรรมเป็นยังไงและขั้นตอนขบวนการตรวจสอบเป็นยังไง เพราะฉะนั้นอย่างที่บอกว่ายุคของการกล่าวหาผมก็ตกเป็นจำเลยมานานพอสมควร ผมเชื่อว่าสังคมติดตามและตอนนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นพอสมควรว่าคนดู แฟนรายการ แฟนข่าวเขาเชื่อมั่น ไม่อย่างนั้นคนที่โดนขนาดนี้คงมายืนอยู่อย่างนี้ไม่ได้”

“เพราะฉะนั้นที่เหลืออยู่ในกระบวนการยุติธรรม ผมก็เชื่อในกระบวนการยุติธรรมจะให้ความเป็นธรรมก็จะได้พิสูจน์ว่าอะไรเป็นอะไร ต้องได้ความเป็นธรรมคืนมาสิ ทำไมไม่ได้ ปีนี้รู้ผลมั้ยมันคงไม่เร็วมันก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนมันก็ต้องผ่านช่วงที่ตกเป็นจำเลยของคนกลุ่มหนึ่งก็ไม่เป็นปัญหาเลย นี่คือการพยายามที่จะพิสูจน์ให้เห็น เราเป็นคนข่าวเราไม่ควรจะเป็นข่าวเสียเอง ให้สู้ไปตามกระบวนการพอเวลากระบวนการยุติธรรมก็จะเป็นคนบอก”

ถามต่อว่ากังวลมั้ยว่าอาจจะออกมาในรูปแบบที่เราอาจไม่พอใจ พิธีกรเรื่องเล่าฯ ยอมรับช่วงแรกกังวล

“สิ่งที่กังวลตอนนั้นคือเรื่องคนดู ไอ้เรื่องความมั่นใจมันมั่นใจมาตลอดอยู่แล้ว สิ่งที่ยากที่สุดคือพิสูจน์ตัวเองกับคนดูและถึงวันนี้คงเป็นคำตอบพอสมควรเพราะว่าโอ้โห คงไม่มีคนข่าวคนไหนโดนขนาดนั้นมั้ง ผมก็ออกมาและยืนอยู่ได้และก็มั่นคงทีเดียว แข็งแรง ส่วนเรื่องข้อกล่าวหาก็คือการกล่าวหา ฉะนั้นก็พิสูจน์ไม่ได้ยากอะไรเลย”


กำลังโหลดความคิดเห็น