xs
xsm
sm
md
lg

“ชัยสิทธิ์” จวกศาลตั้งศัตรูพิพากษา “น้องแม้ว”- อ้างเป็นหนามยอกอกใครบางคน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร
“ชัยสิทธิ์” ออกโรงกระเตง “ทักษิณ” อ้างหนีคดีไปอยู่อังกฤษ เพราะผลพวงการปฏิวัติและมีกฏหมู่กดดันรัฐบาล ฟูมฟายเหมือนเมืองไทยไม่มีกฎหมายจนคนดีอยู่ไม่ได้ โบ้ยมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง เฉไฉอ้าง “น้องแม้ว” เป็นหนามยอกอกใครบางคน เพราะเป็นที่รักของ ปชช.จนดีและเด่นกว่า จวกกระบวนการยุติธรรมเอาศัตรูมาเป็นผู้พิพากษา คตส.ก็มีแต่คนเกลียดทักษิณ อ้างน้องชายจะกลับเมื่อกระบวนการยุติธรรมเป็นไปตามความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ โอ่แม้จะเลิกเล่นการเมือง แต่บารมียังอยู่เพียบ เพราะมีคนรักคนชอบ กันท่า “บิ๊กป๊อก” ห้ามวางคนของตัวเองคุมกองทัพ

หลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ชินวัตร หนีคดีอาญาไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 11 ส.ค.พร้อมกับได้ออกแถลงการณ์ใส่ร้ายกระบวนการยุติธรรมของไทย ว่า ถูกแทรกแซง และไม่ให้ความเป็นธรรมกับตนเองแล้ว ล่าสุด บุคคลในตระกูลชินวัตร ได้ออกมาให้ความเห็นในทำนองหมิ่นเหม่ต่อการละเมิดอำนาจศาลอีกครั้ง โดยเมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และอดีตผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งเป็นลูกพี่อลูกน้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์รายการ “ลับ ลวง พราง” ทางสถานีวิทยุ เอฟเอ็ม 100.5 เมกะเฮิรตซ์ ถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน หนีคดีไปยังประเทศอังกฤษ ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้คนมองไม่ดีเท่าไหร่ ไม่เฉพาะคนไทย แต่รวมถึงต่างประเทศที่มองเราอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น ในฐานะคนไทยตนรู้สึกอึดอัด ที่ผ่านมา ตนวางตัวเฉยมาตลอด เพราะคิดว่าความยุติธรรมต้องมีในโลก แต่ตอนนี้รู้สึกชอบกล เชื่อว่า น่าจะเป็นผลพวงจากการปฏิวัติ และมีกฎหมู่มากดดัน

พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ไม่เข้าใจเมืองไทยว่าไม่มีกฎหมาย หรือมีกฎหมาย แต่คนไทยไม่เชื่อกัน ดังนั้น คนดีจึงอยู่ไม่ไหว อึดอัดว่าทำไมถึงไม่จบเสียที ต้องยอมรับว่าคนไทยอยู่ในบรรยากาศที่อึมครึมและไม่สบายใจกันทุกคน หากทุกสิ่งทุกอย่างทำโปร่งใสก็จะทำให้ใสไปหมด แต่ขณะนี้ตนในฐานะที่วางตัวเป็นกลางมาโดยตลอดรู้สึกว่าชอบกล

“ไหนบอกว่าเป็นประชาธิปไตย แต่นี่มันไม่ใช่ ประชาชนหวังว่าเลือกตั้งเสร็จคงจะจบ แต่กลับมีอย่างนี้มาโดยตลอด จึงทำให้เกิดความอึดอัดทั้งในไทยและต่างประเทศ ขอให้ดูว่ารัฐบาลถูกบีบคั้นขนาดไหน กฎหมู่มากดรัฐบาลอยู่ตลอดเวลาทำให้ทำงานไม่ได้ หากใครมาอยู่ก็อึดอัด เขาเป็นใครมาจากไหนไม่หยุดเสียที จุดยืนอยู่ตรงไหน การจองล้างจองผลาญเป็นนิสัยหนึ่งของคนไทยอยู่แล้ว แต่เราต้องการประจานให้ทั่วโลกรับทราบหรือ”

พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ จะต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังแน่นอน ไม่ใช่ธรรมดา แต่น่าจะมีการให้อภัย และหันเข้ามาพูดความจริงกัน หากมีการอภัยกันก็น่าจะจบ เพราะอีกข้างหนึ่งเขาไม่มีทางสู้ แต่ประชาชนยังรัก พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่ เพราะคุณงามความดีเขามี หากเขาทำไม่ดีคงไม่มีใครเลือกเขาเข้ามาหรอก หากเป็นประชาธิปไตย เมื่อให้ประชาชนเลือกก็ต้องจบ แต่เลือกมาแล้วกลับบอกว่าไม่ใช่

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องหนีไปนอกจากเรื่องคดีแล้ว ยังเป็นเพราะเรื่องความปลอดภัยด้วยหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ประจวบเหมาะกันทุกสิ่งทุกอย่าง คือ ถ้าคนนี้ยังไม่ตายก็ยังเป็นหนามยอกอกเขาอยู่ ซึ่งไม่ใช่ เพราะเขาเป็นที่รักของประชาชน ผิดตรงไหนที่คนรักเขา คนทำความดี ถูกใจประชาชนกลายเป็นทำดีทำเด่นเหนือกว่า จึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นมา ความจริงประชาชนเลือกเขาเข้ามาควรจะจบตรงนั้นก่อน

พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนกระบวนการยุติธรรมต้องให้ความยุติธรรมเขา เราก็รู้อยู่ เอาศัตรูมาเป็นผู้พิพากษาก็ตายอยู่แล้ว แทนที่จะเลือกคนดี มีความยุติธรรมในบ้านเมืองเข้ามาทำงาน แต่ตั้ง คตส.เลือกแต่คนที่เกลียด พ.ต.ท.ทักษิณ เข้ามาทำงาน ไม่ว่าเป็นใครก็ตาย คำว่า ประชาธิปไตย คือต้องวินัย มีสปิริต และมีกฎหมาย ไม่ใช่ประชาธิปไตยของตัวเองเท่านั้นจึงจะถูกต้อง หากเป็นอย่างนี้คงไม่จบ

เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะได้กลับมาเมืองไทยหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องอนาคต หากรูปการคดีเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม และเป็นไปตามความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่ไม่ใช่ประชาชนส่วนน้อย

เมื่อถามว่า ที่มองว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหนามยอกอก เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีทีท่าที่จะวางมือทางการเมืองใช่หรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ถึงแม้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเลิกเล่นการเมือง แต่บารมีเขายังมีอยู่ และคนที่รักเขายังมีอยู่ เหมือนทุกคนที่เคยมีบารมีที่จะต้องมีลูกน้อง และคนรักคนชอบอยู่ และคนชังก็มี ดังนั้น ถึงแม้เขาจะอยู่เฉยๆ แต่บารมีเขามีเป็นที่นิยมชมชอบ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็จะเป็นที่ชื่นอกชื่นใจ ความอิจฉาควรจะหมดไปได้แล้ว เพราะประเทศชาติแย่จริงๆ แล้ว และคนที่ห่วงบ้านเมืองไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร ่

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีความเป็นห่วงกองทัพหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ตนอยากให้มีการเฉลี่ยความสามารถไม่ใช่ให้น้ำหนักแก่คนใดคนหนึ่งหรือในกองทัพใดกองทัพหนึ่ง และไม่อยากให้มีกองพันทหารญาติอยู่ ซึ่งสมัยที่ตนเป็นผบ.ทบ.ดูขีดความสามารถของบุคคลเท่านั้น ในสมัยตนไม่มีเรื่องรุ่น เพราะแต่ละรุ่นมีคนดี คนเลว ไม่ใช่รุ่นนี้ใหญ่ที่สุด ตนไม่เชื่อรุ่นไหนจะเก่งเพียงรุ่นเดียว แต่เชื่อว่า ผบ.ทบ.คนนี้คงคิดได้ ทั้งนี้อย่าคิดว่า ทหารปฏิวัติแล้วคืออำนาจถาวร การปกครองลูกน้องหรือเฉลี่ยขีดความสามารถตามกองทัพต่างๆ กองทัพมีอยู่ 4 กองทัพ ไม่ใช่ว่ากองทัพนี้เป็นสายของเราเท่านั้นหรือคนนี้ต้องเป็นเด็กของตน เมื่อเกษียณไปตนก็ยังสั่งได้ แสดงว่า เป็นการวางตัวเพื่อปฏิวัติตลอด

“อยากให้กองทัพมีความเป็นกลาง นำคนที่มีความสามารถขึ้นมา และหูตา ผบ.ทบ.ต้องกว้าง ให้ความเป็นธรรมกับเขา ไม่ใช่ว่าคนจากกองทัพอื่นมีขีดความสามารถเก่งขนาดไหนก็ขึ้นไม่ได้ ถือว่าไม่ยุติธรรม หรือทหารกรุงเทพฯ เท่านั้น จึงจะเป็นใหญ่เป็นโตได้ ถือว่าไม่ถูกต้อง เหมือนคนกรุงเทพฯต้องเป็นใหญ่ที่สุดก็ไม่ถูกต้อง เพราะมีตั้งหลายจังหวัด ดังนั้น กองทัพต้องนำคนที่มีความสามรถมาพิจารณา ไม่ใช่ว่าเป็นคนของใคร สายไหน เพราะจะทำให้แตกแยก และคนที่ไม่ดีจะน้อยใจ ทหารมีข้อดีคืออดทนมาก และจำเป็นต้องยอมรับ แต่วันหนึ่งไม่แน่ หากเป็นเช่นนี้กองทัพจะไม่เข้มแข็ง เกิดความแตกแยก แบ่งพรรคพวกแต่คิดว่า ผบ.ทบ.คงคิดได้เหมือนผม และคงไม่ทำอะไรไปในแนวที่ผมพูดไป” พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น