ป.ป.ช.เล็งถก ขอตัว “แม้ว” เป็นผู้ร้ายข้ามแดน มาดำเนินคดีในไทยสัปดาห์หน้า ยอมรับอนาคตคดีที่เกี่ยวกับ “ทักษิณ” อาจมีปัญหาในการนำตัวจำเลยมาปรากฏตัวต่อหน้าศาล “วิชา” เผย “อภิรักษ์” รับทราบรายชื่ออนุกรรมไต่สวน ป.ป.ช.คดีรถดับเพลิงแล้ว ขณะเดียวกันหวั่นสภาคว่ำ กม.ป.ป.ช.
วันนี้ (22 ส.ค.) นายวิชา มหาคุณ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ในการประชุม ป.ป.ช.สัปดาห์หน้าจะมีการหารือเกี่ยวกับข้อกฎหมายในการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มาดำเนินคดีในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน เนื่องจาก ป.ป.ช.เป็นหน่วยงานที่รับคดีต่อจากคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำผิดที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) มาดำเนินการต่อจึงเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.โดยตรงที่จะดำเนินการเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ในอนาคตคดีที่เกี่ยวกับอดีตนายกฯที่กำลังจะขึ้นศาลอาจจะมีปัญหาเกี่ยวกับการนำตัวจำเลยมาปรากฏตัวต่อหน้าศาล ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ก็จะเหมือนกับการไต่สวนคดีที่ดินรัชดาฯช่วงแรกที่มีการจำหน่ายคดีในส่วนของ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการชั่วคราวจนกว่าจะนำตัวจำเลยมาขึ้นศาลได้ ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการประสานขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน คือ อัยการสูงสุด
นายวิชา กล่าวว่า สำหรับกรณีที่ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.ได้ระบุว่า ไม่ได้รับหนังสือในการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีรถดับเพลิงของ ป.ป.ช.ว่า เรื่องนี้ ป.ป.ช.ได้ส่งหนังสือให้ นายอภิรักษ์ ไปแล้ว ซึ่ง นายอภิรักษ์ ตอบกลับมาว่า ยอมรับในรายชื่อคณะอนุกรรมการไต่สวนของ ป.ป.ช.ทุกคน มีเพียงแต่ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ที่คัดค้านคณะอนุกรรมการไต่สวนทุกคน ทั้งนี้ นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช.ได้ส่งหนังสือตอบไปยังนายสมัครแล้ว ว่า การตั้งคณะอนุกรรมการของ ป.ป.ช.ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
นายวิชา กล่าวว่า นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ยังได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการประสานงานในการเสนอกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ ป.ป.ช.ซึ่งมีวาระสำคัญ คือ การติดตามความคืบหน้าในการเสนอร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ฉบับที่ ...) พ.ศ...ซึ่ง ป.ป.ช.ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวให้สภาผู้แทนราษฎรไปแล้วตั้งแต่วันที่ 13 มิ.ย.ทำให้เป็นห่วงว่า จะมีการพิจารณาทันหรือไม่ เพราะกฎหมายดังกล่าวจะต้องพิจารณาให้เสร็จภายในวันที่ 29 ก.ย.
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชน จะคว่ำร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ นายวิชา กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้ เพราะการออกกฎหมายเป็นอำนาจโดยชอบธรรมของฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งนี้ ในมาตรา 55 ที่เกี่ยวข้องกับการยุติปฏิบัติหน้าที่ของบุคคลที่ถูกชี้มูลความผิด ป.ป.ช.ยังคงยืนตาม พ.ร.บ.ฉบับปัจจุบัน เพราะ ป.ป.ช.ไม่ต้องการแก้ไขในสาระสำคัญที่มีอยู่แล้ว แต่คาดว่าในขั้นตอนของการแปรญัตติอาจจะมีการแก้ไขได้
“สำหรับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ยืนยันว่า เป็นการทำให้การตรวจสอบอำนาจรัฐเป็นระบบมากขึ้น รวมไปถึงช่วยให้มีการบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธฺภาพ ประกอบกับยังมีบทบัญญัติที่บังคับให้หน่วยงานต่างๆ ต้องให้ความร่วมมมือกับ ป.ป.ช.ในการตรวจสอบการทุจริตไม่ใช่เพิกเฉยเหมือนในอดีตที่ผ่านมา” นายวิชา กล่าว
