ส.ว.เรืองไกร ตามราวี 56 ส.ส.วิปรัฐบาล ยื่น กกต.สอบรับเบี้ยเลี้ยงประชุม สิ้นสมาชิกสภาพตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106(6) หรือไม่ พร้อมยื่น ป.ป.ช.สอบ “จักรภพ” แจ้งบัญชีทรัพย์สินอันเป็นเท็จ พบพิรุธ! หุ้นเพื่อนพ้องน้องพี่ไม่ตรงข้อเท็จจริง
วันนี้ (21 ส.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา แถลงว่า ได้ยื่นเรื่องเพิ่มเติมให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่ากระทำขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 263 หรือไม่ เนื่องจากตรวจสอบพบในเอกสาร บมจ.5 ของกระทรวงพาณิชย์ ว่านายจักรภพถือหุ้นในบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จำกัด รวมมูลค่า 10 ล้านบาท และในบริษัท พีทีวี ทีวีเพื่อประชาชน อีก 1 ล้านบาท แต่ได้โอนหุ้นทั้งหมดไปเมื่อวันที่ 15 ม.ค.51 นายจักรภพน่าจะมีทรัพย์สินจาการโอนหุ้นรวมประมาณ 11 ล้านบาท แต่จากการตรวจสอบการยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 6 ก.พ.51 กลับระบุว่ามีทรัพย์สินรวมสุทธิ 8.46 ล้านบาท ซึ่งเห็นว่าตัวเลขทรัพย์สินดังกล่าวแตกต่างกันสมควร จึงได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบและ ถ้ามีมูลให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป ถึงแม้นายจักรภพจะพ้นตำแหน่งไปแล้วก็ต้องยื่นทรัพย์สินหลังพ้นตำแหน่ง
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังส่งเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบกรณีสมาชิกภาพของ ส.ส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 106 (6)หรือไม่เนื่องจากคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฏร หรือวิปรัฐบาลจำนวน 56 คน มีอำนาจหน้าที่ตามคำสั่งที่ได้รับมอบหมายและสามารถเบิกเลี้ยงหรือเบี้ยประชุมได้ เพราะศาลรัฐธรรมนูญเคยมีคำวินิจฉัยที่ 10/2551 ว่า ส.ส.ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติจะไปมีตำแหน่งในฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลาการไม่ได้ ซึ่งวิปรัฐบาลจะเข้าข่ายลักษณะนี้หรือไม่ เพราะดูคำสั่งสำนักนายกฯ ก็ได้ให้อำนาจหน้าที่ตาม ครม.มอบหมาย โดยให้เบิกจ่ายเบี้ยประชุมและเบี้ยเลี้ยงจากสำนักนายกฯ จึงน่าจะขัดรัฐธรรมนูญฯมาตรา 265 วรรค 2 แต่ความเห็นของตนและนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เห็นไม่ตรงกันจึงส่งให้ กกต.พิจารณาเพื่อหาข้อยุติ ถือเป็นประเด็นที่มีความขัดแย้ง ส.ส.สามารถเข้าชื่อจำนวน 1 ใน 10 ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมามีระเบียบปฏิบัติตั้งวิปรัฐบาลแบบนี้ก็มีปัญหาใช่หรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า การทำงานของวิปรัฐบาลก็ทำได้เพียงการประสานงานกันเท่านั้นต้องไม่รับเบี้ยประชุม ซึ่งถ้า กกต.วินิจฉัยว่า ผิดก็จะทำให้ ส.ส.56 คนสิ้นสมาชิกสภาพตามรัฐธรรมนูญมาตรา 106(6)
เมื่อถามว่า ตอนนี้ยังถูกคุกคามหรือไม่ นายเรืองไกร กล่าวว่า ก็ระวังตัวมากขึ้น จะเปิดตู้จดหมายก็ต้องระวัง ขึ้นรถต้องหันซ้ายหันขวา และไม่ไปในที่อโคจร กลางค่ำกลางคืนก็ไม่เดินทางไปไหน