xs
xsm
sm
md
lg

“พิภพ” แฉครูโยธินฯ บ้าอำนาจ ขู่ไล่นักเรียนออก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พิภพ ธงไชย
"พิภพ" แฉจดหมายเด็กโยธิน ถูกอาจารย์รังแก ขู่ไล่ออก-ตีตราหัวรุนแรง หากร่วมคัดค้านหรือแสดงความเห็นในการย้ายโรงเรียน พร้อมจวก ผอ.ขัดขวางการชุมนุมเท่ากับเป็นการปลูกฝั่งระบบอำนาจนิยม มากกว่าประชาธิปไตย ขณะเดียวกันปลุกคนไทยปฏิรูปการศึกษา ยกเยอรมันเป็นแบบอย่าง ส่งเสริมการแสดงออกของนักเรียน-นักศึกษา เพื่อสร้างการเมืองใหม่ในอนาคต

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย 

วันที่ 20 ส.ค. เวลาประมาณ 21.45 น. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขึ้นปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ โดยกล่าวว่า การที่เราทำมาถึงขณะนี้แล้ว เราไม่ได้ทำงานการเมืองเท่านั้น ในความหมายของนักสังคมวิทยา ถือว่าพันธมิตรฯ เป็นชุมนุมสมัยใหม่ คือมีการสมาทานศีลรวมกัน มีกิจกรรม และวัฒนธรรมรวมความเป็นพี่น้องร่วมกัน เป็นการค่อยๆ สร้างชุมชนขึ้นมาเหมือนคนฟัง จส.100 ที่สร้างชุมชนของตัวเองขึ้นมา แต่เรามีความใกล้ชิดกว่า เพราะเห็นหน้ากัน และถ้าพันธมิตรฯ ที่เรามี 10-15 ล้านคน แล้วเรารักษาไปเรื่อยๆ เชื่อว่าจะเปลี่ยนแปลงสังคมใหม่ให้เกิดขึ้นได้ในอนาคต

ทั้งนี้ การที่เราจะไปดาวกระจายที่กระทรวงต่างประเทศในวีนพรุ่งนี้ เราเคยพูดมาแล้วว่าเพราะอะไร ซึ่งการที่มีคนวิเคราะห์ว่านายเตช บุนนาค รมว.ต่างประเทศจะเป็นของเก๊หรือเปล่านั้น เราต้องทำให้เขาเป็นของจริงให้ได้ ไม่งั้นเราต้องทุกข์ในเรื่องต่างๆ และต้องตรวจสอบอีกว่าเขาจะทำอะไรผิด ซึ่งหากนายเตช ต้องการทำลายตัวเองด้วยการทิ้งหลักการทูตแล้วไปอ่อนข้อยอมเสียท่าให้กับเขมรแล้ว นายเตชจะต้องคิดหนักในจุดยืนของเขา ว่าการแสดงท่าทีว่าเป็นผู้ดี มีความรู้ แต่กลับทำให้ประเทศเสียศักดิ์ศรี หรือยอมรักษาอธิปไตยของชาติ

"ปราสาทตาเมือนธมไม่ต้องไปเจรจาเพราะเป็นของไทยแน่ๆ และในเขตเขาพระวิหารต้องห้ามล้ำ 4.6 ตารางกิโลเมตรต้องเป็นของไทย ซึ่งในสมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปประนีประนอมเพราะมีพลผประโยชน์ทับซ้อนจนยอมร่นรั้วลวดหนามออกมา โดยอ้างว่าเพื่อต้องการรักษาสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศ แต่ในเมื่อเขมรไม่ต้องการรักษาความสัมพันธ์แล้วเราจะไปรักษาทำไม"นายพิภพกล่าว

นายพิภพ กล่าวอีกว่า อยากจะกล่าวถึงนักการศึกษา โดยเฉพาะในกรณีของโรงเรียนโยธินบูรณะว่ามุมมองของครูอาจารย์จะใช้มุมมองอะไรเกี่ยวกับการย้ายโรงเรียนครั้งนี้ ซึ่งน่าเห็นใจผู้อำนวยการว่าถ้าไม่ทำตามนักการเมืองจะต้องถูกย้าย แต่ไม่ทราบว่าท่านยังมีจิตใจของประชาธิปไตยหลงเหลืออยู่หรือไม่ อยากย้ำว่าขณะนี้คนไทยขาดความเป็นประชาธิปไตย และความกล้าแสดงออกที่เป็นตัวของตัวเอง แม้จะขัดแย้งกับผู้มีอำนาจ โดยอยากทราบว่าการแสดงท่าทีของผู้อำนวยการโรงเรียนโยธินนั้น เป็นท่าทีอะไร เพราะเด็กกำลังถูกละเมิดสิทธิ์ และถ้าเป็นอย่างนี้ก็อย่าหวังว่าเด็กที่จบมาจะเป็นประชาธิไปไตยได้เลย หากไม่ปล่อยให้เขาแสดงออกในสิ่งที่เขาต้องการ

"วันนี้จับได้เลยว่าอาจารย์ทำตัวไม่เป็นประชาธิปไตย และละเมิดสิทธิ์ของนักเรียน ผมเคยบอกถึงเยอรมัน ซึ่งตระหนักที่ ฮิตเลอร์ ถึงแม้จะมาตามกระบวนการเลือกตั้ง แต่แล้วกลับมาสร้างลัทธินาซี ครอบงำพลเมืองทั้งประเทศ นายพลรอมเมล ก็กลัว แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจจะโค่นฮิตเลอร์ ซึ่งเมื่อผิดพลาดจึงต้องฆ่าตัวตาย คนเยอรมันตายกันเยอะในสงครามโลกครั้งที่ 2 เพราะความที่ฮิตเลอร์มีมิจฉาทิฐิ ถึงแม้เขาจะกินมังสวิรัตและไม่ค่อยมีความรู้สึกทางเพศก็ตาม ซึ่งหลังจากเยอรมันแพ้สงครามโลก แล้วสามารถฟื้นตัวได้ในช่วง 60 ปีที่ผ่านมา เพราะเขาเริ่มต้นด้วยการปฏิรูปการศึกษา และเด็กที่จบออกมาก็กล้าเคลื่อนไหวทางการเมืองที่ถูกต้อง เพื่อขจัดลัทธินาซีออกไป เขาจึงพัฒนาประเทศได้ถึงระดับนี้ แต่การที่ผู้อำนวยการห้ามปรามไม่เด็กแสดงความคิดเห็น หรือรับฟังผู้อื่นนั้นผู้อำนวยการมีความคิดอย่างไร"นายพิภพกล่าว

นายพิภพกล่าวต่อว่า ขณะที่นักเรียนต้องการแสดงความคิดเห็นคัดค้านการย้ายรัฐสภา เนื่องจากเป็นคนรักโรงเรียน และเข้าไม่อยากย้าย แต่ผู้อำนวยการกลับไม่สนับสนุน และมีข่าวว่าในวันศุกร์ซึ่งพันธมิตรฯ จะไปให้กำลังใจเด็กนักเรียนนั้น ทางโรงเรียนจะหยุดเรียน เพื่อพาเด็กไปดูหนัง จึงอยากชี้แนะผู้อำนวยการว่าการทำโรงเรียนต้องให้โรงเรียนเหมาะกับเด็ก ไม่ใช่เปลี่ยนเด็กให้เหมาะกับนักเรียน ต้องฟังความเห็นเขาไม่เช่นนั้นจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร

"เราต้องเพิ่มการศึกษานอกห้องเรียนให้นักเรียนหาความรู้ ไม่ใช่จ้างแต่อาจารย์มายืนสอน โดยการที่นายสมัครอ้างว่าเข้าเป็นนายกรัฐมนตรีสามารถสั่งในเรื่องนี้ได้ เพราะนายสมัครไม่ใช่นักประชาธิปไตย นอกจากนี้เขากำลังเข้าใจผิด เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่าต้องมีการรับฟังความเห็นของผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทำให้การกระทำครั้งนี้จะเป็นการทำผิดรัฐธรรมนูญอีกครั้งของนายสมัคร นอกจากนี้ ผู้อำนวยการโรงเรียนยังต้องมีจิตสำนึก ซึ่งคนไทยขาดความกล้าหาญทางจริยธรรม แต่ท่านกลับไม่สนันสนุน หรือต้องการปล่อยให้เด็กฟังแต่อำนาจนิยมและเผด็จการแล้ว เด็กจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร"นายพิภพกล่าว

นายพิภพกล่าวต่อว่า สิ่งที่เราต้องเร่งปฏิรูป คือความเป็นเจ้าของโรงเรียนของกระทรวงศึกษาธิการ โดยจะต้องกระจายอำนาจไปสู่โรงเรียน ซึ่งขณะนี้กระทรวงศึกษาฯ กำลังประชุมกันว่าจะตั้งรับพันธมิตรฯ อย่างไร แทนที่จะตั้งรับแบบประชาธิปไตย มีบทสนทนาแลกเปลี่ยนกันระหว่างเด็กกับพันธมิตรฯ กลับจะไม่ให้เด็กรับฟัง เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ต้องระวัง

นายพิภพ กล่าวอีกว่า ตนเองได้รับจดหมายจากนักเรียนโรงเรียนโยธินบูรณะฉบับหนึ่ง ที่แสดงความรู้สึกออกมา โดยมีใจความว่า อีก 2 วันผู้อำนวยการจะไปประชุมที่สภา และรับคำชี้แจงที่สภา อย่างนี้ก็แสดงว่า ข่าวออกมาตอนแรก ประธานรัฐสภาพูดออกมาโดยยังไม่ได้ถามความคิดเห็นจากคณะครู นักเรียน หรือว่าชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้เลยสักคำ ทำถูกแล้วหรือ นี่คือเด็กตั้งคำถาม หลังจากนั้นเรื่องทุกอย่างก็เงียบไปอีก หลังจาก ผอ.ไปประชุมที่สภาเสร็จ ก็ไม่ได้มาชี้แจงนักเรียนเลย อีกทั้งพอมีความข่าวความเคลื่อนไหวจากกลุ่มสภานักเรียน ก็ถูกสั่งเบรก และยังขู่ว่าจะไล่ออกจากโรงเรียน หรือไม่ก็เขียนในใบจบการศึกษาว่านักเรียนคนนั้นเป็นเด็กหัวรุนแรง ซึ่งเป็นความต้องการให้เด็กคนนั้นมีปัญหาเวลาเข้ามหาวิทยาลัย

"เวลาเด็กคิดนอกกรอบไม่ตรงกับครู มักถูกกล่าวหาว่าเป็นคนหัวรุนแรง ซึ่งในสมัยเรียนผมก็เคยโดน ซึ่งระบบการศึกษาเป็นเช่นนี้ ไม่ฝึกคนที่ชอบโต้แย้งในความถูกต้อง และสมัยหนึ่งยังถูกหล่าวหาว่าคนที่กล้าแสดงความเห็นเป็นพวกคอมมิวนิสต์ ซึ่งถ้าระบบนี้ไม่เลิกประเทศไทยจะไม่มีทางฟื้นจากการเมืองน้ำเน่าที่เป็นอยู่ขณะนี้ได้ ซึ่งเราจะต้องเปลี่ยนให้เหมือนที่เยอรมันทำ"นายพิภพกล่าว

จดหมายฉบับนี้ยังบอกอีกว่า การที่นักเรียนไม่สิทธิจะพูด หรือแสดงความคิดเห็น เสมือนเป็นการปิด หู ปิดตา พวกเรา นอกจากนี้ยังมีการข่มขู่ ซึ่งบุคคลการในโรงเรียนก็เป็นพวกเดียวกันแต่ทำไมต้องข่มขู่กันด้วย โดยก่อนหน้านี้พวกผมได้จัดประท้วงกันที่บริเวณหน้าโรงเรียน ก่อนที่จะย้ายมาที่สนามบริเวณอัฒจรรย์ และก็ได้ทราบภายหลังว่าป้ายการประท้วงก่อนหน้านี้ได้ถูกอาจารย์ยึดไปแล้วจนเหลือแค่ 2 อันเท่านั้น ซึ่งการกระทำในตอนนั้น เท่ากับว่าครูกำลังละเมิดสิทธิ์ของเด็กในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งหากกระบวนการจัดการเรียนการสอนยังเป็นแบบนี้ให้เชื่อฟังอำนาจ และผู้นำ แล้วเด็กที่จบออกมาจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร

นอกจากนี้ ใจความในจนหมายของเด็กคนนี้ ยังถามถึงการสร้างรัฐสภา ที่อ้างว่าเป็นหน้าตาของประเทศนั้นมันคุ้มแล้วเหรอ ที่ต้องใช้งบประมาณทั้งหมดกว่า 5 หมื่นล้านบาท และอยากทราบว่ามันจะช่วยปากท้องของคน หรือแก้ปัญหายาเสพติด และความแตกแยกของคนในประเทศได้หรือไม่ ทำไมไม่เอางบประมาณส่วนนี้ไปทำประโยชน์อย่างอื่น ซึ่งนายสมัครไม่เคยตอบคำถามนี้

โดยการย้ายโรงเรียนไปก่อสร้างที่ใหม่นั้นมันจะดีหรือไม่ แต่มันเอาความทรงจำในที่เก่าๆ ของเขากลับมาได้หรือไม่ ซึ่งการที่กล่าวหาว่าพวกเราที่ไม่เห็นด้วยเรื่องนี้รับเงินมานั้น เราแค่ต้องการแสดงความเห็นเท่านั้น แต่เขาไม่เคยฟังว่าเราต้องการย้ายไปหรือเปล่า ซึ่งหากเราไม่ฟัง หรือ ปล่อยให้แสดงความเห็น แล้วเด็กที่จะเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตจะเป็นอย่างไร

"การชี้แจงของนักเรียนแทบจะไม่มีใครฟัง ซึ่งพื้นที่ที่จะย้ายไปนั้นเป็นแหล่งอาชญากรรม อีกด้านก็ติดเมรุ อีกข้างก็ติดปั้มและถ้ามันระเบิดจะเป็นอย่างไร แล้วคุณเอาอะไรมารับประกันว่ามันจะดีกว่าเดิม เด็กที่มีความคิดอ่านและกล้าที่จะต่อสู้ในสิทธิ์ของตนแม้จะมีอันตราย กลับถูกครูไทยซึ่งมีอำนาจมากเกินไปรังแก และยังใช้อำนาจนี้กับเด็กตลอดเวลา และการกระทำของผอ.โรงเรียนนี้ก็กำลังขัดขว้างสิทธิของนักเรียนอยู่ นี่เป็นสาเหตุที่เราต้องปฏิรูปการศึกษาของประเทศไทย เราต้องเอาครูที่ใช้อำนาจนิยมออกไป แล้วเอาครูที่เป็นประชาธิปไตยเข้ามา เพื่อเสริมสร้างประชาธิปไตยตั้งแต่ในโรงเรียน เพื่อให้เกิดประชาธิปไตยอย่างแท้จริง"นายพิภพกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น