xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” หนีคดีเปลือยธาตุแท้ “ไร้อุดมการณ์-ไม่เป็นลูกผู้ชาย”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พิเชฐ พัฒนโชติ
ชำแหละตัวตน “แม้ว” ผ่านแถลงการณ์หนีคดี สะท้อนตัวตน เป็นนักธุรกิจการเมืองที่ไร้อุดมการณ์ อ้างเหตุไม่ปลอดภัย-ศาลถูกแทรกแซงล้วนฟังไม่ขึ้น ชี้หากทำเพื่อ ปชช.จริง ต้องกล้าติดคุก อดีตทูตจวก นิสัยทารก ไม่เป็นลูกผู้ชายที่กล้าสู้ เตือนขอลี้ภัยอังกฤษไม่ง่ายแน่ เหตุทูตผู้ดีส่งข้อมูลกลับประเทศตลอด ชี้ “ทักษิณ” ไร้อำนาจตัดสินใจเลือกบั้นปลายชีวิตอย่างไร

 คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "สภาท่าพระอาทิตย์" 

ภายหลังจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่มารายงานตัวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามนัดในช่วงเข้าวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกับได้ออกแถลงการณ์มาจากกรุงลอนดอน อ้างถึงเหตุผลที่จะไม่กลับเข้ามาในไทยว่า เพราะไม่มีความปลอดภัย กระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง จึงขออยู่ในประเทศอังกฤษเป็นการชั่วคราว ถ้ามีบุญคงได้กลับมาตายในประเทศไทยนั้น ในช่วงเที่ยงวันเดียวกัน รายการ"สภาท่าพระอาทิตย์" บนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่เชิงสะพานมัฆวานรังสรรค์ ดำเนินรายการโดย สำราญ รอดเพ็ชร ได้วิเคราะห์ถึงเรื่องดังกล่าว

**ย้อนใครกันแน่แทรกแซงศาล

นายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีต ส.ว.นครราชสีมา กล่าวว่า ข้ออ้างของ พ.ต.ท.ทักษิณที่ว่าไม่ปลอดภัยนั้น สงสัยว่าคงกลัวอาวุธอันสำคัญของพี่น้องพันธมิตรฯ คือมือตบกับเสียงโห่ ที่กลัวมากเพราะระคายหู ปวดแสบไปถึงหัวใจ ปวดร้าวจนตายเลย อยากถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณอยู่ในไทยไม่ปลอดภัยยังไง ตอนกลับมามี รปภ.ข้างหน้า 30 คนข้างหลัง 50 คน ยิ่งกว่าผู้นำประเทศอีก

ส่วนข้ออ้างที่ว่ามีการแทรกแซงศาลนั้น ก็สงสัยว่า เงิน 2 ล้านบาทที่ใส่กล่องขนมนั้น ใครเป็นคนแทรกแซง พอศาลไม่ให้แทรกแซง เขาก็เลยบอกว่านี่แหละคือการแทรกแซงศาล คือตัวเองแทรกแซงไมได้ ก็เลยบอกว่าศาลถูกแทรกแซงไปเรียบร้อยแล้ว จึงอยากให้ พ.ต.ท.ทักษิณมีบุญได้กลับมา พร้อมกับคำพิพากษาของศาลที่ออกมาเรียบร้อยแล้ว

“เป็นคำแถลงที่ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้ว สะท้อนว่าจิตสำนึกของเขาไม่กล้าที่จะเผชิญอะไรแล้ว นั่นเพราะความจริงที่ปรากฏ และแผ่ขยายออกไป ความจริงที่ประชาชนรับรู้มากขึ้น ทำให้เขากลัว กลัวที่จะเผชิญความจริงใดๆ ทั้งสิ้นอีกแล้ว”นายพิเชฐกล่าว

**เย้ยข้ออ้างไม่ปลอดภัย ไร้สาระ

ด้าน นายกษิต ภิรมย์ อดีตเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ข้ออ้างของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้นเป็นการพูดฝ่ายเดียวอย่างที่เขาชอบ แล้วในช่วงการเป็นนายกฯ เขาก็พูดฝ่ายเดียว แต่วันนี้เขาพูดฝ่ายเดียวไม่ได้แล้ว เพราะมีคนที่คอยฟังอยู่อย่างน้อย 2 กลุ่มด้วยกัน คือคณะทูตประเทศต่างๆ ที่อยู่ในไทย โดยเฉพาะทูตอังกฤษที่พูดภาษไทยได้ คงจะรายงานไปเต็มที่แล้วว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้เกิดอะไรขึ้นในสังคมไทย แล้วช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเข้าเดินออกประเทศไทยอยู่ตลอดเวลายังกะพระเจ้า เพราะมีตำรวจคุ้มกันหลายร้อยคน มีลูกน้องห้อมล้ม ไปได้แม้กระทั่งงานศพของมารดา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. แล้วอย่างนี้จะไม่ปลอดภัยได้อย่างไร และเท่าที่อยู่ในไทยมาก็ไม่มีใครไปแยแสด้วย

“ประเด็นต่อมา สถานทูตอังกฤษคงรายงานไปแล้วว่า ช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณได้ตั้งคณะทนายความที่จะสู้คดีตั้งมากมาย ก็เป็นไปตามครรลองของศาลยุติธรรม สิ่งต่างๆ เหล่านี้บ่งบอกว่าช่วง 6-7 เดือน ที่ผ่านมาชีวิตของ พ.ต.ท.ทักษิณในประเทศไทยก็ปรกติดี จะขออนุญาตศาลเดินทางไปต่างประเทศ ศาลก็อนุญาต ไม่ไปศาล บอกว่าป่วย ก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร เพราะฉะนั้นคณะทูตโดยเฉพาะสถานทูตอังกฤษเขาคงรายงานกลับไปอย่างเต็มที่ว่าเกิดอะไรขึ้น ที่ พ.ต.ท.ทักษิณอ้างว่าไม่ปลอดภัย เขาก็คงบอกว่าหาสาระไม่ได้”นายกษิต กล่าว

อีกประเด็น พ.ต.ท.ทักษิณจะให้สัมภาษณ์อย่างไรก็ตาม มันอยู่ที่ว่ารัฐบาลอังกฤษโดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย เขาจะฟังข้ออ้างของ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ เพราะฉะนั้นพ.ต.ท.ทักษิณจะพูดอะไรก็ได้ จะพูดว่าจะเดินเล่นอยู่ที่ลอนดอนก็ได้ แต่จะทำได้หรือไม่มันอยู่ที่ รัฐบาลอังกฤษ รัฐสภาอังกฤษ และอาจจะอยู่ที่คณะกรรมการบริหารของฟุตบอลอังกฤษที่ดูแลเรื่องความเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตี้ด้วย

“ประเด็นของผม คือ คุณทักษิณอยากจะพูดอะไรก็พูด แต่การตัดสินใจว่าคุณทักษิณจะอยู่ที่ไหน ในโลกนี้ ได้หรือไม่ได้ มันไม่ได้อยู่ในอำนาจของคุณทักษิณอีกแล้ว”

นายกษิต กล่าวต่อว่า ไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะหนีไปที่ไหนก็ตาม ก็ถือว่าเป็นผู้หนีคดีอาญา เป็นผู้ร้ายข้ามแดน ไม่ใช่ผู้ร้ายเฉพาะในประเทศไทย แต่เป็นผู้ร้ายโลกาภิวัตน์ จะหนีซุกซ่อนไปไหนก็ช่วยไม่ได้

**แฉแผนทำลายศาล ปูทางกลับมาใหม่

ด้าน นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกล่าวว่า ถ้าดูจากคำแถลงของ พ.ต.ท.ทักษิณ แสดงให้เห็นว่า เขาจะกลับมาสู้อีก เห็นได้จากมีการวางฐานไว้ โดยกล่าวหาว่ากระบวนการยุติธรรมว่าไร้ความยุติธรรม มีการแทรกแซง แต่ความหมายของพวกเราคือเพราะกระบวนการยุติธรรมแทรกแซงไมได้ ศาลจึงทำงานได้ แต่แถลงของ พ.ต.ท.ทักษิณเป็นการวางฐานทางกฎหมาย หมายเป็นการให้เหตุผลกับต่างประเทศเอาไว้

ส่วนเรื่องความไม่ปลอดภัย นายพิภพกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณสร้างขึ้นมาเอง เพราะ เขาไปๆ มาๆ ก็ปลอดภัยดีอยู่เสมอ แล้วก็ได้รับการคุ้มกันยิ่งกว่าผู้นำประเทศ ยิ่งว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีอีก และไม่มีใครไปทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยเลย

**จวกไร้อุดมการณ์เพื่อ ปชช.

นายพิภพ กล่าวต่อว่า วันนี้พิสูจน์ได้อย่างหนึ่งว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่เอาประชาชนหรือต่อสู้เพื่อคนยากจนเป็นใหญ่ ถ้า พ.ต.ท.ทักษิณเชื่อว่าตัวเองสู้เพื่อคนยากจน และมีอุดมการณ์ทางการเมือง เขาต้องพร้อมที่จะกลับมาติดคุก แล้วบอกว่าติดคุกเพื่อประชาชน แต่เขาไม่มีอุดมการณ์ทางการเมือง เขาเป็นนักธุรกิจการเมืองเท่านั้นเอง เมื่อไม่มีอุดมการณ์ทางการเมืองแล้วใจมันจะเล็ก ใจในการต่อสู้มันจะเล็กมาก

“แล้วที่ไปเที่ยวสัญญากับคนอีสาน คนภาคเหนือก็ตามนี่ บอกว่าจะ อยู่กับพี่น้องประชาชน จะสู้เพื่อพี่น้องประชาชน แล้วบอกว่าตัวเองถูกรังแกมาตลอด คุณทักษิณจะเป็นวีรบุรุษโดยทันที ถ้าติดคุกตอนนี้ แต่นี่เพราะไม่มีใจ ไม่ได้รักประชาชนจริงๆ เพียงแต่ใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือเพื่อเสริมธุรกิจการเมืองของตัวเองเท่านั้น อันนี้เป็นบทพิสูจน์ได้”

นายพิภพ กล่าวต่อว่า นักต่อสู้เพื่อคนยากคนจนที่ต้องการให้คนจนได้อยู่ดีกินดีกันอย่างทั่วถึงจริงๆ นั้น จะมีอุดมการณ์ที่ชัดเจนและยืนหยัดต่อสู้ในเรื่องนั้น แล้วถ้านักต่อสู้เหล่านั้นจะถูกรังแกทางการเมืองก็เพราะอุดมการณ์ทางการเมืองของเขาต่างหาก ที่ไปขัดกับคนอีกกลุ่มหนึ่ง แต่สำหรับ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณมีธุรกิจการเมือง และธุรกิจการเมืองของเขาก็ไปขัดกับธุรกิจของอีกกลุ่มหนึ่ง

“วันนี้ถ้าคุณทักษิณไปเสียได้ กลุ่มธุรกิจที่คุณทักษิณได้กันออกไปจากเวทีการต่อสู้ทางธุรกิจก็จะหัวเราะดีใจ ดูได้จากหุ้น กระเด้งขึ้นทันทีเลย เพราะคุณทักษิณไม่ได้ทำงานเพื่อกลุ่มทุนโดยรวม และไม่ได้ทำงานเพื่อคนจนโดยรวมด้วย เป็นแต่ฉาบผิวนโยบายประชานิยมไว้เท่านั้น ที่พูดแบบนี้ ไมได้ซ้ำเติมคนล้ม แต่ผมเห็นว่าคุณทักษิณยังพยายามที่จะไม่ล้ม ยังพยายามที่จะยืนอยู่ต่อไปในทางการเมือง เพียงแต่ถ้าเขาเป็นคนที่มีอุดมการณ์ทางการเมือง เขาต้องกลับมาสู้”

นายพิภพ กล่าวต่อว่า ประเด็นที่อยากตั้งข้อสังเกตต่อไปคือ พ.ต.ท.ทักษิณจะอยู่ในฐานะอะไรในต่างประเทศ ซึ่งจะขึ้นอยู่กับว่าระบบกระบวนการยุติธรรมของไทยจะกำหนดให้ พ.ต.ท.ทักษิณยืนอยู่ในต่างแดนในฐานะอะไร อันนี้สำคัญ จะต้องดูกระบวนการยุติธรรมของเราต่อไปว่าจะ กำหนดคุณทักษิณไว้อยู่ในฐานะอะไร ถ้าอยู่ในฐานะเป็นอาชญากร คดีความต่างๆ ก็ต้องตัดสินให้เรียบร้อย ส่วนจะจับตัวมาเป็นผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ก็ว่ากันอีกระยะหนึ่ง

ถ้าให้เขาเป็นผู้ลี้ภัยทางการเมืองได้ เขาก็จะอยู่ในฐานะอีกฐานะหนึ่ง ถ้าไม่ให้อยู่ทั้ง 2 ฐานะเลย คือทั้งไม่ให้ลี้ภัย และในฐานะมีคดีติดตัว เขาก็จะทำธุรกิจของเขาได้ เคลื่อนไหวในสังคมโลกนี้ได้ กับนักธุรกิจต่างๆ อันนี้อันตรายมาก เพราะเขาจะสะสมทุน กลับมายึดบ้านยึดเมืองอีกในอนาคต เพราะว่าทักษิณมีจุดอ่อนในการทำธุรกิจอย่างหนึ่งคือ เขาทำธุรกิจที่แข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรมไม่เป็น ทำได้แต่ผูกขาดตัดตอน ไม่แข่งขัน และทำธุรกิจแบบสร้างตัวสินค้าไม่เป็น อาศัยตัวสินค้าจากประเทศอื่นๆ แล้วมาเป็นพ่อค้าคนกลางแล้วตัดเอากำไรจากการเป็นคนกลางมากๆ จนร่ำรวย แล้วต่อมาเมื่อเข้าสู่การเมือง เข้าสู่อำนาจรัฐแล้ว ก็ใช้อำนาจรัฐส่งเสริมธุรกิจของตัว

ก่อนที่เขาจะเข้าสู่การเมือง เขาก็ทำธุรกิจที่ผูกพันกับอำนาจรัฐ อำนาจราชการ เขาทำอิสระไม่ได้ ธุรกิจจะไม่เติบโต จึงไม่แน่ใจว่า ถ้าทำให้ทักษิณไม่ต้องลี้ภัยการเมืองไม่ติดคดีความต่างๆ แล้ว ให้เขาทำธุรกิจที่จะไม่ได้อยู่ในอำนาจรัฐ ให้ทำธุรกิจอย่างที่กำลังสร้างภาพว่าตัวเองมีนักธุรกิจมาสนใจ ไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือไม่ เพราะไม่ได้ผูกกับอำนาจรัฐ ไม่ได้ผูกขาด ไม่มีอำนาจรัฐแล้ว

นายพิภพ กล่าวต่อว่า อีกประเด็นที่ต้องติดตามคือ เงินทุนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งผูกติดกับคดีความ กระบวนการยุติธรรมจะทำกับเรื่องนี้อย่างไรกับเงิน 7 หมื่นกว่าล้านบาท จะคืนหรือไม่ และยังมีคดีอีกหลายคดี ที่เกี่ยวข้องกับเงินทอง ที่ต้องดูกันต่อไป

ประเด็นสุดท้ายที่ต้องติดตาม คือ พรรคการเมือง พรรคพลังประชาชนที่กำลังแตกกันอยู่ กี่ส่วนจะเป็นฐานทางการเมืองให้ พ.ต.ท.ทักษิณในอนาคต เป็นตัวที่ต้องจับตามอง และเป็นภาระที่ประชาชนต้องจับตาดู เพราะถ้าการเมืองเป็นแบบเก่า ฐานการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณก็สามารถสร้างต่อไปได้ ซึ่งถ้าดูจากแถลงการณ์ก็เห็นว่าเตรียมกลับมาอีกครั้งใน 3-5 ปีข้างหน้า

**ใช้ชีวิตต่างแดน “แม้ว” ไม่ง่ายแน่

ด้าน นายพิเชฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า การไปอยู่ในต่างประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ไม่ว่าจะมีเงินแค่ไหนก็ตาม ถ้าไปอยู่ภายใต้การดูแลของประเทศนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นในฐานะผู้ลี้ภัย เงินที่มีอยู่ก็จะถูกควบคุม ต้องถูกตรวจสอบว่ามีเงินฝากเท่าไหร่ มาจากไหน อย่างไร การเดินทาง เสรีภาพก็หายไป เขาต้องดูว่า เอาเงินจากไหนไปซื้อของก็ถูกตรวจสอบ

นอกจากนี้ อย่าลืมว่าวันนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังมีคดีที่อังกฤษที่สภาอังกฤษกำลังสอบที่จะเปลี่ยนโลโก้แมนเชสเตอร์ ซิตี และเปลี่ยนอะไรต่ออะไรมากมาย แล้วยังมีเรื่องอดีตโคชอีริคสันกำลังฟ้อง และกำลังมีการตรวจสอบต่อไปว่าเงินที่ซื้อทีมฟุตบอลเอามาจากไหน ถ้าเป็นเงินจากการคอร์รัปชัน ก็เรียบร้อย เพราะฉะนั้น ถ้าอยู่ตรงนั้นก็ใช่ว่าจะปลอดภัย

นายพิเชฐ กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องใจ ของ พ.ต.ท.ทักษิณนั้น ถ้าจะดูที่มาของการเข้ามาเล่นการเมือง เริ่มจากเข้ามาอยู่ในพรรคพลังธรรม โดย พล.ต.จำลอง ศรีเมืองไปเชิญมาภายใต้คอนเซ็ปต์ดีเด่นดัง แต่ก่อนหน้านั้น พ.ต.ท.ทักษิณก็ร่ำรวยอยู่แล้ว เป็นเศรษฐีระดับต้นๆ ของเมืองไทย ย้อนไปอีกก่อนจะมาเป็นเศรษฐี พ.ต.ท.ทักษิณไม่เคยทำอะไรให้บ้านเมืองมาก่อน เพราะฉะนั้นตนไม่เคยเชื่อว่า ทักษิณ จะทำเพื่อบ้านเมือง เพราะในอดีตไม่เคยมีประวัติตรงนี้ ไม่เคยพิสูจน์ให้เห็น และเมื่อดูตัวธุรกิจยิ่งทำให้เห็นว่าไม่มีทางเลย เพราะเป็นธุรกิจที่ต้องวิ่งหานักการเมือง เป็นธุรกิจผูกขาด

“การต่อสู้ในฐานะเป็นนักการเมือง ในฐานะผู้นำบ้านเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีทางที่จะมายืนหัวแถวเพื่อประชาชน เปรียบไมได้กับประธานาธิบดีเนลสัน เมนเดลลา ของแอฟริกาใต้ ที่ยอมติดคุกในการต่อสู้เพื่อคนผิวดำ เปรียบไม่ได้กับมหาตมะ คานธี ที่สู้เพื่อเอกราชของคนอินเดีย เปรียบไม่ได้กับโฮจิมินห์ที่ตายไปแล้วไม่มีอะไรเลย มีแต่ห้องเล็กๆ แต่ได้อุทิศทั้งชีวิตเพื่อเอกราชของเวียดนาม นั่นคือผู้นำของประเทศที่ยืนอยู่หัวแถวของประชาชน พร้อมตายเพื่อประชาชน ตรงนี้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่มี วันนี้พิสูจน์ทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ธุรกิจของคุณทักษิณได้มาจกการมีอำนาจทางการเมือง ธุรกิจของเขาจะโตก็ต่อเมื่อมีอำนาจทางการเมือง เพราะฉะนั้นอย่าหวังเลยว่าคนๆ นี้พร้อมจะรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง”

**จวกซ้ำไม่เป็นลูกผู้ชาย

ด้าน นายกษิต กล่าวเพิ่มเติมว่า ถ้าข่าวอย่างที่ พ.ต.ท.ทักษิณแถลงจากลอนดอนเป็นความจริงก็อยากจะวิจารณ์ว่าเป็นการดำเนินการที่ค่อนข้างจะทารกนิดหน่อย คือไม่ได้อย่างใจก็โทษปี่โทษกลองไปต่างๆ งอแง แล้วก็สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เป็นลูกผู้ชายกล้าได้กล้าเสีย แล้วก็ต้องต่อสู้ จะเป็นรัฐบุรุษแน่จริงต้องสู้คดีให้ศาล อย่างแมนเดลลา คิดคุกอยู่ 20 กว่าปี กว่าที่จะนำพาลัทธิเหยียดผิวให้หมดไปได้ แล้วสร้างความสมานฉันท์แห่งชาติ

“ถ้าเผื่อแน่จริง เป็นลูกผู้ชายจริง มาสู้สิครับ อย่ามาฝอยว่าอีก 3 หรือ 5 ปีจะกลับมายิ่งใหญ่ในประเทศไทย ไม่มีโอกาสหรอก พวกเรานั่งอยู่ ที่นี่ เสื้อสีเหลือง สีฟ้า ไม่ให้กลับมายิ่งใหญ่ในการเมืองอีกเป็นอันขาด” นายกษิตกล่าว
กษิต ภิรมย์
พิภพ ธงไชย
กำลังโหลดความคิดเห็น