“น้องเขย” โบ้ยไม่รู้ ไม่เห็น และก็ไม่ทราบ “แม้ว” หนีคดี ระบุจะส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนหรือให้ลี้ภัยหรือไม่แล้วแต่อังกฤษ อ้างเป็นห่วงในฐานะคนรู้จัก ยันไม่กระทบพรรค
วันนี้ (11 ส.ค.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และน้องเขย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีแถลงการณ์ของอดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนเข้าเฝ้าฯถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ว่า ไม่ทราบ เรื่องนี้ไม่ได้ปรึกษากัน
ส่วนแถลงการณ์ที่ระบุว่า ไม่ได้รับความยุติธรรมนั้น ดูเหมือนส่งกระทบต่อประเทศไทย นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่ได้ฟัง แต่ในความเห็นต่างคนต่างคิด เป็นเรื่องของผู้แถลงคิด ส่วนที่เกรงว่าต่างประเทศจะมองประเทศไทยในทางลบนั้น เป็นความคิดของผู้แถลงเอง เราคงไปออกความคิดเพิ่มเติมไม่ได้ เรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้รับผิดชอบและเจ้าตัว
เมื่อถามว่า แนวโน้มเรื่องการขอตัว พ.ต.ท.ทักษิณ กลับยากหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ตนไม่รู้ว่ายากง่ายยังไงตอบไม่ถูก เมื่อถามว่า ในฐานะที่เคยอยู่กระทรวงยุติธรรมมาก่อนมองอย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า ถ้าดูในแง่กฎหมายการขอตัวส่งผู้ร้ายข้ามแดน ถ้าเป็นเรื่องทางการเมือง ก็ต้องไปพิจารณาว่าประเทศที่พำนักเขาจะเห็นอย่างไร ขณะนี้ที่พูดกันเรื่องการลี้ภัยการเมือง ตนก็ไม่ทราบว่าเป็นจริงตามนั้นหรือไม่ เพราะเหตุเพิ่งเกิดขึ้นวันนี้ (11 ส.ค.) ตนก็ไม่ทราบ หรือถ้าดูเรื่องอาญาแล้ว จะเป็นเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือไม่ แต่ไม่สามารถพูดได้ว่ามันยากหรือง่ายแล้วแต่องค์ประกอบ อันนี้เป็นเรื่องเจ้าตัวและเจ้าหน้าที่รับผิดชอบพิจารณา
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมา ไม่เห็นส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้สักราย กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ก็คงจะยาก นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่ตนพูดตามหลักเกณฑ์ข้อกฎหมาย ตามที่มีประสบการณ์เท่านั้นเอง คงออกความเห็นอะไรมากไม่ได้ เพราะไม่รู้จริงพูดไม่ได้
ส่วนกรณีที่จะให้ยกเลิกหนังสือเดินทางการทูต พ.ต.ท.ทักษิณ นายสมชาย กล่าวว่า อันนั้นเป็นเรื่องของประเทศไทยเป็นผู้ดำเนินการ ถ้าเข้าหลักเข้าเกณฑ์ก็ทำได้ เป็นเรื่องปกติ คนที่เป็นข้าราชการต้องไปพิจารณาว่าสิ่งไหนทำได้หรือไม่ มีกฎหมายรองรับหรือไม่ ข้าราชการต้องทำตามหลักเกณฑ์ไม่เช่นนั้นจะมีปัญหาได้
เมื่อถามว่า เหมาะสมหรือไม่ ถ้าหาก พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกยกเลิกอีกครั้ง นายสมชาย กล่าวว่า ต้องดูเหตุผลประกอบ มันพูดไม่ถูก ต้องดูเหตุองค์ประกอบ เขาไม่พูดเรื่องความเหมาะสม แต่ต้องดูว่าเข้าเกณฑ์ตามกฎหมายที่จะดำเนินการได้หรือไม่
เมื่อถามว่า ครอบครัวได้มีการพูดคุยกันหรือไม่ว่าหลังจากนี้จะดำเนินการอย่างไร นายสมชาย กล่าวว่า ไม่ได้คุย ปกติอยู่เมืองไทยก็ไม่ได้คุยกัน ไม่ได้อยู่บ้านเดียวกัน ส่วน นางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่เคยเล่าหรือพูดะไรให้ฟัง ครอบครัวเราเรื่องคนอื่นไม่เอามาคุยกัน
เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อพรรคหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยว เพราะพรรคมีกรรมการบริหารพรรค ท่านไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง เวลานี้พรรคเหมือนสถาบันของพรรค ที่ผ่านมาเขาก็ดำเนินการกันไป ขณะนี้ก็เห็นว่า ท่านสมัคร (สุนทรเวช) ก็เป็นตัวของตัวเอง ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ส่วนข้อคลางแคลงใจว่าเป็นนอมินีก็ไม่ได้เป็นแล้ว
เมื่อถามว่า แต่ทางปฏิบัติทุกคนรู้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นจุดศูนย์รวมของพรรค นายสมชาย กล่าวว่า มันเป็นเรื่องที่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทยมาก่อน จากนั้นคนในพรรคก็มารวมตัวเป็นพรรคพลังประชาชน ก็เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเคยมีชื่อเสียงโด่งดัง มีผู้ห้อมล้อม มีผู้สนใจเป็นข่าว ส่วนอนาคตพรรคจะเป็นอย่างไรนั้น ถ้าการเมืองเป็นปกติอย่างนี้ก็คงไปเรื่อยๆ เว้นแต่พรรคโดนยุบ ก็คงจบอนาคต
เมื่อถามว่า ล่าสุด มีการออกหมายจับแล้ว นายสมชาย กล่าวว่า ก็เป็นเรื่องการพิจารณาของศาล เมื่อถามว่าเรื่องการยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเป็นปัญหาหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า อันนี้ไม่ทราบ และไม่เข้าใจว่าเขาทำกันอย่างไร ตนตอบไม่ถูก เพราะเราไม่ค่อยมีทรัพย์
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะเข้าไปช่วยอย่างไรบ้าง ในส่วนของศาล นายสมชาย กล่าวว่า รัฐบาลไม่เกี่ยวเลย เพราะศาลเป็นอำนาจอิสระ เป็นอำนาจตุลาการ ทำหน้าที่ภายใต้พระปรมาภิไธยทำหน้าที่อิสระ เป็นเรื่องระหว่างศาลกับลูกความ ยืนยันไม่เกี่ยวกัน เราไม่มีหน้าที่เข้าไปยุ่งด้วย ต้องเคารพในอำนาจหน้าที่ของศาล
เมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า ในฐานะคนรู้จักกัน ถ้าเขาไปไม่สบายเจ็บป่วย ก็ห่วง เคยอยู่ใกล้กันในบางครั้ง ก็เป็นธรรมดาของคนที่รู้จักกัน และก่อนไป พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ได้พูดอะไรกับตน คิดว่าคงไม่มีอะไรจะฝากฝังกับตน เพราะสมบัติก็ไม่มีแล้ว