“กรณ์” ติง “สุชาติ” ระวังปาก หยุดแสดงความเห็นให้แตกแยก ชี้แบงก์ชาติมีศักดิ์ศรีไม่ด้อยไปกว่ากระทรวงการคลัง ส่งผลให้ภาพลักษณ์ทางเศรษฐกิจถูกบั่นทอน อัด “เลี้ยบ” ไม่เป็นลูกผู้ชายทำตัวเป็นอีแอบส่งตัวช่วยออกหาเรื่องสุภาพสตรี
วันนี้ (8 ส.ค.) นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และรมว.คลัง (เงา) กล่าวถึงกรณีที่ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมช.คลัง ระบุในการสัมมนาว่า เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีความคิดเห็นทางเศรษฐกิจที่ขัดแย้งกับรัฐบาล ผู้ว่าการ ธปท.ควรลาออกจากตำแหน่งว่า นายสุชาติต้องระมัดระวังในการแสดงความคิดเห็นโดยเฉพาะความคิดเห็นที่สร้างความแตกแยกในหน่วยงานสำคัญๆ ในการบริหารเศรษฐกิจที่มีหน้าที่ดูแลเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้ ธปท.เป็นหน่วยงานที่สำคัญของรัฐ ซึ่งมี พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทยดูแลโดยตรง ในแง่ศักดิ์ศรีขององค์กรจึงเทียบเคียงกับกระทรวงการคลังได้ และเทียบกับ รมช.คลังได้แน่นอน ดังนั้น รมช.คลังต้องระมัดระวังในแง่คำพูดและวิธีการแสดงความคิดเห็น อย่างไรก็ตาม ตนไม่คิดติดใจกับนายสุชาติที่เพิ่งมาเข้ารับตำแหน่งและคิดว่าคงทำเพื่อต้องการสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง
“ในการเข้ามารับตำแหน่ง รมช.คลัง ที่มีความละเอียดอ่อนอย่างกระทรวงการคลัง ต้องมีทักษะในการประสานงานกระทรวงของท่านและหน่วยงานสำคัญๆที่มีส่วนในการออกนโยบายที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจโดยรวม ต่อประเทศโดยรวม การที่ท่านออกมาแสดงความคิดเห็นเมื่อวานนี้จะเป็นการบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อการบริหารทางเศรษฐกิจโดยรวมของท่านและไม่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของไทย” นายกรณ์ กล่าว
นายกรณ์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีความกังวลในบทบาทของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.คลัง เพราะที่ผ่านมามีข้อครหาในหลายเรื่อง ทั้งในแง่ความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งของท่านและความพยายามแทรกแซง ธปท.ในการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการบริหาร ธปท.จนมาถึงวันนี้ที่มีการแต่งตั้ง รมช.คลังที่มีความใกล้ชิดกับตัว นพ.สุรพงษ์ รวมถึงปล่อยให้ รมช.คลังออกมาแสดงจุดยืนที่ท้าทายต่อ ธปท.และสาธารณะอย่างไม่จำเป็นในลักษณะสร้างความแตกแยก
ทั้งนี้ การทำงานของ นพ.สุรพงษ์ สะท้อนถึงความไม่เป็นลูกผู้ชาย โดยเฉพาะกรณีนี้เป็นการต่อกรกับผู้ว่าการธปท.ที่เป็นสุภาพสตรี ตนอยากถามว่า รมว.คลังมีจุดยืนอย่างไรในเรื่องนี้ ไม่ควรแอบอยู่หลังตัวแทนของท่านในกรณีต่างๆ และรมว.คลังควรพูดจากับผู้ว่าการธปท.โดยตรงเพื่อประโยชน์ของส่วนรวมในแง่การสร้างความเชื่อมั่นในการบริหารเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นขอให้ รมช.คลัง และโดยเฉพาะ รมว.คลังทบทวนบทบาทและวิธีการแสดงความคิดเห็นที่อาจจะมีความแตกต่างบ้าง