“การุณ” เผยนาทีอัปยศ “รัฐ ตร.” รุมล้อมจับเหมือนเป็น “อาชญากรระดับชาติ” แฉ พนักงานสอบสวนห้ามประกันตัว อ้างเฉยกลัวหลบหนี-อาจก่อความความไม่สงบในสังคม พร้อมเปิดหลักฐานไม่ได้บุกรุกที่ “ป่าสงวนเขาพนมรุ้ง” ฉงนตำรวจกลั่นแกล้ง เหตุเพราะที่ดินผืนดังกล่าวอยู่ในย่านชุมนุมมานับพันปี
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายการุณ ใสงาม ปราศรัย
วันนี้ (6 ส.ค.) นายการุณ ใสงาม อดีตสมาชิกวุฒิสภา และอดีตสมาชิกร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยกล่าวถึงกรณีถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวในคดีบุรุกที่ป่าสงวนเขาพนมรุ้งว่า วันนี้ตนเพิ่งเดินทางกลับจาก จ.บุรีรัมย์ หรือเพิ่งออกจากคุกมานั่นเอง โดยก่อนหน้านี้ตนตั้งใจที่จะเดินทางไปปราศรัยที่ จ.สุรินทร์ ซึ่งจะไปสมทบกับนายไทกร พลสุวรรณ แกนนำอีสานกู้ชาติ โดยในวันดังกล่าวเวลาประมาณ 18.00 น. ตนได้มุงหน้าไปที่เวทีเทศบาลสุรินทร์ แต่ก่อนที่จะถึงเวที ปรากฏว่ามีด่านตำรวจสกัดอยู่ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นรถซึ่งจอดหน้าด่านสกัดประมาณ 6-7 คัน และเมื่อตำรวจเห็นตนได้ตะโกนว่า นั่นไงนายการุณ จากนั้นได้กรูกันเข้ามาประมาณจำนวนมาก โดยปิดหัวปิดท้ายรถของตนเพื่อทำการจับกุม
“นาทีนั้น ตำรวจบอกให้เปิดประตู ผมก็ลงไปยืนตามปกติ เพราะตำรวจส่วนใหญ่รู้จักผม แต่มีตำรวจอยู่คนหนึ่งบอกว่าให้ควบคุมตัวตามหมายจับ โดยมีข้อกล่าวหาคือ ผมบุกรุกป่าสงวนพนมรุ้งจำนวน 3 ไร่เศษ แต่ที่น่าสังเกตคือ กรณีที่ตำรวจออกหมายจับนั้น ถึงแม้จะมีหมายศาลออกมาก็ตาม แต่ผมเป็นนักการเมืองมาหลายปี อีกทั้งมีบ้านช่องชัดเจน โดยที่ผมไม่ได้ก่อเหตุร้ายแรง หรือเป็นอาชญากรประเทศ แล้วทำไมถึงต้องมาตะลุมบอนเข้ามาจับกุมกันถึงขนาดนี้ ทั้งๆ ที่คนทั่วประเทศเขารู้กันว่า ผมจะเดินทางไปปราศรัยที่ จ.บุรีรัมย์ ที่สำคัญบ้านพักก็อยู่ไม่ไกล ซึ่งถ้าจะจับกันจริงๆ ก็ไปที่บ้านได้เลย ผมจึงคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะกรณีที่ผมโดนหนังสติ๊กยิง หรือกรณีที่ จ.อุดรธานี นั้น ไม่เห็นตำรวจเร่งดำเนินการแต่อย่างใด” นายการุณ กล่าว
นายการุณ กล่าวอีกว่า เมื่อถูกคุมตัวไปยังสถานีตำรวจก็เห็นตำรวจยศนายพล รวมทั้งตำรวจอีกนับร้อยนายคอยต้อนรับ ซึ่งเตรียมการด้วยการนำผู้สื่อข่าวทีวีมารอรับจำนวนมาก จากนั้นตนถูกส่งตัวไปสอบสวน ซึ่งตนให้การปฏิเสธ เพราะที่ดินแปลงที่เกิดปัญหานั้น ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ป่าสงวน และสามารถพิสูจน์ได้ ที่สำคัญพื้นที่ดังกล่าวเป็นชุมชนที่เก่าแก่มีอายุกว่า 1,000 ปี อีกทั้งยังมีสระน้ำขนาดใหญ่เรียกว่าหนองบัวลาย ซึ่งมีเส้นทางคาบเกี่ยวกับเส้นทางที่จะไปเขาพนมรุ้ง แต่ที่ตนแปลกใจคือ ที่ดินผืนดังกล่าวถูกรายล้อมไปด้วยบ้านของชาวบ้านกว่า 200 ครอบครัว และอยู่ติดกับป่าสงวนเขาพนมรุ้ง โดยมีแผนที่ชัดเจน
“ผมซื้อที่ดินดังกล่าวจากชาวบ้าน 2-3 ราย เมื่อ 20 ปี ที่แล้ว เพราะผมเห็นว่าเป็นผืนดินมีอายุเก่าแก่นับ 1,000 ปี ถามว่าทำไมเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงไม่ไปจับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ก่อนหน้านี้ แล้วทำไมถึงไปจับผมขณะที่จะเดินทางไปปราศรัยที่ จ.สุรินทร์ ส่วนสาเหตุที่ผมไม่ขอประกันตัว เนื่องจากเมื่อสอบสวนเสร็จสิ้นเป็นเวลาดึกมากแล้ว แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือ วันที่ออกหมายจับผมฉบับที่ 4 นั้น ผมว่าความอยู่ที่ศาล ซึ่งผมได้ไปบอกกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าจะไปหาในวันที่ 24 ส.ค.นี้ ส่วนที่ผมไม่ประกันตัวนั้น เพราะเขาต้องการจับผมเข้าคุก ดังนั้น ผมอยากลองดูเหมือนกันว่าในคุกจะเป็นอย่างไร เพราะจะได้ไปเล่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฟัง และเมื่อผมถูกคุมขังจน 7 โมงเช้า ตำรวจจึงส่งตัวผมไปที่สถานีตำรวจ จ.บุรีรัมย์ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมากคุมตัวไปเหมือนอาชญากรคนสำคัญ ทั้งๆ ที่คดีเป็นเพียงบุกรุกที่ดิน” นายการุณ ระบุ
นายการุณ กล่าวต่อว่า เมื่อไปถึงศาล มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกล้องโทรทัศน์ รวมทั้งผู้สื่อข่าวจำนวนมากดักรอยู่ที่บริเวณใต้ถุนศาล จากนั้นมีบุคคลแสดงตัวเป็นนายแบบด้วยการผลักตนให้เข้าคุกใต้ถุนศาล จากนั้นประมาณ 10 นาที เจ้าหน้าที่ศาลจึงนำตัวไปขึ้นศาล ตนจึงได้ให้น้องๆ ทนายความยื่นบัตรทนายความของตน เพื่อยื่นประกันตัวเอง ซึ่งศาลได้กรุณาให้ประกันตัวออกไปได้ ที่น่าสังเกตคือ ใบฝากขังของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่า พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาขัดหมายเรียก 4 ครั้ง จึงน่าเชื่อว่าน่าจะหลบหนี ซึ่งตนขอยืนยันว่าไม่เคยคิดหลบหนี เพราะเวลาไปปราศรัยในต่างจังหวัด มีตำรวจจำนวนมากมาคอยรักษาความปลอดภัย แล้วจะให้หนีไปได้อย่างไร
“นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนยังระบุอีกว่า นายการุณอาจจะเข้าไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ถามว่าจะเข้าไปยุ่งได้อย่างไร เพราะหลักฐานทั้งหมดอยู่ที่ตำรวจ รวมทั้งยังระบุอีกว่า สาเหตุที่ไม่ให้ประกันตัวอีก 1 ข้อ เนื่องจากเกรงว่า นายการุณ จะไปก่อให้เกิดความไม่สงบ ผมจึงสงสัยว่าเมื่อมาคบกับพันธมิตรฯ แล้วทำให้เกิดความไม่สงบสุขหรืออย่างไร และกว่าจะถึงชัยชนะ ตนไม่รู้ว่าจะเจออะไรอีกบ้าง แต่ตนไม่ต้องการให้พี่น้องประชาชนเจอเหมือนกับผม และจากนี้ไป ผมก็จะไปปราศรัยตามที่พี่น้องพันธมิตรฯ ต่างจังหวัดเชิญมาตามสมควร” นายการุณ กล่าวทิ้งท้าย
