“หมัก” เร่งเอาใจนายใหญ่ ไฟเขียวรวด 3 โครงการนำร่องลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน พร้อมปัดฝุ่นทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง วงเงินแสนล้านพ่วงท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายความร่วมมือในการลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (PPP : Public Private Partnership Committee) ครั้งที่ 1/2551 โดยมี นายธีรพล นพรัมภา เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเข้าประชุมด้วย โดยที่ประชุมได้รับหลักการ 3 โครงการนำร่อง ประกอบด้วย
1.โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (บางปะอิน-โคราช) ระยะทาง 199 กิโลเมตร ที่อยู่ในแผนก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง เร่งด่วนระยะ 10 ปี (พ.ศ. 2550 - 2560) รวมระยะทาง 730 กิโลเมตร งบประมาณ 170,050 ล้านบาท ทั้งนี้ แผนก่อสร้าง 10 ปี ประกอบด้วย สายบางประอิน-สระบุรี-นครราชสีมา งบประมาณก่อสร้าง 59,150 ล้านบาท สายบางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี ค่าก่อสร้าง 24,040 ล้านบาท สายชลบุรี-พัทยา-มาบตาพุด ค่าก่อสร้าง 38,200 ล้านบาท สายนครปฐม-สมุทรสงคราม-ชะอำ ค่าก่อสร้าง 10,500 ล้านบาท และสายบางประอิน-นครสวรรค์ ค่าก่อสร้าง 38,160 ล้านบาท
โดยกรมทางหลวงอยู่ระหว่างการดำเนินการศึกษาใน 2 รูปแบบ คือ (1) จัดตั้งกองทุน Toll Road Investment Trust เพื่อระดมทุนจากภาคเอกชน และ (2) จัดทำสัญญา Built-Operate-Transfer โดยภาครัฐอุดหนุนรายได้ให้ผลตอบแทนโครงการเป็นที่สนใจจากภาคเอกชน
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวดำเนินตามมติ ครม.วันที่ 22 เมษายน 2540 ในโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง 13 เส้นทาง วงเงิน 472,360 ล้านบาท โดยได้ดำเนินการไปแล้ว 2 เส้นทาง คือ สายกรุงเทพ-ชลบุรี และสายวงแวนรอบนอกด้านตะวันออก
รายงานข่าวแจ้งว่า อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเห็นว่าโครงการทั้ง 5 เส้นทางที่จะมีการดำเนินการในกรอบ 10 ปีนั้น ได้ให้กรมทางหลวงไปศึกษาว่าโครงการใดจะสามารถดำเนินการก่อน โดยยังไม่เห็นชอบทั้งหมด
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่โครงการที่ 2 เป็นโครงการสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ โดยวิธี PPP ที่มีประเด็นสำคัญในเรื่องพื้นที่ดำเนินการและกลุ่มเป้าหมาย เป็นโครงการภาครัฐตามนโยบายรัฐบาล มีขีดความสามารถและศักยภาพในการระดมทุน โดยสามารถมีสัญญาระยะยาวเป็นข้อตกลงการให้บริการร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนได้
ทั้งนี้ เป็นโครงการการแบ่งความรับผิดชอบระหว่างภาคเอกชนและกระทรวงสาธารณสุข โรงพยาบาลของรัฐ โดยภาคเอกชนจะจัดหาเงินทุน ออกแบบ ก่อสร้าง จัดหาอุปกรณ์ การบริการ การบำรุงรักษา การบริหารบุคคลการแพทย์ ขณะที่ภาครัฐจะมีหน้าที่เพียงชำระเงินให้ภาคเอกชนสำหรับบริการด้านการแพทย์และด้านอื่นๆ การให้ใบรับรองและใบอนุญาติการแพทย์ และเป็นผู้ติดตามผลเท่านั้น
3.โครงการบริหารจัดการอุทยาน ที่มีหลักการและเหตุผลคือการให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการอุทยานจำเป็นต้องเข้าใจประเด็นปัญหา กำหนดหลักการให้ชัดเจนและจัดทำแผนแม่บท โดยเน้นการอนุรักษ์และพิจารณาความเหมาะสมในการใช้พื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ การให้บริการประชาชนและการสร้างรายได้ เป็นโครงการที่เป็นประโยชน์และเป็นไปตามนโยบายรัฐบาล สามารถมีสัญญาระยะยาวเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างภาครัฐและเอกชนได้
ทั้งนี้ เป็นโครงการที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้จัดตั้งคณะทำงานความร่วมมือในการลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน ขณะเดียวกันยังได้กำหนดวันประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) ที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ในวันที่ 3 กันยายน 2551นี้
รายงานข่าวแจ้งว่า ทั้ง 3 โครงการถือเป็นโครงการนำร่องของคณะกรรมการ PPP ซึ่งผ่านการเห็นชอบของมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.นี้ โดยรัฐบาลระบุว่าเป็นคณะกรรมการที่จัดตั้งเพื่อร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน รวมทั้งได้เห็นชอบให้จัดตั้งสำนักงานความร่วมมือในการลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (PPP Unit) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ