พิษณุโลก - กรรมาธิการสภาผู้แทนราษฎร ลุยตรวจศักยภาพเมืองสองแคว เตรียมรับโปรเจกต์ใหญ่ ตัดถนนเชื่อม East-West North-South Economic Corridor มูลค่า 3 พันล้าน พร้อมดันแผน 4 ขั้นตอนให้พิษณุโลกเป็นศูนย์กลางสี่แยกอินโดจีนที่แท้จริง แต่ชิมลางแค่โครงการ “ปรับภูมิทัศน์สี่แยกอินโดจีน” ที่วาดหวังเชิดหน้าชูตาสถาปัตยกรรม 5 ชาติ ก็เริ่มส่งกลิ่น ตั้งงบ 10 ล้าน อาจได้แค่อาคารเสาไม้ผุ-ผนังอิฐบล็อก
เมื่อเร็ว ๆ นี้นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคพลังประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร และนายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจสภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางมาตรวจสอบและติดตามแผนงานพัฒนาพื้นที่สี่แยกอินโดจีน บริเวณสี่แยกอินโดจีน ต.สมอแข อ.เมืองพิษณุโลก
ทั้งนี้ มีนายสมพงศ์ อรุณโรจน์ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมกับนายณัฏฐวุฒิ คงเวชกุล ให้ข้อมูลว่า ได้ใช้พื้นที่ 9 ไร่ ของกรมทางหลวง ซึ่งอบจ.พิษณุโลก ได้สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้าง 10 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าถมดิน 4 ล้านบาท ค่าก่อสร้างและตกแต่งอาคารสถานที่ประมาณ 6 ล้านบาท ค่าบริหารจัดการประมาณ 1 ล้านบาท โดยออกแบบอาคารศูนย์ข้อมูล ศูนย์วัฒนธรรม 5 ประเทศ (จีน เวียดนาม พม่า ลาวและมาเลเซีย ) ลานแสดงวัฒนธรรม สถานที่จำหน่ายอาหารและสินค้าโอทอป
พร้อมกับสร้างแลนด์มาร์ก-หลักหมุดบอกพิกัดละติจูด-ลองจิจูด สี่แยกอินโดจีน ตรงกลางอาคารศูนย์วัฒนธรรม 5 ประเทศ ล่าสุดได้ว่าจ้างให้ผู้รับเหมาก่อสร้างให้เสร็จภายในปี 51 หรือให้ทันงานกีฬาแห่งชาติ พิษณุโลกเกมส์ แต่รูปแบบจะเป็นไปตามที่ออกแบบหรือไม่ ก็ต้องรอให้เสร็จเป็นรูปธรรม ภายใต้เป้าหมายสร้างเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบริเวณสี่แยกอินโดจีน
ตามข้อมูลที่นำเสนอต่อคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ ถึงข้อมูลการจัดตั้ง ศูนย์กระจายสินค้าสี่แยกอินโดจีน ในปี 48 พิษณุโลกได้ว่าจ้าง มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ศึกษาและออกแบบระบบลอจิสติกส์ วงเงิน 3 ล้านบาท เสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์ Distribution Center (Dc) ระยะที่ 1 ปี 2548 เป็นต้นไปให้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ DC ระยะที่ 2 ปี2550-2560 เป็นศูนย์กลางขนส่งต่อเนื่อง(Multiomodal transportation) ระยะที่ 3 ปี 2550-2560 ผลักดันให้เป็นศูนย์กลางขนส่งโดยตู้คอนเทนเนอร์ ระยะที่ 4 เป็นศูนย์กลางขนส่งเฉพาะกลุ่ม นอกจากนี้วางแผนตั้งตลาดกลางผักและผลไม้จังหวัดพิษณุโลก และที่พักรถด้วย
นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ที่มาตรวจเยี่ยมโครงการนี้ เพราะคนพิษณุโลกคาดหวังไว้มาก จึงต้องมาดูพื้นที่จริงและเก็บข้อมูลไปนำเสนอต่อกรรมาธิการเศรษฐกิจอีกครั้ง ส่งผ่านไปยังกระทรวงต่างๆ เพื่อประสานต่อประธานรัฐสภาและนำเสนอต่อฝ่ายบริหารหรือรัฐบาล เพื่อตรวจดูว่า พื้นที่สี่แยกอินโดจีนมีศักยภาพแค่ไหน ก่อนที่จะหาแนวทางสนับสนุนงบประมาณเชื่อมต่อ คือ ถนนสายพิษณุโลก-หล่มสัก ระยะ ทาง 105 กิโลเมตร วงเงิน 3 พันกว่าล้านบาท
ต่อข้อซักถามที่ว่า งานก่อสร้างและปรับภูมิทัศน์ของสี่แยกอินโดจีนจะเป็นไปตามแบบแผนวงเงิน 10 ล้านบาทตามป้ายระบุหรือไม่ เพราะทราบว่า มีการปรับเปลี่ยนแผนจากโครงการถาวรเป็นโครงการชั่วคราว เนื่องจากเป็นที่ดินของกรมทางหลวง และดูจากที่ดินเพิ่งถมเสร็จ มีการนำเสาขนาดเล็ก ก่อด้วยซีเมนต์บล็อก โดยมีเสาไม้เก่ากองอยู่เพื่อรอการตกแต่ง ทำให้หลายคนในจังหวัดพิษณุโลกสงสัยและเฝ้ามองว่า ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมที่ออกแบบอย่างงดงาม หากก่อสร้างเสร็จ จะเป็นที่เชิดหน้าชูตาของคนพิษณุโลกแค่ไหน
นายนิยม กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการเดิมใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท หากก่อสร้างไม่เหมือนช่วงนำเสนอ อาจเป็นลักษณะตัดทอนแบบออกไป โดยอ้างว่า จะต้องทำอาคารแบบชั่วคราว ไม่ถาวร เพราะเกรงว่า จะมีงานก่อสร้างถนนวงแหวนในอนาคต ก็คงต้องไปดูว่า แผนงานโครงการนั้นได้หั่นเนื้องานลงไปแค่ไหน และได้ปรับลดจำนวนวงเงินงบประมาณลงตามด้วยหรือไม่
นายณัฏฐวุฒิ คงเวชกุล ผู้อำนวยการแขวงการทางพิษณุโลก กล่าวว่า พิษณุโลกต้องการผลักดันโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณสี่แยกอินโดจีน เพราะมีที่ตั้งอยู่บนจุดตัดโครงการ East-West North-South Economic Corridor บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 และหมายเลข 11 ส่วนถนนสาย 12 หรือ พิษณุโลก – หล่มสัก ที่เชื่อมต่อไปภาคอีสาน เพียงแต่โครงการขยายถนนดังกล่าว รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมยังไม่แล้วเสร็จ หาก อีไอเอผ่าน ก็เชื่อว่าจะได้รับการสนับสนุนขยายเส้นทางจำนวน 3 พันล้านบาท
เมื่อเร็ว ๆ นี้นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก พรรคพลังประชาชน ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ สภาผู้แทนราษฎร และนายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจสภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางมาตรวจสอบและติดตามแผนงานพัฒนาพื้นที่สี่แยกอินโดจีน บริเวณสี่แยกอินโดจีน ต.สมอแข อ.เมืองพิษณุโลก
ทั้งนี้ มีนายสมพงศ์ อรุณโรจน์ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิษณุโลก พร้อมกับนายณัฏฐวุฒิ คงเวชกุล ให้ข้อมูลว่า ได้ใช้พื้นที่ 9 ไร่ ของกรมทางหลวง ซึ่งอบจ.พิษณุโลก ได้สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้าง 10 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าถมดิน 4 ล้านบาท ค่าก่อสร้างและตกแต่งอาคารสถานที่ประมาณ 6 ล้านบาท ค่าบริหารจัดการประมาณ 1 ล้านบาท โดยออกแบบอาคารศูนย์ข้อมูล ศูนย์วัฒนธรรม 5 ประเทศ (จีน เวียดนาม พม่า ลาวและมาเลเซีย ) ลานแสดงวัฒนธรรม สถานที่จำหน่ายอาหารและสินค้าโอทอป
พร้อมกับสร้างแลนด์มาร์ก-หลักหมุดบอกพิกัดละติจูด-ลองจิจูด สี่แยกอินโดจีน ตรงกลางอาคารศูนย์วัฒนธรรม 5 ประเทศ ล่าสุดได้ว่าจ้างให้ผู้รับเหมาก่อสร้างให้เสร็จภายในปี 51 หรือให้ทันงานกีฬาแห่งชาติ พิษณุโลกเกมส์ แต่รูปแบบจะเป็นไปตามที่ออกแบบหรือไม่ ก็ต้องรอให้เสร็จเป็นรูปธรรม ภายใต้เป้าหมายสร้างเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบริเวณสี่แยกอินโดจีน
ตามข้อมูลที่นำเสนอต่อคณะกรรมาธิการพัฒนาเศรษฐกิจ ถึงข้อมูลการจัดตั้ง ศูนย์กระจายสินค้าสี่แยกอินโดจีน ในปี 48 พิษณุโลกได้ว่าจ้าง มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ศึกษาและออกแบบระบบลอจิสติกส์ วงเงิน 3 ล้านบาท เสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์ Distribution Center (Dc) ระยะที่ 1 ปี 2548 เป็นต้นไปให้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ DC ระยะที่ 2 ปี2550-2560 เป็นศูนย์กลางขนส่งต่อเนื่อง(Multiomodal transportation) ระยะที่ 3 ปี 2550-2560 ผลักดันให้เป็นศูนย์กลางขนส่งโดยตู้คอนเทนเนอร์ ระยะที่ 4 เป็นศูนย์กลางขนส่งเฉพาะกลุ่ม นอกจากนี้วางแผนตั้งตลาดกลางผักและผลไม้จังหวัดพิษณุโลก และที่พักรถด้วย
นายนิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ที่มาตรวจเยี่ยมโครงการนี้ เพราะคนพิษณุโลกคาดหวังไว้มาก จึงต้องมาดูพื้นที่จริงและเก็บข้อมูลไปนำเสนอต่อกรรมาธิการเศรษฐกิจอีกครั้ง ส่งผ่านไปยังกระทรวงต่างๆ เพื่อประสานต่อประธานรัฐสภาและนำเสนอต่อฝ่ายบริหารหรือรัฐบาล เพื่อตรวจดูว่า พื้นที่สี่แยกอินโดจีนมีศักยภาพแค่ไหน ก่อนที่จะหาแนวทางสนับสนุนงบประมาณเชื่อมต่อ คือ ถนนสายพิษณุโลก-หล่มสัก ระยะ ทาง 105 กิโลเมตร วงเงิน 3 พันกว่าล้านบาท
ต่อข้อซักถามที่ว่า งานก่อสร้างและปรับภูมิทัศน์ของสี่แยกอินโดจีนจะเป็นไปตามแบบแผนวงเงิน 10 ล้านบาทตามป้ายระบุหรือไม่ เพราะทราบว่า มีการปรับเปลี่ยนแผนจากโครงการถาวรเป็นโครงการชั่วคราว เนื่องจากเป็นที่ดินของกรมทางหลวง และดูจากที่ดินเพิ่งถมเสร็จ มีการนำเสาขนาดเล็ก ก่อด้วยซีเมนต์บล็อก โดยมีเสาไม้เก่ากองอยู่เพื่อรอการตกแต่ง ทำให้หลายคนในจังหวัดพิษณุโลกสงสัยและเฝ้ามองว่า ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมที่ออกแบบอย่างงดงาม หากก่อสร้างเสร็จ จะเป็นที่เชิดหน้าชูตาของคนพิษณุโลกแค่ไหน
นายนิยม กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการเดิมใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท หากก่อสร้างไม่เหมือนช่วงนำเสนอ อาจเป็นลักษณะตัดทอนแบบออกไป โดยอ้างว่า จะต้องทำอาคารแบบชั่วคราว ไม่ถาวร เพราะเกรงว่า จะมีงานก่อสร้างถนนวงแหวนในอนาคต ก็คงต้องไปดูว่า แผนงานโครงการนั้นได้หั่นเนื้องานลงไปแค่ไหน และได้ปรับลดจำนวนวงเงินงบประมาณลงตามด้วยหรือไม่
นายณัฏฐวุฒิ คงเวชกุล ผู้อำนวยการแขวงการทางพิษณุโลก กล่าวว่า พิษณุโลกต้องการผลักดันโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณสี่แยกอินโดจีน เพราะมีที่ตั้งอยู่บนจุดตัดโครงการ East-West North-South Economic Corridor บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 และหมายเลข 11 ส่วนถนนสาย 12 หรือ พิษณุโลก – หล่มสัก ที่เชื่อมต่อไปภาคอีสาน เพียงแต่โครงการขยายถนนดังกล่าว รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมยังไม่แล้วเสร็จ หาก อีไอเอผ่าน ก็เชื่อว่าจะได้รับการสนับสนุนขยายเส้นทางจำนวน 3 พันล้านบาท