xs
xsm
sm
md
lg

“เป็ดเหลิม” รับแล้ว! “ยี้ห้อย” ตัวการถีบตกเก้าอี้ มท.1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“เหลิม” กล้าๆ กลัวๆ อ้างได้ยินทุกคนบอกตรงกัน ถูกเด้งตกเก้าอี้ มท.1 โดยฝีมือ “ยี้ห้อย” อยู่เบื้องหลัง แต่ไม่เคยถามนายกฯ หนำซ้ำ “หมัก” ไม่บอกล่วงหน้า จนข่าวออกมา จึงโทร.ไปถามสาเหตุที่ถูกปรับออก ยันไม่โกรธแค้น น้อยใจ หรือถูกกลั่นแกล้ง

วันนี้ (3 ส.ค.) เมื่อเวลา 15.00 น.ที่ร้านอาหารโต้ง หนุ่ม ชาย ย่านบางบอน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แถลงเปิดใจภายหลังถูกปรับออกจากคณะรัฐมนตรี ว่า ตนขอแสดงความยินดีที่การปรับ ครม.ครั้งนี้ประสบความสำเร็จ เป็นไปตามวามตั้งใจไว้ และขอยินดีกับรัฐมนตรีเก่า ที่ได้ปรับไปเป็นรัฐมนตรีใหม่อีกกระทรวงหนึ่ง และขอแสดงความยินดีรัฐมนตรีใหม่ทุกท่าน ขออวยพรให้รัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีประสบความสำเร็จในการบริหารบ้านเมือง และขอยินดีกับรัฐมนตรีใหม่ทุกท่าน และวันนี้ตนต้องการมาชี้แจง กรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์พอสมควรซึ่งมีทั้งสิ้น 5

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า กรณีที่ชมรมคนรักอุดรฯ ไปมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกายกัน จนกระทั่งมีภาพเหตุการณ์ลงหนังสือพิมพ์ และปรากฏรูปของตนเองที่มีผ้าสีแดงโพกหัวอยู่ ซึ่งความจริงแล้วตนได้ลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.อุดร และคนกลุ่มนี้จำนวน 500 คนก็ออกมาต้อนรับ เพราะคนกลุ่มนี้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชนที่ตนรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเคยมาปราศรัยทำให้รู้จักคนกลุ่มนี้ ซึ่งคนกลุ่มนี้ได้นำผ้ามาโพกศีรษะให้ตน และตนก็นำผ้าดังกล่าวมาโผกศีรษะจริง ดังนั้น ยอมรับว่ารู้จักกับคนกลุ่มนี้เป็นอย่างดี

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า แต่ตนขอชี้แจงว่า ในวันที่เกิดเหตุ ตนไม่ได้อยู่ในจ.อุดรฯ เพราะตนไปประชุมร่วมกับผู้ว่าฯ 17 จังหวัด ที่ จ.เชียงใหม่ ทั้งนี้ การที่มีข่าวว่าตนโทรไปแสดงความยินดีก็ไม่เป็นความจริง เพราะตนไม่คิดทำร้ายใคร ไม่นิยมความรุนแรง หากตนนิยมความรุนแรง คงไม่หนีจาก จ.กระบี่ ตนแค่เพียงมีแนวความคิดไม่ตรงกับกลุ่มพันธมิตรฯ จะมีแค่โต้แย้งกันไปมา ไม่เคยคิดทำร้ายใคร เพราะถือว่าเป็นประชาชนคนไทยด้วยกัน ส่วนกรณีที่บอกว่าประธานชมรมคนรักอุดรฯ เป็นที่ปรึกษาตนนั้น เรื่องดังกล่าวก็ไม่เป็นความจริง เพราะที่ปรึกษาตนมีเพียงคนเดียวคือนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า ที่มีการวิจารณ์ว่าตนไม่โยกย้ายข้าราชการตามความต้องการของใครนั้น ตนไม่ทราบ เพราะตนเป็นข้าราชการมาก่อน เข้าใจความรู้สึก ประกอบกับการโยกย้ายนั้นต้องเป็นไปตามระเบียบกฎเกณฑ์ระบอบข้าราชการ ที่เราต้องพึงปฏิบัติตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ที่ต้องบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ดังนั้น ต้องทำไปตามกฎเกณฑ์ และตนก็เป็นคนที่มีหิริโอตะปะ ซึ่งการบริหารประเทศในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งสามารถตรวจสอบได้

ส่วนกรณีที่ตนไม่ยอมย้ายปลัดกระทรวง และ 5 อธิบดี ตนคงไม่สามารถสนองตอบได้ แต่ตนต้องการให้โอกาส และก็ไม่ทราบว่ามีใครไม่พอใจบ้าง ซึ่งที่ผ่านมาก็ทำงานร่วมกันได้ด้วยดี รวมถึงการโยกย้ายผู้ว่าฯ ในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เป็นจำนวนมาก แต่ตนก็ปรับเพียงเล็กน้อย ซึ่งก่อนหน้านี้มีคนมาขอร้องตนแต่ตนไม่ขอบอกว่าเป็นใคร และไม่เคยตอบสนองและไม่ปฏิบัติตาม เพราะตนมีคุณธรรม ยึดหลักกฏหมาย ความถูกต้อง ชอบธรรม เพราะกระทรวงหมาดไทยเป็นสมบัติของชาติ ซึ่งอาจทำให้มีคนไม่พอใจ โกรธ เกลียดหรือไม่ ตนก็ไม่รู้

ส่วนเรื่องการเปลี่ยนแปลงงบประมาณ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ซึ่งกรมนี้มีงบฯ มากที่สุดในกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ ตั้งแต่ตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อช่วงเดือน ก.พ. ก็ได้มีการจัดสรรงบประมาณของกรม กระจายลงพื้นที่ไปแล้วกว่า 70-80% ซึ่งมีคนบางส่วนอยากให้มีการเปลี่ยนแปลงงบ โดยให้ยกเลิก ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง แต่ตนก็ไม่สามารถทำได้ เพราะงบฯ ดังกล่าวถือว่ามีความสำคัญต่อประชาชน และมีการทำสัญญาว่าจ้างกับ อบต. อบจ. และ เทศบาล ดังนั้น การยกเลิกงบฯ ดังกล่าวถือว่าเป็นการปล้นความรู้สึกของประชาชน ซึ่งตนไม่สามารถตอบสนองได้ แต่จะทำให้ใครไม่พอใจหรือไม่ ตนไม่ทราบ

อดีต รมว.มหาดไทย กล่าวว่า กรณีการออกสลากพิเศษตามที่ได้เสนอเข้า ครม. ตนไม่เห็นด้วยและได้คัดค้านไป 7 ข้อ จนทำให้คนบางกลุ่มเกิดความไม่พอใจตนหรือไม่นั้น ไม่ทราบ แต่ที่ทราบคือตนเป็นนักกฎหมาย ทำอะไรผิดแล้วจะถูกดำเนินคดีติดคุกในบั้นปลายตนก็ไม่ทำ เพราะการออกสลากพิเศษจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล แต่ที่ตนรู้มาว่า มีมูลนิธิแห่งหนึ่ง ไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย เป็นใครมาจากไหนไม่รู้ มาติดต่อกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ว่าขอออกสลากพิเศษ 40 งวด งวดละ 300 ล้านบาท เป็นเงินทั้งสิ้น 12000 ล้านบาท และมูลนิธิจะได้เงินจากการขาย 9% ซึ่งจะได้เงินกว่าพันล้านบาท มูลนิธินี้ดังกล่าวจะนำเงินไปช่วยเหลือประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่คนในพื้นที่เห็นว่าเงินที่ได้มาจากการออกสลากเป็นเงินบาป จึงไม่ยอมรับ และก่อนหน้านี้ในสมัย รัฐบาลนายชวน หลีกภัย ได้มีมติออกสลากพิเศษ ต้องเป็นหน่วยงานของรัฐเท่านั้น และในรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ จุลานนท์ ก็ไม่เห็นด้วยกับการออกสลากพิเศษจึงทำให้นายสมัคร ถอนเรื่องดังกล่าวออกจาก ครม. ดังนั้น หากตนยังเป็นรัฐมนตรีอยู่ ก็จะคัดค้านการออกสลากพิเศษต่อไป

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการปรับ ครม.นั้น ก่อนหน้าที่จะกระแสข่าวการปรับ ครม. นายกฯ ไม่เคยบอกตน จนกระทั่งหลังจากนั้น นายกฯ ได้โทร.ว่าจะปรับตน ซึ่งตนก็ไม่ได้ถาม เพราะตนเชื่อมั่นในดุลพินิจของนายกฯ ดังนั้น ไม่ต้องมาถามตน หากจะถามว่าปรับตนออกเพื่ออะไรก็ต้องไปถามนายกฯ เพราะนายกฯ บอกกับตนเพียงว่าอยากให้ตนไปนั่งเป็นรองประธานสภาฯ ซึ่งตนได้พูดติดตลกกับนายกฯ ว่าตนเป็นคนชอบพูดให้คนฟัง แต่ถ้าให้ไปนั่งฟังคนพูดมันไม่ถนัด

“ผมไม่น้อยใจ ไม่โกรธ และไม่คิดว่ามีแก๊งนู้น แก๊งนี้มากดดัน ผมเต็มใจ ที่จะออกและเต็มใจที่จะนั่งปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.เพียงอย่างเดียว เดิมที่ผมว่าจะเข้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิประจำกระทรวง แต่เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ แล้วผมก็ไม่มีโอกาสเข้าไปกราบลาสิ่งศักดิ์สิทธิ และกราบลาข้าราชการ เพราะไม่แน่ว่าอีก 5 ปี ผมจะกลับมาใหม่ ที่ผ่านมาข้าราชการในกระทรวงรู้ดีว่า ผมทำงาน100เปอร์เซ็นต์ ผมมาทำให้ ไม่ได้ทำเอา”ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

ส่วนที่มีกระแสข่าวที่ถูกปรับออกจา ครม. มีสาเหตุจากภาพพจน์ไม่ดี สังคมไม่เชื่อมั่น คนในพรรคไม่ชอบ แต่เรื่องนี้สังคมไม่รู้ว่าการที่ตนกลับมาเล่นการเมืองในครั้งนี้เพราะนายสมัคร มาพบตนที่บ้านเพื่อให้กลับเข้าไปเล่นการเมืองถึง 2 ครั้ง ซึ่งครั้งแรก ตนปฏิเสธ เพราะตนบอกว่าไม่มีเงิน แต่นายสมัครบอกว่าไม่เป็นห่วงเพราะสามารถบริหารจัดการได้ ต่อมานายสมัครได้ขับรถมาหาตนที่บ้านก่อนมีการปราศรัยใหญ่วันที่ 17 พ.ย. 50 ที่มีปราศรัยใหญ่ที่ท้องสนามหลวง มาคุยเรื่องการปราศรัยหาเสียง และมาบอกให้ตนลง ส.ส.แบบสัดส่วนกลุ่ม 6 ลำดับที่ 2 และหากพรรคได้เป็นรัฐบาลก็จะมีตำแหน่งรัฐมนตรีให้แน่นอน ตนจึงตอบตกลง

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า หลังจากนั้น ตนก็เดินทางปราศรัยหาเสียงกับนายกฯ มาโดยตลอด โดยเฉพาะภาคอีสาน ที่ ส.ส. มักจะขอร้องให้ตนไปช่วยปราศรัย เนื่องจากประชาชนพอใจและมีผู้มาฟังตนปราศรัยเป็นจำนวนมาก แต่ขณะนี้มี ส.ส.วิพากษ์วิจารณ์ตนว่าภาพพจน์ไม่ดี ดังนั้น ต่อไปนี้ตนจะจำไว้ และทบทวนตัวเอง หากใครมาเชิญ ให้ไปช่วยปราศรัยหรือช่วยงาน ตนก็จะพิจารณาดูเงาหัวตัวเอง แต่ตนมีข้อแม้ว่า คนที่จะเชิญตนไปนั้นก็จะต้องมีการแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน ว่าตนมีภาพพจน์อย่างไร ดีอย่างไร ตนถึงจะไปปราศรัยถึงจะร่วมกิจกรรมนั้น

“ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่น้อยใจ เต็มใจเป็นอย่างยิ่งที่ถูกปรับออกจาก ครม. ส่วนมิตรภาพระหว่างผมกับท่านนายกฯ เป็นมิตรภาพที่ยาวนาน ผูกพันกว่า 30 ปี เชื่อว่านายกฯ มีเหตุผลที่ปรับผมออก ไม่น้อยอกน้อยใจ ไม่จำเป็นต้องฝากงานไปถึงรัฐมนตรีคนใหม่ เพราะเชื่อว่านายกฯ จะเลือกคนที่เก่งกว่าผมมาทำงานแน่นอน ถ้าไม่เก่งคงไม่ตั้งมา”

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองการปรับ ครม.ครั้งนี้ เหมือน เสร็จนาแล้วฆ่าโคถึก หรือ เสร็จศึกฆ่าชาวนาหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนยังไม่ตาย ยังมีลมหายใจเป็นปกติ ยังเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน เป็น ส.ส.พรรคพลังประชาชน และยังทำงานให้พรรค แต่ก็ต้องกลับมาดูตัวเองเรื่องภาพพจน์ และพร้อมที่จะไปทำกิจกรรมให้กับพรรคทุกที่ แต่หากไปเพื่อหาเสียง ให้ ส.ส. ก็ต้องทำตามกฎเกณฑ์ คือ ส.ส.คนนั้นก็ต้องแถลงข่าวถึงภาพพจน์ของตนเสียก่อน

เมื่อถามว่า ทราบเหตุผลในการปรับออกจาก ครม.หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า นายกฯ ไม่ได้ให้เหตุผล แต่เชื่อว่าคงมีความจำเป็น ซึ่งตนยืนยันว่าการถูกปรับออกครั้งนี้ไม่มีเงื่อนไข เคารพในดุลพนิจของนายกฯ ตนเต็มใจออก และความผูกพันระหว่างตนกับนายกฯ แน่นแฟ้นและมีมิตรภาพยิ่งขึ้น ส่วน กรณีที่มีวิจารณ์ว่าตนไม่มีกลุ่มก้อนและถูกโดดเดี่ยวนั้น อย่าไปคิดอย่างนั้น ถ้าคิดอย่างนั้นจะเป็นการตีรวน แม้ตนไม่มีเงินตั้งกลุ่ม แต่ก็มีพวกเยอะที่เป็นกลุ่มทางความคิด วันนี้หลายคนก็ติดต่อมา

ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้มาจากการแนะนำของนายเนวิน ชิดชอบ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่เขาว่ามา ผมได้ยินมา เพราะทุกสายบอกมาว่านายเนวินมีอิทธิพลในการปรับ ครม. แต่ผมไม่ทราบ ไม่สนิท ไม่เคยถาม และเขาก็ไม่เคยมาบอกตน ตนจึงคิดแบบนั้นไม่ได้ เพราะจะหาว่าตนตีรวน แต่ตนก็มีแหล่งข่าวของตน

เมื่อถามว่า ได้ถามนายกฯ หรือไม่ว่านายเนวิน มีส่วนในการปรับ ครม.ครั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ถาม เพราะเป็นมรรยาท หากถามก็ถือว่านายกฯ เป็นเด็ก แต่นายกฯ ไม่ใช่เด็ก ที่จะต้องมีคนที่มีอิทธิพลมาชี้นำ อีกทั้งนายสมัครก็มีอายุตั้ง 73 ปีแล้ว เมื่อถามว่า การปรับออกจากตำแหน่งเพื่อรักษาหน้าตาของรัฐบาลใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “ถ้าทางการเมืองผมไม่ทราบ แต่ถ้าหน้าตาสู้ผมไม่ได้”

เมื่อถามว่า เป็นเพราะถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถลดความขัดแย้งของผู้ชุมนุมจนทำให้ถูกปรับออกใช้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนยืนยันว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังการปะทะกันที่ จ.อุดรฯ พันธมิตรฯ เข้าใจผิดว่าตนอยู่เบื้องหลัง แต่เขารู้กันทั้งนั้นว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ เพราะมีคนแอบสั่งการ และคนสั่งก็ไม่ใช่ระดับรัฐมนตรี มีแต่พันธมิตรฯ ที่ไม่รู้ เมื่อถามว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังม็อบตีกัน เป็นคนเดียวกับคนที่อยู่เบื้องหลังการปรับ ครม.หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า พวกคุณก็รู้นี่ มีคนตั้งสังเกต แต่ผมไม่ตอบ เรื่องนี้มีคนแอบสั่งการ แต่พันธมิตรฯ ไม่เข้าใจ นักเลงกับโจร ไม่เหมือนกัน เพราะนักเลงไม่ใช่โจร และโจรก็ไม่ใช่นักเลง ”

เมื่อถามว่า นายเนวิน เข้ามายุ่งกับการปรับ ครม.ถือว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ขอแสดงความคิดเห็น แต่ปัจจุบันเป็นยุคของข่าวสารรวดเร็ว ปิดอะไรไม่ได้ คนชั่วไม่มีวันเจริญ เมืองไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ ไม่เชื่อ อย่าลบลู่ จะมาตั้งแก๊งอะไรตนไม่รู้ สุดท้ายก็ต้องถอยหมด คนทำผิดคิดชั่วจะต้องได้รับกรรม คนคิดที่จะเอาสมบัติชาติ สุดท้ายก็ไปไม่รอด ตนไม่อยากพูดมากไปกว่านี้ เดี๋ยวจะหาว่าเฉลิมแค้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงข่าวของ ร.ต.อ.เฉลิม นั้น ได้มีนายวิชัย ศรีขวัญ อธิบดีกรมการปกครอง พร้อมด้วย นางวนิดา บุญประคอง รองผู้ว่าฯ จ.สมุทรปราการ ได้นำดอกไม้มามอบให้ เพื่อเป็นกำลังใจด้วย



กำลังโหลดความคิดเห็น