“ประพันธ์” สุดสลดสำนึก “ตำรวจไทย” ปล่อย “ขี้เมา” ที่ขับรถพุ่งชนรั้ว “พันธมิตรฯ” แถมพกอาวุธเต็มพิกัด ชี้มี “เจตนาฆ่า” ผู้ชุมนุมอย่างชัดเจน พร้อมจี้สภาทนายความเพิกถอนใบอนุญาต ตอกซ้ำไร้น้ำยาคดี “ขนม 2 ล้าน-ดา ตอร์ปิโด” ไม่มีความคืบหน้า อัดยับ “สุรษงษ์” สุดด้านไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ ทั้งๆ ที่ในอดีตเคยไล่ด่านักการเมือง
วันนี้ (31 ก.ค.) นายประพันธ์ คูณมี อดีต สนช. ขึ้นเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยกล่าวถึงความคืบหน้าของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ต่อสู้มาอย่างยาวนานถึง 68 วันว่า เรากำลังจะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ เพราะพันธมิตรฯ ชุมนุมทางการเมืองที่ใช้ระยะเวลายาวนาน โดยสันติและปราศจากอาวุธ เนื่องจากต้องการเห็นประเทศชาติ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น และอยากเห็นสถาบันกษัตริย์อยู่คู่บ้านคู่เมือง รวมทั้งเอาคนเลวที่โกงบ้านกินเมืองได้รับโทษทัณฑ์ โดยเปิดทางให้คนดีขึ้นมาปกครองบ้านเมือง ซึ่งถือว่าคุ้มค่า
“สถานการณ์ปัจจุบันนี้ เป็นการดิ้นรนเฮือกสุกดท้ายของระบอบทักษิณ โดยรัฐบาลของรัฐบาลหุ่นเชิดภายใต้การนำของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะถูกทำลายลงในเวลาอันใกล้นี้ เหตุเพราะประมุขของระบอบทักษิณ ซึ่งก็คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือคุณหญิงพจมาน ชินวัตร รวมทั้งคณะรัฐมนตรี ที่ได้ร่วมกันก่อกรรมเอาไว้กับบ้านเมือง ขณะนี้กำลังจะถูกศาลพิพากษาให้เห็นกรรมที่เขาก่อเอาไว้ และนั่นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าที่เรายืนหยัดต่อสู้ และเปิดโปงระบอบทักษิณ มายาวนั้น เราพูดความจริง เพราะมีคำพิพากษายืนยันการกระทำของเขาได้เป็นอย่างดี” นายประพันธ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีคนขับรถพุ่งเข้ามาชนรั้วของพันธมิตรฯ นั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า คนที่ขับรถพุ่งเข้ามาชนรั้วโดยมีคนนั่งอยู่ด้านในนั้น โดยสามัญสำนึกของคนทั่วไป คือการจงใจที่จะเอาชีวิต เพราะรถที่ขับมานั้นมีกำลังแรงม้าสูง จึงมีเจตนาที่จะฆ่าอย่างชัดเจน แต่ถ้าเป็นการกระทำโดยประมาท หรืออุบัติเหตุ เราก็พอจะรู้ได้ว่าเป็นการกระทำโดยประมาทหรือไม่ แต่ตนไปสอบถามหน่วยรักษาความปลอดภัยก็ได้รับการยืนยันว่าคนขับไม่ได้เมา เพราะเมื่อเขาขับรถชนรั้วแล้ว เขาวิ่งไปกินเหล้าที่รถ แล้วเทใส่ตัวเพื่อให้มีกลิ่นเหล้า แล้วยังมีหน้ามาบอกว่ามาเยี่ยมกลุ่มพันธมิตรฯ
“ที่สำคัญภายในรถของเขาเต็มไปด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งมีกระสุนปืนอยู่ในรังเพลิง อีกทั้งยังมีกระสุนปืนอยู่เป็นลังๆ แล้วอย่างนี้เขาจะไปไหว้เสด็จเตี่ยรัชกาลที่ 5 หรือจะเข้าไปฆ่าพี่น้องที่มาชุมนุม และพอเขาถูกจับได้ เขาบอกกับหน่วยรักษาความปลอดภัยว่า เขาเบื่อ รำคาญ และไม่พอใจที่กลุ่มพันธมิตรฯ กีดขวางการจราจร เขาเลยขับรถมาเพื่อจะเยี่ยมพวกเรา แสดงว่านายคนนี้อาจจะเกิดอาการคุ้มคลั่ง หงุดหงิด หรือไม่พอใจ จึงจงใจที่จะมาเยี่ยมเราชาวพันธมิตรฯ ฉะนั้น พรุ่งนี้เราอาจจะไปเยี่ยมเขาบ้าง โดยเราจะขับรถสิบล้อพุ่งชนบ้านเขา แล้วก็บอกว่าเรามาเยี่ยม” นายประพันธ์ ระบุ
อดีต สนช.กล่าวอีกว่า คำพูดพล่อยๆ เช่นนี้มันฟังไม่ขึ้น ยิ่งถ้าเป็นทนายความซึ่งรู้กฎหมายอยู่แล้ว ต้องลงโทษสถานหนัก และไม่ควรให้มีการประกันตัว รวมทั้งให้เพิกถอนใบอนุญาตทนายความด้วย นอกจากนี้ อยากถามว่า คดีของทนายทักษิณ เรื่องขนม 2 ล้าน รวมทั้งคดีของ ดา ตอร์ปิโด ซึ่งหมิ่นเบื้องสูงนั้น มีความคืบหน้าไปถึงไหน เห็นได้ชัดเจนว่าทุกคดีไม่มีความก้าวหน้า ฉะนั้นจึงป่วยการที่จะพูดถึงคนพวกนี้ และมีอย่างเดียวคือ ต้องร้องต่อ ป.ป.ช. แล้วเอาคุกไปให้ ดังนั้นจะไม่มีการ ประนีประนอมกับพวกที่ไม่เคารพกฎหมาย
“คดีเรื่องหวย ศาลก็รับฟ้องไปแล้ว แต่รัฐมนตรี 3 คนของเราหน้าด้าน ยังไม่หยุดปฏิบัติหน้าที่ และคนที่น่าประณามก็คือนายสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.คลัง ซึ่งเป็นผู้นำนักศึกษา ซึ่งเมื่อก่อนก็ยืนด่านักการเมืองเหมือนเราในตอนนี้ แต่เมื่อมาเป็นรัฐมนตรี กลับหน้าหน้า หน้าด้าน และก็เลี่ยงบาลีที่จะอยู่ต่อเพื่อปฏิบัติหน้าที่ โดยอ้างว่า ส่งให้กฤษฎีกาตีความแล้ว แต่ที่เลวที่สุดคือนายสมัคร ระบุว่าไม่ต้องตีความเร็วหรอก เอาไว้สัก 2-3 เดือนค่อยส่งมาก็ได้ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวพวกเราจะไปดำเนินคดีทำให้เรื่องดังกล่าวเร็วขึ้นเอง” อดีต สนช.ระบุ
นายประพันธ์ กล่าวต่อว่า และทั้งๆ ที่นายสุรพงษ์ มีคดีติดตัว ยังไปแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายของธนาคารชาติ ซึ่งเท่ากับเป็นคณะกรรมการบอร์ดฯ โดยมีอดีตรัฐมนตรีพรรคไทยรักไทย เป็นกรรมการบอร์ดของธนาคารชาติ รวมอยู่ด้วย ทำให้แบงก์ชาติไม่มีอิสระ เพราะจะถูกครอบงำจากฝ่ายการเมือง
