“สมเกียรติ” คารวะจิต “สุวิทย์” ยอมไถ่บาปด้วยการประกาศลาออกจาก “รัฐบาลขายชาติ” พร้อมปลุกประชาชนใกล้ถึงเวลาลุกขึ้นต่อสู้กับ “อำนาจเผด็จการ” ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ วอนร่วมออกมาช่วยกันสร้างประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของการเมืองไทย แฉ “บุคคล” กลัวคามผิด เดินแผนขอลี้ภัยไปต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
วันนี้ (30 ก.ค.) นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัย โดยกล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลเตรียมที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า วันนี้เดินทางไปปราศรัยที่ จ.ระยอง ปรากฏว่าได้เงินบริจาคกว่า 6 แสนบาท โดยมีประชาชนกว่า 7,000 คน ซึ่งจะเป็นการลุกขึ้นสู้ครั้งยิ่งใหญ่มากกว่าการเป่านกหวีดครั้งแรกในวันที่ 1 ส.ค.ตั้งแต่เวลา 14.00 น.เป็นต้นไป เพราะรัฐบาลดิ้นแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเสนอ 4 มาตราเดิม และ 2 มาตราหลัก โดยเขาจะขจัดการยุบพรรค โดยเฉพาะพรรคพลังประชาชน ชาติไทย มัชฌิมาฯ และพรรคเพื่อแผ่นดิน ซึ่งสถานการณ์พรรคเพื่อแผ่นดินเป็นพรรคที่รวมตัวกันหลวมที่สุด เพราะมีร้อยพ่อพันแม่ โดยเขาประกาศว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเขาจะถอนตัวออกจากรัฐบาล ทำให้หัวหน้าพรรคชาติไทยเตี้ยลงไปอีก 5 เซนติเมตร
“เราอยากจะบอก ส.ส.สังกัดคอกทรราชสังกัดอีสานใต้ ซึ่งเป็นมาเฟียแห่งเขากระโดง เขาจะยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยไม่ฟังเสียงห้ามปรามของใคร โดยคนแรกที่ออกมาให้กำลังใจศาล โดยขอให้ทำงานอย่างเต็มที่ คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ออกมาเตือนแล้วว่าอย่าแก้รัฐธรรมนูญ และตอนนี้ ผบ.ทบ.ทนไม่ได้ที่เห็นประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกตีที่ประเทศอุดรฯ จึงออกคำสั่งให้สารวัตรทหารออกไปคุ้มครองประชาชน ทำให้ไม่มีพวกสุนัขรับใช้ไม่สามารถออกมาก่อกวนได้เลยแม้แต่เวทีเดียว ดังนั้นถ้าเราชนะ เราจะไปเฉลิมฉลองที่ประเทศอุดรธานี” นายสมเกียรติ กล่าว
นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า ส่วนคนที่ 2 ที่ออกมาเตือนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็คือ นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. โดยนายวิชา ยืนยันว่าจะไม่ถอยอย่างเด็ดขาด โดยท่านท่องเอาไว้คือ 14 ล้านเสียงที่ลงคะแนนรับร่างรัฐธรรมนูญ ถ้าใครแก้ไขต้องมีเรื่อง นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งบุคคล คือ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ออกมายอมรับว่า ในฐานะที่เป็นนักวิเคราะห์ ได้สรุปว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีกว่าปี 2540 และถ้าใครมาบังอาจแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะนำไปสู่ความรุนแรงอย่างแน่นอน
“ดังนั้น ถ้ามีการรวมพลจะมีคนมาชุมนุมร่วมกัน ซึ่งยิ่งใหญ่กว่าการเป่านกหวีดครั้งแรก ฉะนั้นรบเป็นรบ ปะทะเป็นปะทะ เพราะขณะนี้นายกฯ เจอวิกฤตภายในแล้ว แต่เดิมนายสุวิทย์ เป็นฝ่ายก้าวหน้าอยู่กับเรา แต่หลงผิดไปร่วมกับรัฐบาล วันนี้แม้เขาจะมาช้าก็มาดี ทำให้นายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยถึงกับตะลึง จึงขอคารวะให้กับพรรคเพื่อแผ่นดิน และขอยืนยันว่าการถอนตัวออกมานั้น เป็นการกระทำที่ถูกต้อง เพราะได้แก้ไขบาปครั้งสุดท้าย เนื่องจากในอดีตท่านได้ขายเขาพระวิหารไป แต่วันนี้ทำความดี และจะมาร่วมทวงคืนเขาพระวิหารร่วมกับเรา” นายสมเกียรติ กล่าว
แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เราอ่านสถานการณ์ได้ไม่ยาก เพราะพวกเราประชาชน และพันธมิตรฯ จับมือกับทหาร จะรุมกระทืบรัฐบาลถ้ามีการยื่นเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่คาดว่าพอเรารวมตัวกันจำนวนมาก เขาก็จะถอนเรื่องนี้ออก เพราะกลัวว่าจะไม่มีที่อยู่ ที่สำคัญการขอลี้ภัยของคนบางคนเริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยศาลมีคำสั่งอนุญาตให้คนบางคนออกนอกประเทศได้ ซึ่งออกได้ตั้งแต่วันที่ 5 ส.ค.นี้ แต่คำพิพากษาจะเกิดขึ้นในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ดังนั้น โปรดอย่าวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการตุลาการ เพราะกระบวนการยุติธรรมต้องฝ่าด่านมรสุม และหมู่มาร รวมทั้งได้รับการหนุนช่วยจากประชาชน จนท้ายที่สุดพวกเราก็จะได้รับชัยชนะ
“วันนี้อยากจะเตือนนักการเมืองว่า ยิ่งเคลื่อนไหวเท่าไหร่ก็ไม่เกิดข่าว ถึงแม้ว่าจะอภิปรายดีอย่างไร แต่ก็แพ้ข่าวพันธมิตรฯ โดยเฉพาะกรณีการไล่ตีประชาชนที่ จ.อุดรธานี นั้น สามารถแย่งพื้นที่ข่าวรัฐบาลได้ทั้งหมด ฉะนั้นพันธมิตรฯ ทุกคนจึงมีเป้าหมายที่ดีต่อสังคม โดยในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ทุกคนจะมุ่งหน้ามาสู่กรุงเทพฯ เพื่อกู้ชาติ เพราะมีความสุข โดยขอให้ประชาชนจูงลูกจูงหลานมาถ่ายรูปให้เป็นภาพประวัติศาสตร์ เพราะการชุมนุมเกือบ 70 วันอย่างนี้ ไม่มีอีกแล้ว” นายสมเกียรติ กล่าว
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า เราขอย้ำเตือนพี่น้องประชาชนว่า เวลาลุกขึ้นสู้ของเราใกล้เข้ามาแล้ว แค่เตรียมร่วมที่แข็งแรงที่สุดกับธงก็พอ โดยวันที่ 1 ส.ค.นี้เป็นต้นไป แกนนำพันธมิตรฯ จะต้องถือธงประจำตัวขึ้นเวทีปราศรัย ส่วนการเจรจากับกัมพูชาของนายเตช บุนนาค รวม.ต่างประเทศ คนใหม่ นั้น ยังไม่มีอะไรคืบหน้า และได้ความพ่ายแพ้กลับมา เพราะปลามันเน่าแล้ว ถึงอย่างไรคนที่ไปเจรจาก็ต้องเน่าด้วย
