พลิกปูมถ่อย “ขวัญชัย” จัดตั้ง “ชมรมคนรักอุดรฯ” เพื่อรองรับการเคลื่อนไหวของ “ระบอบแม้ว” ก่อนแฉโพย “7 ผู้สนับสนุน” จัดตั้ง “คลื่นมวลชนสัมพันธ์” ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือข่มขู่-คุกคาม ชาวอุดรฯ ที่ไม่เห็นด้วย หรือเข้าร่วมกับ “กลุ่มพันธมิตรฯ” แฉแหลก “ดีเจเถื่อน” เกณฑ์คนไล่ฆ่าชาวอุดรฯ-ป่วนพันธมิตรฯ ใน กทม.อีกหลายครั้ง
ชื่อของ นายขวัญชัย ไพรพนา ดีเจปากพล่อยแห่งคลื่นมวลชนสัมพันธ์ หนึ่งในสถานีวิทยุชุมชน จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางทั่วประเทศเมื่อคราวเป็นแกนนำม็อบปิดล้อม นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรฯ และนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เมื่อปลายเดือน เม.ย.2549 เพื่อไม่ให้พันธมิตรฯ จัดงานสัมมนาเปิดเปิดโปงระบอบทักษิณ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏ
นายขวัญชัย ไพรพนา ดีเจคนดัง รู้จักกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในวาระที่ชมรมคนรักอุดรฯ นำสิ่งของไปช่วยชาวเหนือที่ประสบอุทกภัย โดยมอบผ่านรักษาการนายกรัฐมนตรี ซึ่งเพื่อนพ้องของขวัญชัยเล่าถึงตัวตนของเขาว่า นิสัยส่วนตัวชอบทำตัวเวอร์ ขี้คุยโวโอ้อวดถึงความมั่งมี และคุยโวว่าเป็นคนมีเส้นสายใหญ่โตในวงราชการ และนักธุรกิจใหญ่โตในเมือง ชอบประจบสอพลอกับคนใหญ่คนโตในจังหวัดเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด ภรรยาผู้ว่าฯ ผู้กำกับ ส.ส. นายก อบจ. รวมไปถึงนักธุรกิจ และพ่อค้า
ดีเจปากพล่อยคนนี้ มีพื้นเพเป็นคนอำเภอเดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี เรียนจบ ป.4 แล้วออกมาเผชิญโชค เคยเป็นตลกอยู่วงดนตรีลูกทุ่ง แล้วก็เริ่มตั้งตัวได้ในสมัยที่สายัณห์ สัญญา กำลังโด่งดัง จากนั้นเขาเริ่มเข้าจับธุรกิจทำรายการวิทยุที่เสียงสามยอด โดยเป็นผู้จัดรายการวิทยุเชียร์นักร้องลูกทุ่งโดยเฉพาะสายัณห์ สัญญา ซึ่งมีห้างขายยาและห้างร้าน เช่น ห้างขายยาแก่นนคร ซันย่า เข้ามาเช่าเวลาจากสถานีวิทยุเสียงสามยอด แล้วก็หานักจัดรายการมาจัดรายการเพลงลูกทุ่ง สลับกับโฆษณาสินค้า ซึ่งขวัญชัย ไพรพนา ก็เป็นหนึ่งในนักจัดรายการวิทยุด้วย โดยทำทั้งทัวร์คอนเสิร์ตไปตามหมู่บ้านตำบลต่างๆ ถ่ายทอดสด และประกวดนักร้อง
ฝีมือการปั้นนักร้องของ “ดีเจ ป.4” คนนี้ มีผลงานเด่น คือ “ลูกนก-พรพนา” โดยอาศัยความสนิทสนมกับเจ้าของห้องอัด มาสเตอร์เทป ซึ่งคนใกล้ชิดกับเขาเล่าว่า ในสมัยที่จัดรายการวิทยุเสียงสามยอด เมื่อ 20-30 ปีก่อน ขวัญชัยจะชอบเบ่ง และข่มเพื่อนๆ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ขวัญชัย เคยมีเรื่องกับ “ทิดสา ผีบ่อยาก” เป็นนักจัดรายการวิทยุที่ จ.ส.5 ชัยภูมิ และเสียงสามยอดอุดรธานี เรื่องก็คือ ขวัญชัย ทำมาหากินเดินสายกับ “สายัณห์ สัญญา” แต่ “ทิดสา ผีบ่อยาก” ทำมาหากินเดินสายกับ “ยอดรัก สลักใจ” ทำให้ไปทับเส้นทางทำมาหากินกันของขวัญชัย
ส่วนนักจัดรายการวิทยุในสมัยเดียวกับนายขวัญชัยที่ไม่กินเส้นกันนั้นมีอยู่หลายคน เช่น “ทิดสา ผีบ่อยาก” “เขยใหม่ เมืองอุดร” “กิ่ง กรกช” ซึ่งเคยที่จะมีเรื่องชกต่อยกับ ขวัญชัย “ชาย เมืองชล” “วิฑูรย์ วงศ์ไกร” “ดอน แดนอีสาน” และ “หนุ่มไทย สระบุรี” เป็นต้น มีเรื่องเล่าอยู่ว่า สมัยนายขวัญชัย จัดรายการอยู่เสียงสามยอด จ.ขอนแก่น ด้วยนิสัยคุยโวโอ้อวดจึงถูกขู่ฆ่า แล้วหนีไปพึ่งบารมีนางเบญจมาศ ปริญญาพล ภรรยาของนายจารึก ปริญญาพล อดีตผู้ว่าฯ อุดร จากนั้น นายขวัญชัย ก็ย้ายมาปักหลักทำมาหากินที่ อ.เมือง จ.อุดรธานี
นายขวัญชัย เป็นเจ้าของสถานีวิทยุ “คลื่นมวลชนสัมพันธ์” FM 97.50 MHz โดยอาศัยช่องทางของรัฐธรรมนูญ 2540 ในมาตรา 40 จัดตั้งสถานีวิทยุขึ้นมา แต่เนื้อแท้แล้วไม่ได้มีเจตนารมณ์ที่จะทำวิทยุชุมชนอย่างแท้จริง เพราะไม่มีโฆษณาเหมือนกับวิทยุกระแสหลักโดยทั่วไป โดยภายหลังจากที่นายขวัญชัย นำม็อบไปปิดล้อมแกนนำพันธมิตรฯ ว่ากันว่า ขวัญชัย ได้รับรางวัลสมนาคุณอย่างงาม จากพรรคการเมืองใหญ่ จนกระทั่งสามารถซื้ออุปกรณ์เพิ่มสัญญาณวิทยุ จากกำลังขยาย 300 วัตต์ ไปเป็น 1 กิโลวัตต์ เพื่อขยายการรับฟังของสถานีดังกล่าวให้ได้ยินไปทั่วถึงทั้งเมืองอุดรธานี รวมทั้งยังมีทุนรอนสำหรับจัดกิจกรรมและทำการเคลื่อนไหว โดยไม่มีการเปิดเผยถึงเส้นทางเงินทุนที่สนับสนุน
เมื่อมองย้อนกลับไปก่อนที่จะมีเหตุการณ์ปิดล้อมพันธมิตรฯ ในปี 2549 นายขวัญชัย ใช้คลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 94.0 Mhz ซึ่งเป็นเครื่องส่งสัญญาณกำลังส่งเล็กๆ แบบสถานีวิทยุชุมชนทั่วไป แล้วยิงสัญญาณไปที่ 97.5 Mhz ซึ่งกำลังส่งใหญ่กว่าประมาณ 300 วัตต์ แต่เมื่อซื้อเครื่องส่งสัญญาณ 1 กิโลวัตต์เข้ามา ทำให้ไม่ต้องยิงสัญญาณจาก 94.0 Mhz มาที่ 97.5 Mhz อีก โดยเป็นการส่งสัญญาณจากคลื่น 97.5 Mhz โดยตรง
ส่วนการจัดตั้งชมรมคนรักอุดรฯ นั้น ชมรมดังกล่าวได้ก่อตั้งขึ้นมาก่อนหน้าที่จะปิดล้อมพันธมิตรฯ อุดรธานี ประมาณ 1 เดือน ในช่วงที่กระแสขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ เกิดขึ้นทั่วประเทศ รวมทั้งที่ จ.อุดรฯ ด้วย โดยในช่วงนั้น พรรคไทยรักไทย สร้างกระแสตอบโต้ว่า คนต่างจังหวัดสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ จากนั้นนายขวัญชัย จึงไปขึ้นเวทีในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ส่วนการเปิดเวทีชุมนุมใหญ่กลางทุ่งศรีเมือง ที่ จ.อุดรธานี นั้น อยู่ภายใต้การสนับสนุนของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัด
หลังจากจัดเวทีเสร็จ นายขวัญชัย ได้เริ่มก่อตั้งชมรมคนรักอุดรฯ ขึ้นมา เพื่อมารองรับการเคลื่อนไหวสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งมี ส.ส.ไทยรักไทย จ.อุดรธานี นายก อบจ. ผู้ว่าฯ และฝ่ายตำรวจ โดยการนำของ พล.ต.ต. เขมณัฐ สุขเจริญ ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เป็นผู้สนับสนุน
นายขวัญชัย ซึ่งทำหน้าที่เป็นกระบอกที่เสียงสำคัญนั้น จัดรายการในช่วง 08.00 น.-12.00 น. ทุกวัน โดยจะปลุกระดม ข่มขู่ และคุกคาม นักธุรกิจ และข้าราชการที่ออกมาสร้างกระแสขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ใน จ.อุดรฯ โดยรูปแบบรายการจะให้คนฟังทางบ้านโทรศัพท์เข้ามา แล้วก็ใช้วาจาข่มขู่ คุกคาม และปลุกระดมให้เกิดการทำร้ายร่างกาย รวมไปถึงการเอาชีวิต เช่น “ไอ้คนพวกนี้ เป็นพวกขับไล่ทักษิณ ต้องเผามัน เอามันไปนั่งยาง ฆ่ามัน หรือไม่ก็ เอาคนไปปิดล้อมบ้านหรือร้านค้ามัน เป็นต้น
นอกจากนี้ นายขวัญชัยยังมีการทำรายชื่อร้านค้าต่างๆ ในเมืองอุดรฯ ที่ไปเป็นแนวร่วมกลุ่มเป็นพันธมิตรฯ ซึ่งมีนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นแกนนำ โดยจะมีการนำเอารายชื่อไปสอดไว้หน้าร้านค้าที่มีรายชื่อดังกล่าว ซึ่งถือเป็นการข่มขู่และคุกคาม
สำหรับสถานที่ตั้งสถานีวิทยุคลื่นมวลชนสัมพันธ์นั้น ตั้งอยู่ที่ตลาดเริ่มอุดม ซึ่งอยู่ติดกับตลาดเซ็นเตอร์พ้อยท์ และตลาดปรีชา อยู่ใกล้สถานีรถไฟอุดรธานี ซึ่งเป็นของ “เสี่ยตี๋” - ปรีชา ชัยรัตน์ เจ้าของโรงงานน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอุดรธานี 2 แห่ง ตั้งอยู่ที่ อ.กุมภวาปี และ อ.ไชยวาน
ส่วนสายสัมพันธ์ของกลุ่มบุคคลในเมืองอุดรธานี ที่เกื้อหนุนต่อการดำรงอยู่ของคลื่นมวลชนสัมพันธ์ มีดังนี้ 1.นายขวัญชัย ไพรพนา เจ้าของสถานีวิทยุคลื่นมวลชนสัมพันธ์ ตั้งอยู่ที่ตลาดเริ่มอุดม 2.สุเทพโปรโมชั่น บริหารงานโดย สุเทพ สุวรรณประดิษฐ์ สำนักงานตั้งอยู่ติดกันกับสถานีวิทยุคลื่นมวลชนสัมพันธ์ โดยนายสุเทพ เป็นชาวใต้ ทำธุรกิจในแวดวงบันเทิง รับจ้างออกสวนสนุก ออกร้านค้า จัดคอนเสิร์ตลูกทุ่ง และมีธุรกิจที่ไม่เปิดเผย จนกระทั่งได้ชื่อว่าเป็น “ผู้กว้างขวางแห่งทุ่งศรีเมือง” เพราะแทบจะผูกขาดการจัดงานในทุ่งศรีเมือง และถ้าหากงานไหนพลาด ผู้รับเหมารายอื่นก็อาจมีปัญหาเรื่องการต่อไฟฟ้าไปใช้ที่ทุ่งศรีเมืองได้
3.“เสี่ยตี๋” - ปรีชา ชัยรัตน์ เจ้าของตลาดเริ่มอุดม และตลาดปรีชา ซึ่งอยู่ติดกัน รวมทั้งเป็นเจ้าของโรงงานน้ำตาลที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอุดร อีกทั้งยังเป็นเจ้าของคอกม้า และสนามแข่งม้าอุดรธานี แต่ปัจจุบันเปลี่ยนเจ้าของไปแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นที่เพ่งเล็ง และถูกขึ้นบัญชีเป็นผู้มีอิทธิพลตามนโยบายปราบมาเฟีย และเจ้าพ่อ ของ พ.ต.ท.ทักษิณ เรื่องนี้เสธ.ไอซ์ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต เพื่อนของเสี่ยตี๋ และ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ขุนพลไทยรักไทย ที่คุมพื้นที่ภาคอีสาน น่าจะเป็นคนที่รู้เรื่องนี้ดี เช่นเดียวกับการรู้ว่าใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่จำต้องทำให้เสี่ยตี๋ ไฟเขียวให้ ขวัญชัย เปิดคลื่นมวลชนฯ ที่ตลาดแห่งนี้ปลุกระดมมวลชนทางวิทยุ และจัดตั้งชมรมคนรักอุดรฯ
4.ชมรมคนรักอุดร มีผู้ว่าฯ เมืองอุดรฯ เป็นสมาชิกลำดับแรก และ นายสมพงษ์ จันทร์งาม เป็นประธานชมรม ส่วนขวัญชัย ไพรพนา เป็นที่ปรึกษา สำหรับนายสมพงษ์ คนนี้ เป็นข้าราชการครูที่อยากเล่นการเมือง ปัจจุบันชมรมคนรักอุดรเปิดเว็บไซต์ขึ้นมาชื่อ www.weloveudon.com ซึ่งมีเนื้อหาโจมตีผู้ไม่เห็นด้วยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งสิ้น วิธีการหาสมาชิกชมรมคนรักอุดรฯ มีคำสั่งจากข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในจังหวัด ให้นำใบสมัครสมาชิกชมรมฯ ไปวางไว้ตามสถานที่ราชการทุกแห่งในอุดรฯ และให้ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน หาสมาชิกเข้าชมรมฯ ด้วย ปัจจุบันมีการอ้างตัวเลขว่ามีคนอุดรฯ เข้าสมัครเป็นสมาชิกแล้ว 100,000 คน
5.หมอวิชัย ชัยจิตวณิชย์กุล และ นายธีระชัย แสนแก้ว อดีต ส.ส.ไทยรักไทย มีการเกณฑ์เอาชาวบ้านในเขตเลือกตั้งของตน มาสมัครเป็นสมาชิกชมรมคนรักอุดร 6.ตำรวจอุดรฯ โดยการนำของ พล.ต.ต.เขมณัฐ สุขเจริญ ผู้ซึ่งกำข้อมูลในธุรกิจที่ไม่เปิดเผยของผู้กว้างขวางแห่งทุ่งศรีเมือง และข้อมูลดังกล่าวอาจดลบันดาลให้ตำรวจเมืองอุดรฯ วางเฉยในกรณีปิดล้อมพันธมิตรฯ อุดร เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2549 ที่ผ่านมา
7.นายเฉลิมพล สนิทวงศ์ชัย นายก อบจ.อุดรธานี พรรคไทยรักไทย ซึ่งมีลูกสาวเป็น ส.ส.ไทยรักไทย โดยในช่วงเลือกตั้งซ่อมแทน นายเฉลิมชัย ซึ่งกระโดดตึกตาย เป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการจัดเวทีเชียร์ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ทุ่งศรีเมืองเมื่อประมาณเดือน มี.ค.2549 เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกยึดอำนาจ มีรายงานข่าวว่า นายขวัญชัย ต้องหนีไปอยู่ประเทศลาวหลายวัน ก่อนที่จะกลับเข้ามาแล้วเก็บตัวเงียบ เพราะรู้ตัวดีว่านาทีนี้ไม่ใช่เวลา ของพวกเขา แหละเป็นสัจธรรมแห่งอำนาจ ยามไร้ผู้คุ้มครองก็ต้องก้มหน้าเดิน ขนาดเด็กปั้นมากับมืออย่าง “นก พรพนา” ก็มีปัญหากับต้นสังกัดเดิม โดยนายขวัญชัย ได้แต่มองตาปริบๆ ไม่อาจยื่นมือเข้าไปช่วยเหลืออะไรได้
จนกระทั่งกลุ่มพีทีวีของนายวีระ มุสิกพงศ์ ออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมต้าน คมช. นายขวัญชัย จึงเริ่มขยับด้วยการพาสมาชิกชมรมคนรักอุดรฯ เข้าร่วมด้วย แต่จำนวนไม่มากนัก แม้เขาจะบอกว่าไม่ได้มีท่อน้ำเลี้ยงจากอดีตนายกฯ แต่มีน้อยคนนักที่จะเชื่อ เพราะกรณีนี้ นายขวัญชัย มองข้ามช็อตไปที่การเลือกตั้งใหญ่ ซึ่งมั่นใจว่าถึงเวลานั้น น้ำเลี้ยงจะไหลผ่านท่อสู่ท้องทุ่งแห้งแล้งแห่งภาคอีสาน
นายขวัญชัย ตกเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2550 เมื่อถูกคนร้ายใช้ไม้หน้าสามฟาดจนสลบที่หน้าร้านข้าวต้มในตัวเมืองอุดรฯ โดยที่นางภริตพร หงษ์ธนาพร เพื่อนสาวให้การว่า ถูกทำร้ายหลังจากโทรศัพท์เข้าไปแสดงความคิดเห็นในรายการทางโทรทัศน์ โดยต่อว่านายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ที่บอกว่าหากพรรคพลังประชาชนได้เป็นรัฐบาลแล้วนิรโทษกรรมให้ 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ก็จะเดินขบวนประท้วง หลังจากนั้น วันที่ 23 ธ.ค. 2550 สถานีวิทยุชุมชนคนรักอุดรฯ ก็ถูกคนร้ายลอบเผาโดยไม่ทราบสาเหตุ และหลังจากที่พรรคพลังประชาชน ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายขวัญชัย กลับมามีบทบาทอีกครั้ง ซึ่งเริ่มตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.พ.51 ได้ออกมาเรียกร้องให้ชาวอุดรฯ ลงคะแนนให้ผู้สมัคร ส.ว.ที่มีสายสัมพันธ์กับพรรคพลังประชาชน
ต่อมาวันที่ 8 พ.ค.2551 นายขวัญชัย พาชาวบ้านจากอุดรฯ ประมาณ 400 คน เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ไปชุมนุมเรียกร้องให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ที่หน้ารัฐสภา โดยมี ส.ส.พรรคพลังประชาชน มาขึ้นเวทีด้วย ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่า มีการจ้างชาวบ้านไปร่วมงานคนละ 420 บาท เป็นเหตุให้ นายขวัญชัย ยื่นฟ้องหนังสือพิมพ์ 4 ฉบับที่เสนอข่าวดังกล่าว จากนั้นงานถนัดของนายขวัญชัย ก็หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นั่นคือการจัดหาม็อบถ่อยที่สุดเท่าที่จะหาได้ เพื่อเตรียมไว้ก่อกวนการจัดชุมนุมของพันธมิตรฯ ในอุดรฯ ซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย. 2551 ได้ส่งม็อบเข้าก่อกวนการแถลงข่าวของพันธมิตรฯ อุดรฯ ในการสนับสนุนการชุมนุมพันธมิตรส่วนกลางที่สะพานมัฆวานฯ หลังจากนั้น นายขวัญชัย ได้พาม็อบไปปิดล้อมบ้านพักของนายเจริญ หมู่ขจรพันธ์ แกนนำพันธมิตรฯอุดร
ต่อมา วันที่ 27 มิ.ย.2551 นายขวัญชัย ตั้งเวทีประชันกับเวทีของพันธมิตรฯ ที่ทุ่งศรีเมืองอุดรธานี และในวันรุ่งขึ้น คือ วันที่ 28 มิ.ย.2551 ได้พาม็อบไปล้อมร้านทองของนายเจริญ แกนนำพันธมิตรอุดรฯ พร้อมข่มขู่ให้ย้ายออกจากจังหวัด จนทำให้นายเจริญ ต้องย้ายมาร่วมเวทีพันพันธมิตรฯ ขอนแก่น ในวันที่ 29 มิ.ย.2551 และออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของนายขวัญชัย
ล่าสุดพฤติกรรมเยี่ยงสัตว์ป่าของนายขวัญชัย ได้แสดงออกอีกครั้ง โดยได้ร่วมกับนายอุทัย แสนแก้ว น้องชายนายธีระชัย แสนแก้ว ส.ส.พลังประชาชน และรมช.เกษตรฯ จัดม็อบร่วม 1 พันคน เข้ารุมทำร้ายพันธมิตรฯ อุดรธานี และรื้อเวทีที่หนองประจักษ์ จนทำให้ฝ่ายพันธมิตรฯ ได้รับบาดเจ็บร่วม 22 คน โดยอาการสาหัสอย่างน้อย 2 คน