“พันธมิตรฯ” ทั่วประเทศ สุดทน “รัฐตำรวจ” ทะลักเข้ากรุงรวมตัวแน่นถนนราชดำเนินนอกจากสะพานมัฆวานฯ ถึงลานพระบรมรูปทรงม้า ก่อนเคลื่อนขบวนไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาล ให้กำลังใจ “สนธิ” เข้ามอบตัว หลังถูกเล่ห์เหลี่ยมรัฐตำรวจออกหมายจับอ้างหมิ่นเบื้องสูง และในที่สุดตำรวจได้ให้ประกันตัวนายสนธิออกมาแล้ว
จากกรณีที่เข้าหน้าที่ตำรวจออกหมายจับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยอ้างว่าเผยแพร่คำพูดของ น.ส.ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล หรือดา ตอร์ปิโด ในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไปก่อนหน้านี้ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนยันว่าจะใช้มาตรฐานเดียวกันกับ น.ส.ดารณี จนกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเลือกปฏิบัติหรือไม่นั้น
วันนี้ (24 ก.ค.) เมื่อเวลา 07.30 น.ที่ผ่านมา รายงานข่าวแจ้งจากเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ว่า พันธมิตรฯ จากทั่วประเทศที่รับรู้ข่าวกรณีนายสนธิถูกออกหมายจับ และส่อเค้าว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจใช้มาตรฐานเดียวกับ น.ส.ดารณี นั้น ต่างหลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ เพื่อเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ จนแน่นขนัดมืดฟ้ามัวดิน เพื่อรวมพลังบริสุทธิ์ และให้กำลังใจ รวมทั้งจะเดินไปพร้อมกับนายสนธิที่จะเข้ามอบตัวที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลในเวลา 09.00 น.วันนี้
ต่อมา เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. ขบวนของพันธมิตรฯ ได้เตรียมตัวเคลื่อนออกจากบริเวณสะพานมัฆวานฯ แล้ว โดยมีรถหกล้อที่ดัดแปลงเป็นเวทีเคลื่อนที่นำขบวน ซึ่งบนรถเคลื่อนที่ดังกล่าวมีทีมงานโฆษกพันธมิตรฯ เช่น นายอมร อมรรัตนานนท์ นางสาวสโรชา พรอุดมศักดิ์ นางจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ นางสาวอัญชลี ไพรีรัก ฯลฯ คอยประกาศทางเครื่องขยายเสียงเพื่อทำความเข้าใจต่อผู้ชุมนุมเกี่ยวกับขั้นตอนการเคลื่อนขบวน โดยมีประชาชนมารออยู่แล้วหลายหมื่นคนเต็มพื้นที่ถนนราชดำเนินนอก จากสะพานมัฆวานรังสรรค์ไปจนถึงลานพระบรมรูปทรงม้า
เมื่อเวลาประมาณ 08.50 น. มีรายงานว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล พร้อมด้วยแกนนำคนอื่นๆ ได้มารออยู่ที่หน้าขบวน บริเวณหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล วังปารุสก์ และขบวนประชาชนได้เริ่มเคลื่อนขบวนออกจากบริเวณสะพานมัฆวานฯ แล้ว โดยมีโฆษกบนเวทีเคลื่อนที่คอยประกาศทำความเข้าใจต่อผู้ชุมนุมเพื่อให้การเคลื่อนขบวนประชาชนหลายหมื่นคนเป็นไปด้วยความสะดวก สลับกับการปราศรัยโจมตีระบบรัฐตำรวจเป็นระยะๆ
มีรายงานว่า เมื่อเวลา 09.20 น. นายสนธิได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเรียบร้อยแล้ว โดยคาดว่าตำรวจจะใช้เวลาในการสอบปากคำประมาณ 1 ชั่วโมง
เวลา 09.25 น. โฆษกบนเวทีได้ประกาศให้ผู้ชุมนุมทราบว่าจะมีการจัดเวทีปราศรัยย่อยที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อปักหลักชุมนุมอยู่ที่นี่จนกว่านายสนธิจะได้รับการประกันตัว โดยมีนายศรัณยู วงศ์กระจ่าง นายอมร อมรรัตนานนท์ และนางสาวอัญชลี ไพรีรัก ช่วยกันประกาศทางเคลื่อนขยายเสียงเพื่อจัดริ้วขบวนการชุมนุมให้เรียบร้อย โดยมีการปิดการจราจรบนถนนศรีอยุธยาด้านหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลตั้งแต่บัดนั้น ทั้งนี้ นายอมรได้ปราะกาศบนเวทีว่า นอกจาก พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ประธานคณะกรรมการพลังแผ่นดิน พันธมิตรฯ จะมาอยู่ในที่ชุมนุมแล้ว ยังมีทหารอีกจำนวนมากมาร่วมชุมนุมด้วย
เวลา 09.30 น. นายอมรกล่าวต่อผู้ชุมนุมว่า การออกหมายจับนายสนธิครั้งนี้เป็นแผนการของตำรวจที่จะสร้างเงื่อนไขให้ผู้ชุมนุมก่อความวุ่นวาย แล้วจะถือโอกาสให้ทหารประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่เชื่อว่าทหารจะไม่ทำตาม เพราะทหารได้มาอยู่กับประชาชนแล้ว
ต่อมานายปานเทพได้ขึ้นปราศรัยว่า หากตำรวจจงใจกลั่นแกล้งดำเนินคดีประชาชนนั้น ถือว่ามีความผิดถึงขั้นจำคุกและความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น ตามกฎหมายอาญาระบุชัดเจนว่าให้ดูที่เจตนา ซึ่งเจตนาการพูดของนายสนธินั้นต้องการปกป้องสถาบันอย่างชัดเจน และขอให้ตำรวจได้ดูว่าพวกเราที่มาเป็นพวกที่หมิ่น หรือปกป้องพระราชบัลลังก์กันแน่ หลังจากนั้นผู้ร่วมชุมนุมซึ่งเพิ่มจำนวนขึ้นหลายหมื่นคนได้ปรบมือยืนยันสิ่งที่นายปานเทพปราศรัย
ต่อมา นางสาวอัญชลีได้ปราศรัยว่า คนในเครือข่ายพรรคพลังประชาชน และอดีตพรรคไทยรักไทยได้กระทำการในลักษณะเดียวกันกับ ดา ตอร์ปิโด อย่างต่อเนื่อง ทั้งการจัดรายการทางวิทยุ และเผยแพร่ทางเว็บไซต์ แต่ทำไมตำรวจไม่ไปจับ คำตอบง่ายมาก เพราะรัฐตำรวจพวกนี้ไม่เคยทำงานภายใต้ฝ่าละลองธุลีพระบาท ไม่เคยรับใช้ประชาชน แต่ไปรับใช้ผู้มีอำนาจ ทั้งที่วันนี้เจ้าของอำนาจที่แท้จริงคือประชาชน
เวลา 09.47 น. นายปานเทพได้ปราศรัยต่อว่า ล่าสุดท่าทีของ พล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เริ่มมีท่าทีอ่อนลงแล้ว และกำลังจะโยนเผือกร้อนให้กับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. พร้อมกับย้ำว่าการกลั่นแกล้งประชาชนให้ได้รับโทษทางอาญามากกว่าปกติ มีโทษถึงขั้นจำคุกตลอดชีวิต
ต่อมาเวลา 10.00 น. ดร.ภูวดล ทรงประเสริฐ อาจารย์ประจำคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้ขึ้นปราศรัยโจมตีระบบรัฐตำรวจที่ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของคนบางคน และยืนยันว่านายสนธิมีความจงรักภักดีมากกว่าใครๆ อีกหลายคน สิ่งที่นายสนธิได้พูดไปนั้นไม่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอย่างแน่นอน แต่ตำรวจได้ตีความกฎหมายแบบศรีธนญชัย เพื่อเอาผิดกับนายสนธิให้ได้ พร้อมกับเตือนว่า การชุมนุมครั้งนี้เป็นที่สนใจของสื่อมวลชนจากทั่วโลกอย่าคิดว่าว่าจะหาทางปิดประตูตีแมวได้ง่ายๆ และวันนี้ประชาชนจะไม่มีวันยอมแพ้นักการเมืองพวกนี้อีกต่อไป ขอบอกให้ทราบว่าขณะนี้สถานของนายหน้าเหลี่ยมไม่ได้มั่นคงวเหมือนเดิมและอีกไม่กี่วันก็จะอยู่ไม่ได้แล้ว
หลังจาก ดร.ภูวดลกล่าวจบได้มีการเปิดเพลง"ไอ้หน้าเหลี่ยม" สร้างความคึกครื้นให้กับผู้ชุมนุมด้วย
ต่อมาเวลา 10.19 น.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ขึ้นกล่าวปราศรัยว่าอีกประมาณ 4 ปี ก็จะครบรอบ 100 ปี ตำรวจไทย ไม่น่าเชื่อว่าตำรวจที่เป็นพนักงานสอบสวนจะออกหมายจับนายสนธิ คนที่ได้เรียนกฎหมายนั้นเบื้องต้นต้องรู้ว่าการใช้กฎหมายหมิ่นประมาทนั้นต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง โดยต้องดูที่เจตนาเป็นหลัก เฉพาะอย่างยิ่งข้อหาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ไม่ใช่ว่านึกจะกล่าวหาใครก็จะกล่าวหาได้ง่ายๆ ที่สำคัญคือคนใกล้ชิดรัฐบาล เช่น นายจักรภพ เพ็ญแข ทำไมมองไม่เห็น ขอให้ตำรวจได้ตระหนักว่าภาพลักษณ์ของตำรวจไม่ค่อยดีอยู่แล้ว อย่าให้ตำรวจตกต่ำไปกว่านี้
นายสมศักดิ์ได้กล่าวเตือนถึง พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. รีบปล่อยตัวนายสนธิ โดยไม่มีเงื่อนไข ไม่เช่นนั้นถ้าเหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้ว จะไม่ให้อภัยแม้แต่นิดเดียว ถ้าตำรวจมาด้วยกฎหมายก็จะสู้กลับด้วยกฎหมาย มาแบบไหนก็ไปแบบนั้น พร้อมสู้ทุกรูปแบบ จะเอาอย่างไรว่ามาได้เลย และขอบอกว่าคนจำนวนมากเขาไม่ได้กินแกลับ รู้ว่าอะไรผิด อะไรถูก ดังนั้นเมื่อสอบสวนแล้วเห็นว่านายสนธิไม่มีเจตนาในการกระทำผิด เพื่อให้ความรู้สึกดีๆ กลับคืนมา ก็ควรปล่อยตัวนายสนธิโดยไม่มีเงื่อนไข และขอให้พี่น้องปรบมือให้กับตำรวจ ถ้ากลับใจในการสอบสวน เราเป็นสุภาพบุรุษพอ พร้อมให้อภัยกับคนที่สำนึกได้ แต่ถ้ายังมีความอยุติธรรมอยู่ เราก็พร้อมสู้ถึงที่สุด ประชาชนเดือดร้อนมาเยอะแล้ว ประเทศชาติเสียหายมามาแล้วมาถึงจุดที่เราจะยอมไม่ได้
ต่อมานายสำราญ รอดเพชร ได้ประกาศให้ทราบว่า พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานที่ปรึกษากองทัพไทย ได้มาร่วมชุมนุมด้วย และนายอมร ได้ประกาศข่าวดีว่า พล.อ.ท.กล้าหาญ มณีกุล อดีตผู้บังคับการกองบิน 5 ได้ทำหนังสือถึง พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ประธานคณะกรรมการพลังแผ่นดิน พันธมิตรฯ ขอสมัครเป็นกรรมการพลังแผ่นดิน โดบบอกว่าพร้อมสนับสนุนนกิจกรรมของพันธิมิตรฯ ทุกรูปแบบ และจะทำหน้าที่ประสานกับ ผบ.ทอ.ในการสนับสนุนพันธมิตรฯ นอกจากนี้ นายแก่นฟ้า ผู้ประสานงานคณะกรรมการพลังแผ่นดิน บอกว่า มีนายตำรวจชั้นสัญญาบัตรเข้ามาสมัครเป็นกองกำลังพลังแผ่นดินจำนวน 15 คนแล้ว
หลังจากนั้นเวลา 10.57 น. นายศรัณยู วงศ์กระจ่างได้ขึ้นเวทีร้องเพลงให้กำลังใจแก่ผู้ชุมุนมและนายสนธิ ลิ้มทองกุล จนเวลาประมาณ 11.05 น.นายเทิดภูมิ ใจดี อดีตผู้นำแรงงานได้ขึ้นเวทีปราศรัย
ลังจากนั้นเวลา 10.57 น. นายศรัณยู วงศ์กระจ่างได้ขึ้นเวทีร้องเพลงให้กำลังใจแก่ผู้ชุมุนมและนายสนธิ ลิ้มทองกุล จนเวลาประมาณ 11.05 น.นายเทิดภูมิ ใจดี อดีตผู้นำแรงงานได้ขึ้นเวทีปราศรัย
เวลา 11.15 น. นายอมร ได้ปราศรัยตำหนิ เอ็นบีที ที่เสอนข่าวบิดเบือน โดยอ้างว่า นักรบศรีวิจัยที่เป็นการ์ดให้พันธมิตรฯ พกอาวุธมาร่วมชุมนรุมด้วย หลังจากนั้นายสำราญ รอดเพชร ได้กล่าวย้ำว่า ข้อเรียกร้องในการุมนุมของเราคือให้ปล่อยนายสนธิโดยไม่มีเงื่อนไข และนายปานเทพ กล่าวเสริมว่า นายสนธิเป็นคนที่มีความจงรักภักดี และคนที่มาชุมนุมก็มาเพื่อปก้องสถายัน ส่วนที่กล่าวหาว่านักรบศรีวิชัยมีอาวุธ ก็จะมีแต่ธงเท่านั้น
ต่อมา เวลา 11.30 น. ดร.ภูวดล ทรงปผระเสริฐ ได้ขึ้นเวทีปราศรัยอีกครั้ง โดยย้ำว่าระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะยังอยู่คู่กับสังคมไทยไปอีกนาน และพันธมิตรฯ ทุกคนมีความจงรักภักดีเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถด้วยความจริงใจ ไม่ใช่จงรักภักดีแต่ปาก
เวลา 11.34 น. นายอมรประกาศว่า เราอาจจะได้ข่าวดีว่ามีการปล่อยตัวนายสนธิ แต่ถ้าตำรวจจะปล่อยจริงๆ ขอให้นายสนธิ ได้ออกมาพบพวกเราที่หน้าประตูใหญ่ จะไม่ยอมให้ใช้แผนลวงโดยให้นายสนธิขึ้นรถตู้ แล้วหายไป ต้องปล่อยตัวที่หน้าประตูใหญ่เท่านั้น
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า นายสนธิมาพบตำรวจดดยไม่ได้ถูกควบคุมตัว เพราะเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้มาสู้คดีอะไร แต่มายืนรยันความบริสุทธ์เท่านั้น เพราะฉะนั้น ขอให้ปล่อยนายสนธิออกมาทางประตูนี้ โดยปราศจากการควบคุมใดๆ เพราะเรามาด้วยตนเอง เรามาทำตามหน้าที่เพื่อชี้แจงว่าไม่มีเจตนาอะไร แต่ต้องการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เท่านั้น ขอให้ตำรวจอย่าฟังข่าวจากทางอื่นขอให้ฟังจากตน ไม่เช่นนั้นจะเกิดความตึงเครียด
ต่อมาเวลา 11.38 น. นายปานเทพ ประกาศว่า ได้รับข้อความจากทีมงานนายสนธิ ที่ฝากบอกมาว่า ขอให้พวกเราเคลื่ออนไปรอพบนายสนธิที่เวทีใหญ่ อย่างไรก็ตาม จะเข้าไปข้างในเพื่อหาข้อเท็จจริงมาบอกผู้ชุมนุมอีกครั้ง
นายสำราญ ได้กล่าวว่า ตอนนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า จะมีการปล่อยตัวนายสนธิแน่นอน แต่จะออกประตูไหนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม อยากให้ออกมาทางประตูหลักที่มีผู้ชุมนุมรออยู่
ต่อมาทีมงานของนายสนธิได้ออกมาบอกว่า ตำรวจกำลังจะมีการแถลงข่าวการให้ประกันตัวนายสนธิ ซึ่งนายสนธิไม่ต้องการให้เกิดความวุ่นวายจึงอยากให้ผู้ชุมนุมกลับไปรอที่เวทีใหญ่ อย่างไรก็ตาม ได้มีการตกลงกันว่าจะยังชุมนุมอยู่ที่หน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลจนกว่าการประกันตัวนายสนธิจะแล้วเสร็จ แต่จะลดการใช้เสียงลง
ในช่วงเวลาดังกล่าว นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชน
เวลา 11.48 น.นายสนธิ ได้ลงมาจากห้องสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาล และมุ่งหน้าไปที่รถปราศรัย และขึ้นปราศรัยในเวลา 11.50 น.
นายสนธิ กล่าวว่า ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลได้ใช้มาตรฐานเดียวกันกับคดีนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แต่การต่อสู้ยังไม่สิ้นสุด แต่ขอนิดหนึ่ง เนื่องจากขณะนี้มีพิธีพระราชทานปริญญาบัตร จึงขอให้พี่น้องกลับไปที่เวที สะพานมัฆวานฯ แล้วจะไปขึ้นเวทีที่นั่นเพื่อบอกว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ขอให้เดินกลับไปที่เวทีด้วยความสงบ และแกนนำทุกคนพร้อมทนายความจะไปบอกรายละเอียดที่นั่น